Sculptra คือ อนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น Sculptra เป็น Collagen Biostimulator ตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก USFDA และ Thai FDA รับรอง ทำให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูง และผลลัพธ์ที่ได้ก็ดูเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไม่มีผลหรืออาการข้างเคียงใดๆ ให้เป็นกังวล
ผลลัพธ์
เป็นการกระตุ้นและการสร้างคอลลาเจน Type-1 Sculptra สามารถฟื้นฟูสภาพผิวที่หย่อนคล้อย ขาด Volume ช่วยทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์มากขึ้น
ผลลัพธ์หลังการฉีด Sculptra จะค่อยๆเห็นผลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากการฉีดประมาณ 2 – 3 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยตามผลการวิจัย Sculptra จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen Type-1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่ง collagen type1 เป็นคอลลาเจนตัวที่ผิวของเราต้องการมากที่สุดด้วยโดยทั่วไปควรจะทำการ ฉีด 2 – 3 ครั้ง โดยเว้นระยะในทุกๆ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานและให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
หลังการรักษาด้วย Sculptra สามารถเห็นผลได้ทันทีเลยหรือไม่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่?
ผลลัพธ์หลังการรักษาด้วย Sculptra จะยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง หน้าจะดูไม่แข็งแต่ให้ความเป็นรรรมชาติมาก เพราะอนุภาคของ Sculptra หรือสาร PLLA-SCA จะค่อย ๆ เข้าไปทำปฏิกิริยาในใต้ชั้นผิวลึกและเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวของตัวเองให้เพิ่มขึ้น ทำให้จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังการฉีดไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะเห็น ผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี
Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นตามวัย เพราะ Sculptra เป็นอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA-SCA) ที่เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนธรรมชาติของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นรวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างภายในชั้นลึกของผิวเพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิว ยกกระชับขึ้น ผิวดูแน่นอิ่มฟู และช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพร้อมปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือว่า Sculptra ตอบโจทย์ของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเหมาะมากๆกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์จากการฉีดที่ยาวนาน เพราะจากการวิจัยพบว่า Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี ซึ่งก็เป็นที่พึงพอใจกับคนไข้ที่ฉีดไปเป็นอย่างมาก
อาการทั่วไปหลังการฉีดในช่วง 1-2 วันแรกแล้วจะหายไปเองจะมีเพียง อาการบวม แดง ช้ำหรือมีอาการปวดเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติทั่วไปเช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์ ไม่มีผลข้างเคียงอื่นๆ ที่รุนแรง แต่หากหลังจากฉีดไปแล้วอาจจะมีคลำเจอ ตุ่มนูนหรือก้อนเล็กๆใต้ผิวหนังก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะสามารถทำตามที่คุณหมอแนะนำคือให้เน้นนวดบริเวณที่ฉีด Sculptra มา เพื่อให้อนุภาคของสารที่ฉีดไปไม่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อน นอกจากนี้ Sculptra ยังสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ตกค้างในร่างกาย และ Sculptra ยังถือเป็น collagen biostimlator ตัวแรกของโลก และตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US-FDA ยิ่งเป็นการตอกย้ำ ความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยต่อร่างกายของคนไข้ได้ เป็นอย่างดี
การเตรียมตัวก่อนจะมาทำการรักษาจะคล้ายๆกับการรักษาแบบอื่นๆ ทั่วไป คือต้องไม่ฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการตัวอื่นๆ มาก่อนประมาณ 2 – 4 อาทิตย์ รวมถึงควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ รวมถึงงดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยากเช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด ดูแลสุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
ในอดีตฟิลเลอร์ประเภทเดียวที่ได้รับการอนุญาติในไทย คือ Hyaluronic acid filler หรือ HA Filler
ทำให้ในอดีตเมื่อเรานึกถึง Filler เราจะนึกถึงเฉพาะ HA Filler หรือ Filler ที่เราใช้กันทั่วไปในอดีต
แต่แท้จริงๆแล้ว หากพูดถึง Filler ในต่างประเทศ เราจะแบ่ง Filler ออกเป็น 3 กลุ่มคือ
ดังนั้น Sculptra นับว่าเป็น Semi-Permanent Filler ซึ่งทำงานแตกต่างจาก HA Filler นั่นเอง
โดยปกติหลังอายุ 20 ปี คอลลาเจนจะสูญเสียปีละประมาณ 1% นั้นหมายความว่าที่อายุ 45% ปี คอลลาเจนจะหายไป 25% ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ร่องลึก และคุณภาพผิวที่เสื่อมถอย
Sculptra จะเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนตามกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกาย คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว แน่น อิ่มฟู ยกกระชับบริเวณที่ผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ตัวผิวมีความหนาและแข็งแรงขึ้น ร่องต่างๆดูดีขึ้นจากผิวตามธรรมชาติของเราเอง
จุดเด่น ของ Hyaluronic acid Filler
จุดเด่น ของ Sculptra
Sculptra | Filler | |
---|---|---|
การทำงาน | ตัวยา “กระตุ้นเนื้อ” | ตัวยา “เติมเต็ม” |
ตัวยา | Poly-L-Lactic-Acid | Hyaluronic acid ที่ผ่านกระบวนการเชื่อมพันธะให้มีเนื้อเจลหลากหลายทั้งนิ่มและแข็ง |
กลไก | กระตุ้นเนื้อ และผิวตามธรรมชาติ กระตุ้นการสร้าง Collagen type 1 โดยกระบวนการของร่างกายเอง | เติมปริมาตรส่วนที่ขาด “เนื้อเจล” Cross-linked Hyaluronic acid โดยการสังเคราะห์ให้มีองค์ประกอบที่ผสานกับเนื้อเยื้อจริงได้ |
เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย กับ “ลูกโป่ง” | เปรียบเหมือนการทำให้ผิวลูกโป่ง หนา แน่น เฟิร์ม เรียบและหดตัว (ออกฤทธิ์ที่ผิวด้านบนตามธรรมชาติ) | ออกฤทธิ์เหมือนการเติมน้ำให้ลูกโป่ง (เติมทดแทนปริมาตรด้านล่าง) |
นานเท่าไหร่เห็นผลลัพธ์ | 1-3 เดือน เพราะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย | ทันที เพราะเป็นการ “เติม” และรอ 2-4 สัปดาห์เพื่อให้เกิดการคงตัวและผสานกับเนื้อเยื้อ |
วิธีฉีด | ฉีด 1-3 ครั้งตามอายุ ปริมาณต่อครั้งขึ้นกับอายุ ฉีดชั้นตื้นบริเวณใต้หนังแท้ | ฟูตามปริมาณที่ฉีด โดยเลือกเนื้อให้เหมาะสมกับบริเวณโดยมากฉีดชั้นลึกที่ไขมันหรือกระดูก |
ช่วยทำให้ผิวฟูขึ้น ลดร่องต่างๆหรือไม่ | ช่วย โดยเหมาะกับเคสที่โครงสร้างภายในเช่นกระดูกหรือไขมันยังดีอยู่ | ช่วย โดยเหมาะกับเคสที่โครงสร้างด้านใต้เช่นกระดูกหรือไขมัน เสียหาย ทรุดตัว |
แตกต่างกันอย่างไร | ผิวธรรมชาติ ฟูขึ้นแน่นขึ้น เรียบขึ้น ร่องดีขึ้น แต่จะฟูไม่มากจนแก้งานโครงสร้างได้ แต่ได้เปรียบระยะยาวเพราะผิวหนังแข็งแรงตามธรรมชาติ เหมือนตอนอ่อนเยาว์ | ไม่ได้แก้ผิวธรรมชาติ แต่เติมปริมาตรผ่านเนื้อเจล เหมาะกับปริเวณที่ต้องแก้ งานโครงสร้าง มิติใบหน้า กระดูกหรือไขมันยุบตัว แต่ถ้าผิวยืดหยุ่นไม่ดีแต่เติมฟิลเลอร์ “มากเกินไป” อาจเกิด “ภาวะหน้าล้น” ได้ เพราะผิวด้านนอกยืดออก |
อยู่นานแค่ไหน | นานมากกว่า 25 เดือน เพราะเป็นคอลลาเจนจริงตามธรรมชาติ แต่มีการเสื่อมตัวตามอายุ | 6-18 เดือนขึ้นกับรุ่นฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด |
เทคนิคขั้นตอนการทำเฉพาะที่ DSK Clinic
Sculptra เป็นคอลลาเจน Collagen Biostimulator ซึ่งการฉีดหลัง Thermage, Ulthera หรือแม้กระทั่งเครื่องมือกระตุ้นคอลลาเจนอื่นๆ จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์ของเครื่องมือนั้นดีขึ้น
แต่หากเปรียบเทียบตัวต่อตัว Thermage จะเน้นในเรื่องความหด กระชับ จากการคอลลาเจนหดกระชับ และสร้างคอลลาเจนใหม่ร่วมด้วย เหมือนการหดสปริงเดิม และสร้างสปริงใหม่ของผิว ไปพร้อมกัน
Sculptra จะไม่ได้มีพลังงานความร้อนที่ทำให้คอลลาเจนเดิมหดกระชับ แต่จะเน้นการสร้างอคลลาเจนใหม่ให้ผิว เรียบขึ้น หนาขึ้น ร่องต่างๆดีขึ้น ความยืดหยุ่นแข็งแรงของผิวดีขึ้น แต่หากทำพร้อมกับ Thermage จะทำให้คอลลาเจนที่ Thermage สร้างได้มีปริมาณมากขึ้นได้
ในขณะที่ Ulthera กับ Sculptra จะทำงานกันคนละชั้นอย่างสิ้นเชิง โดย Ulthera ทำงานที่ SMAS เน้นการยกของผิว โดยการฉีด Sculptra ทำให้ Ulthera ทำงานได้ดีขึ้น แต่โดยตัวมันเองจะเด่นที่การสร้างคอลลาเจนให้ผิวแน่น ยืดหยุ่นเรียบเนียนมากกว่าการที่ผิวยก
ที่ DSK เรานำ sculptra มาใช้กับการรักษาหลุมสิว ด้วยเทคนิคเฉพาะที่ DSK โดย Sculptra จะทำให้การรักษาหลุมสิวโดยการใช้เลเซอร์ การตัดผังผืดดีขึ้น และทำให้ผลลัพธ์การรักษาหลุมสิวมากขึ้น
โดย sculptra ถือเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยยกความสามารถในการรักษาหลุมสิวให้ดีขึ้น
แต่การรักษาโดยใช้ Sculptra ในการรักษาหลุมสิวเป็นการรักษาที่ต้องใช้เทคนิคเฉพาะและรักษาร่วมกับเทคนิคอื่นๆเท่านั้น