- Blog
- Custom Skin Quality
- August 5, 2024
เผยเคล็ดลับลดริ้วรอย Sculptra VS. เรตินอล ใช้อะไรดีกว่ากัน
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป Sculptra และ เรตินอล คืออะไร ต่างกันอย่างไร เหมาะกับริ้วรอยแบบไหน ?
|
ปัญหาฝุ่นและมลภาวะ รวมถึงอายุที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ง่ายขึ้น เมื่อเกิดริ้วรอยแล้วก็ต้องหาทางแก้ไข ในปัจจุบันมีหัตถการอยู่หลายรูปแบบที่สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ แต่ควรเลือกอะไรดีระหว่างการทำ Sculptra หรือการใช้เรตินอลดี? ในบทความนี้ทางคุณหมอจากทีม DSK Clinic จะมาตอบทุกคำถามที่ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับปัญหาริ้วรอย พร้อมอธิบายความแตกต่างว่า Retinol ช่วยเรื่องอะไร และ Sculptra ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
ริ้วรอยเกิดจากอะไร
สาเหตุของการเกิดริ้วรอยมีทั้ง อายุ พันธุกรรม ฮอร์โมน โรคประจำตัว แสงแดด มลภาวะ และพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ การพักผ่อนน้อย เป็นต้น ซึ่งริ้วรอย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- ริ้วรอยแบบ Static Wrinkles คือ ริ้วรอยที่เกิดจากผิวที่ขาดน้ำ ผิวแห้ง โดยริ้วรอยเหล่านี้จะยังเห็นชัด แม้จะไม่ได้มีการแสดงสีหน้า หรือท่าทางใดๆ
- ริ้วรอยแบบ Dynamic Wrinkles คือ ริ้วรอยนี้จะออกมาตอนที่มีการแสดงสีหน้า ท่าทาง เช่น การยิ้ม การเลิกคิ้ว ขมวดคิ้ว เป็นต้น
Sculptra คืออะไร
Sculptra คือ สารกลุ่ม Biostimulator ที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิกใต้ผิวหนัง โดยมีองค์ประกอบคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งการฉีด Sculptra จะเป็นการฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังที่ระดับความลึก 1.5-2 มิลลิเมตร เป็นการรักษาปัญหาผิวหนังเชิงลึก เนื่องจากเป็นการฉีดเข้าไปที่ใต้ผิวหนังโดยตรง ทำให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจน โดยสามารถแก้ปัญหาผิวได้ ดังต่อไปนี้
- ปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และมีผิวไม่เรียบเนียน
- ปัญหาสิว ต้องการให้ใบหน้าดูกระจ่างใส มีความชุ่มชื้น
- ผิวไม่มีความยืดหยุ่นและกระชับ
- ผิวเสื่อมโทรม ขาดการดูแลเป็นระยะเวลานาน
เรตินอล (Retinol) คืออะไร
Retinol คือ วิตามินเอบริสุทธิ์ มักพบเรตินอลอยู่ในผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ หรือกลุ่ม Anti-Aging ทำหน้าที่ในการผลัดสภาพเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกมา อีกทั้งเรตินอลยังช่วยยับยั้งการอุดตันของรูขุมขน และช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำจากแสงแดดได้อีกด้วย
- เรตินอลเหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 ปีปลายๆ จนถึง 30 ปีต้นๆ เพราะร่างกายยังมีการผลัดเซลล์ผิวอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ จึงทำให้ผิวหนังยังคงเต่งตึง ยังไม่ค่อยเห็นริ้วรอยต่างๆ
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก ในผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี เพราะร่างกายจะเริ่มหยุดผลิตคอลลาเจน ทำให้การทาสกินแคร์ไม่ได้ผลอีกต่อไป
Sculptra และ เรตินอล ต่างกันอย่างไรบ้าง เลือกใช้อะไรดี?
การใช้เรตินอล เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวหนังชั้นบน ซึ่งเรตินอลมักพบอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จัดว่าเป็นการรักษาผิวหนังชั้นบนแบบช้าๆ แต่การใช้เรตินอลนั้นจะไม่ได้มีผลโดยตรงกับการปรับรูปหน้า หรือแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย รวมถึงไม่สามารถกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิวได้เหมือนกับการทำ Sculptra
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของการทำ Sculptra กับเรตินอล จะเห็นว่าการทำหัตถการ Sculptra จะเป็นการแก้ไขปัญหาผิวหนังได้อย่างตรงจุด ทั้งแก้ไขปัญหาชะลอวัย แก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย รวมถึงช่วยให้ผิวมีความหนาขึ้น ลดริ้วรอยแบบ Static Wrinkles ที่เป็นปัญหาริ้วรอยที่แก้ไขได้ยากอีกด้วย ซึ่งปัญหาผิวหนังทั้งหมดที่ Sculptra ช่วยได้นั้น เรตินอลแทบจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงลึกได้เลย
ฉีด Sculptra แล้วใช้เรตินอลควบคู่กันได้ไหม
การใช้เรตินอลควบคู่กับการทำ Sculptra สามารถทำได้ โดยคุณหมอแนะนำให้งดใช้เรตินอลหลังทำ Sculptra ไปอย่างน้อย 3-7 วัน เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองผิว โดยหากพ้น 1 สัปดาห์ไปแล้วสามารถใช้เรตินอลได้ตามปกติ
ฉีด Sculptra ที่ DSK Clinic ดีกว่าอย่างไร
สำหรับการทำ Sculptra ที่ DSK Clinic นั้น มีจุดเด่นในเรื่องการออกแบบรักษาเฉพาะบุคคล หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการ Custom Sculptra หรือการจัดรูปแบบการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด โดยแบ่งหลักการออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
- Custom Analysis การวิเคราะห์ปัญหาเฉพาะบุคคล คุณหมอผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า ปัญหาผิวหนังของคนไข้อย่างละเอียด ซึ่งคนไข้แต่ละเคสล้วนมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ปัญหาผิวหนังก็มาจากหลากหลายสาเหตุ จึงต้องมีการวิเคราะห์ผิวของคนไข้ก่อนวางแผนการรักษา
- Custom Planing ที่ DSK Clinic จะทำการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยแบ่งการรักษาออกเป็น 2 แบบ คือ การวางแผนระยะสั้น และแผนระยะยาว เนื่องจากใบหน้าของคน 1 คน อาจมีปัญหาผิวหนังมากกว่า 1 สาเหตุ ทำให้การรักษาจะต้องใช้ระยะเวลามาก-น้อย ขึ้นอยู่กับพื้นผิวของคนไข้ว่าเป็นอย่างไร
- Custom Technique ที่ DSK Clinic จะเลือกใช้เทคนิควิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวหนังของคนไข้ โดยพิจารณาจากความเหมาะสมและความปลอดภัยมาก่อนเสมอ
DSK Filler & Lifting Excellence Focus
1 ใน 3 ความเชี่ยวชาญในการรักษาเฉพาะด้านของ DSK : ปรับรูปหน้า | รักษาหลุมสิว | เลเซอร์งานผิว
- “แพทย์” รวมทีมแพทย์เฉพาะทางการปรับรูปหน้า วิเคราะห์ลงลึกถึงโครงสร้าง
- “เครื่องมือ” ระดับ Gold-Standard ที่เป็นมาตรฐานระดับโลก
- “เทคนิค” ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล อัปเดตเทคนิคใหม่อย่างสม่ำเสมอ
DSK The First Customized Clinic
“เทคนิคต่าง ผลลัพธ์ต่าง” เพราะผลลัพธ์ของคุณสำคัญที่สุดสำหรับเรา
- เครื่องมือได้รับการรับรอง USFDA อัปเดต เทคนิคการรักษาและงานวิจัยจากทั่วโลก
- ทีมแพทย์ผิวหนัง เชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์ดูแลคนไข้กว่า 50,000 เคส
- ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อตัวเองในรูปแบบที่ดีกว่าเดิม
รางวัลล่าสุดที่ DSK ได้รับรางวัลใหญ่ที่สุดของ Sculptra ในไทย
คลินิกที่ให้บริการสูงสุด 1 ใน 3 คลินิก จากคลินิกทั้งหมดทั่วประเทศ
ช่องทางการติดต่อ DSK Clinic
DSK Clinic มีทีมแอดมินคอยแนะนำ และให้คำปรึกษาฟรี แอดไลน์ปรึกษา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
ADD LINE OFFICIAL ACCOUNT
Facebook: https://www.facebook.com/dsk.clinic/
Instagram: https://www.instagram.com/dsk.clinic/
YouTube: https://www.youtube.com/@dskclinic
TikTok: https://www.tiktok.com/@dskclinic c
สรุป
สามารถสรุปได้ว่าการทำ Sculptra คือ การทำหัตถการรูปแบบหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง โดยการฉีด Sculptra จะช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ริ้วรอยดูจางลง ส่วนเรตินอล หรือ Retinol คือ การใช้วิตามินเอบริสุทธิ์ในการลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำต่างๆ โดยสามารถพบเรตินอลได้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทั้งนี้หากเทียบประสิทธิภาพ และระยะเวลาในการเห็นผลนั้น คุณหมอขอแนะนำให้เลือกทำ Sculptra ดีกว่า เนื่องจากการทำ Sculptra จะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนเข้าไปที่ชั้นผิวหนังโดยตรง ทำให้สามารถลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเห็นผล และสำหรับใครที่กำลังสนใจอยากลองทำ Sculptra สามารถติดต่อทาง DSK Clinic เพื่อขอนัดหมายและเข้าพบคุณหมอเพื่อปรึกษาปัญหาผิวก่อนทำการรักษา เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ Sculptra และ เรตินอล (FAQ)
สำหรับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Sculptra และการใช้เรตินอล ทาง DSK Clinic ได้รวบรวมคำตอบที่หลายๆ คนสงสัยเอาไว้ให้แล้ว
หลังทำ Sculptra จะเห็นผลเลยทันทีไหม
หลังจากทำ Sculptra สามารถเห็นผลหลังทำครั้งแรกภายใน 3 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 3 เดือน
ทำ Sculptra กี่ครั้ง ถึงจะเห็นผลชัดเจน
สำหรับการทำ Sculptra แบบที่เห็นผลชัดเจนควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 ครั้ง โดยเห็นผลระยะยาวประมาณ 2 ปี แต่หากฉีด Sculptra ครั้งเดียว ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 2-4 เดือน
ทำ Sculptra พร้อมหัตถการอื่นได้ไหม
สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ โดยการทำ Sculptra สามารถทำพร้อมกับเลเซอร์ Potenza หรือ Picosecond Laser หรือสามารถทำร่วมกับการทำ Thermage หรือ Ulthera ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้การเลือกทำหัตถการอื่นๆ ควบคู่กับการทำ Sculptra ควรปรึกษาคุณหมอก่อนทำทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาผิวแต่ละบุคคล
ใช้เรตินอลได้ทุกวันไหม
ในระยะแรกไม่ควรทาเรตินอลต่อเนื่องทุกวัน เนื่องจากเรตินอลเป็นสารที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ควรให้ระยะเวลาให้ผิวได้ปรับสมดุลก่อน เมื่อใช้ไปสักระยะหนึ่งจนผิวสามารถปรับสมดุลได้แล้ว จึงจะสามารถใช้เรตินอลได้ทุกวัน
ใช้เรตินอลคู่กับ AHA ได้หรือเปล่า
สามารถใช้ร่วมกันได้ ถึงแม้ว่าเรตินอล กับ AHA จะทำหน้าที่ในการผลัดเซลล์ผิวทั้งคู่ แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุว่าห้ามใช้เรตินอลคู่กับ AHA ทั้งนี้คุณหมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้กรดวิตามินซีควบคู่กับการใช้เรตินอล เพราะจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย