Pico Laser หรือชื่อเต็ม ๆ คือ Picosecond Laser ดีจริงไหม รักษาอะไรได้ รักษาอะไรไม่ได้ เลือกอย่างไร ไม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด

ปัจจุบัน Picosecond Laser เป็นเลเซอร์ที่กำลังเป็นที่นิยม ว่าเป็น “เลเซอร์เปลี่ยนผิว” ทำให้ผิวดีขึ้น เนียนละเอียดขึ้น สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้นถาวร แต่สิ่งที่เราต้องรู้จริงๆคือ จริงๆ Picosecond Laser ดีกว่าเลเซอร์ตัวอื่นจริงๆหรือไม่ แก้ไขปัญหาอะไรได้ดีที่สุด แก้ปัญหาอะไรได้ดีปานกลาง ต้องทำ กี่ครั้ง อะไรเป็นสิ่งที่ใช้ในการดูว่าทำเลเซอร์ที่ไหนเห็นผลหรือไม่เห็นผล ใช้เครื่องไหนดี และอะไรเป็นกลโกงที่ควรระวัง จะได้มีข้อมูลประกอบการเลือกคลินิกที่ถูกต้อง

• Picosecond Laser เป็นเลเซอร์ผิวหนังที่ เปรียบเหมือน “ตัวเปลี่ยนเกม” ของวงการแพทย์ผิวหนังในด้านเม็ดสี รอยดำ รอยสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ และช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นถาวร แก้ปัญหาหลุมสิว รูขุมขน ผิวไม่เนียนละเอียดไปได้พร้อมๆกัน
• สิ่งที่ Pico ทำได้ดีที่สุด ดีกว่าเลเซอร์ตัวอื่นทุกตัวในปัจจุบันคือ “ด้านเม็ดสี” ความกระจ่างใส รอยดำจากสิว กระประเภทต่างๆ(ยกเว้นกระเนื้อ) สีผิวสม่ำเสมอ เนื่องจากโดยหลักการ Picosecond Laser เกิดมาเพื่อเม็ดสีโดยเฉพาะ การปล่อยพลังงานของ Pico ที่สั้นในระดับ 1 ในล้านล้านวินาที ทำให้เกิดแรงกระแทกเม็ดสีในระดับโมเลกุลทำให้เม็ดสีแตกได้ละเอียดมากกว่า การทำเลเซอร์กลุ่มเดิม เปรียบเสมือน Pico ทำให้เม็ดสีแตกจากก้อนหินเป็นผงฝุ่น ในขณะที่เลเซอร์กลุ่มเดิมทำให้ก้อนหิน กลายเป็นก้อนกรวดเท่านั้น จึงได้ผลน้อยกว่า
• นอกจากเม็ดสีสิ่งที่เราได้จาก Picosecond laser คือผิวที่ละเอียดขึ้น จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซ่อมแซมผิวถาวร จากการใช้เลนส์ประเภทพิเศษ (Fractional len array) บีบอัดแสงเป็น จุดเล็กๆแต่เข้มข้นทำให้เกิดฟองอากาศใต้ผิวที่เราเรียกว่า LIOB (Laser induced optical breakdown) ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่เกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ เป็นแก้ปัญหาด้านหลุมสิว รูขุมขน ผิวที่ไม่เนียนละเอียด และริ้วรอยประเภท fine line ดังนั้นเมื่อรวมสองคุณสมบัติเข้าด้วยกัน Pico จึงเสมือนเลเซอร์ที่พัฒนาคุณภาพผิวทั้งในเชิงเม็ดสีและความเรียบเนียน

• คำถามคือหากเรื่อง เม็ดสี รอยดำ ผิวกระจ่างใส Pico คือ The best ไม่มีเลเซอร์อื่นเทียบได้ แล้วด้านด้านรูขุมขน หลุมสิว ผิวละเอียด Pico คือ The best หรือไม่ ต้องบอกว่า ถ้าเป็นด้านหลุมสิว รูขุมขน ผิวละเอียด Pico เองก็ทำได้ดี แต่จะมีเลเซอร์หรือคลื่นวิทยุรุ่นใหม่ๆเช่น Potenza สามารถลงพลังงานกระตุ้นคอลลาเจน ได้ลึกกว่า Pico ถ้าใครมีปัญหารูขุมขน หลุมสิว ผิวไม่ละเอียด และไม่ได้มีปัญหาเม็ดสีมาก Potenza ก็อาจจะเหมาะมากกว่า Pico  แต่ถ้ามีหลายๆปัญหาร่วมกัน Pico ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูระดับความรุนแรวของปัญหาอีกครั้ง
• คำถามต่อมาคือ Pico Laser แก้ปัญหาอะไรได้ดี และแก้อะไรไม่ได้ สิ่งที่ Pico Laser แก้ได้ดีคือ รอยสิว ความสม่ำเสมอสีผิว ความใสของผิว กระตื้น กระแดด กระลึก รูขุมขน หลุมสิว ผิวละเอียด โดยปกติปัญหาเหล่านี้จะเห็นผลชัดเจนหลังทำประมาณ 3-5 ครั้ง ระยะห่างประมาณ 4 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง โดยทั่วไปหลังการยิงครั้งแรกผิวจะสม่ำเสมอขึ้นใสขึ้น แต่ปัญหาจะไม่ได้ถูกแก้ไขทั้งหมดในครั้งเดียว ในกรณีของกระลึกที่อาศัย การยิงประมาณ 6-10 ครั้ง ระยะห่างทุก2-3 เดือน โดยผลลัพธ์ที่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาผิวถาวร แต่ก็จำเป็นต้องมีการดูแลผิวหรือ maintain ผิวท่ีดีในระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นได้ตามวัยและการโดนแดด #ปัญหาที่ Pico Laser แก้ไม่ได้คือกระลึก (hori’s nevus) ที่มีความหนา ต้องใช้ CO2 Laser ในการรักษาแทน
• โดยปกติปัญหาเม็ดสีจะเริ่มเห็นผลใน 2-3 สัปดาห์ยกเว้นกระลึกและฝ้าซึ่งใช้เวลานานกว่า ส่วนผิวเรียบเนียน ผิวละเอียด แลัปัญหาหลุมสิว รูขุมขน เนื่องจากต้องมีระยะเวลาให้คอลลาเจนสร้าง ผลลัพธ์จึงจะชัดเจนใน 1-3 เดือน 
• ในกรณีของฝ้า ไม่แนะนำให้ใช้ Pico Laser ตัวเดียวในการรักษา และการรักษาหลัก ต้องมีการใช้ยาทา ยารับประทาน การควบคุมปัจจัยกระตุ้นร่วมด้วยเสมอ ตามการวางแผนของแพทย์
• ปกติ Pico จะมีทั้งโหมดที่หน้าไม่แดง (Pico-Toning) ที่เน้นเรื่องความสว่างใส สีผิวสม่ำเสมอ รอยสิว และโหมดที่หน้าแดง (Fractional Pico) ที่หน้าจะแดงประมาณ 3-7 วัน รวมถึงโหมดตกสะเก็ดเฉพาะจุด (Pico-Zoom) ซึ่งใช้กับกรณีเช่นกระแดด กระลึก กระตื้นเป็นต้น รวมถึง Pico ยังสามารถลบรอยสักได้  ทั้งนี้ในแต่ละสภาพผิว สีผิว และแต่ละปัญหาต้องมีการปรับตั้งค่าพลังงานอีกหลายค่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา (โหมดต่างๆจริงๆแล้วมีความละเอียดอีกมากแต่ปรับคำให้เข้าใจโดยง่าย) 
• การยิง Pico Laser ให้ได้ผล อาศัยสกิลและความชำนาญมาก การยิงในแต่ละที่ หมอคนละคน เทคนิคคนละแบบให้ผลการรักษาที่ไม่เหมือนกัน แม้จะสรุปให้ฟังเหมือนว่า Pico แก้ปัญหาได้หลายอย่าง แต่การที่มันจะแก้ปัญหาต่างๆได้ จะต้องเกิดจากการ วินิจฉัยและวิเคราะห์ที่ถูกต้อง รวมถึงการตั้งค่าพลังงาน การเลือกช่วงคลื่น (wavelength) ขนาดลำแสง (Spot size) หัวยิง (hand piece) พลังงานที่ใช้ (fluence) ความถี่พลังงาน (Frequency) รวมถึงเทคนิค และระดับจุดพลังงานที่เหมาะสม (technique and endpoint)

การเลือกคลินิกสำหรับ ทำ Pico ในความคิดเห็นของหมอมีดังนี้

• ต้องเลือกคลินิกที่แพทย์มีความชำนาญด้านการวินิจฉัยปัญหาผิวหนังด้วยไม่ใช้ดูแลด้านความงามอย่างเดียวเพราะต้องวินิจฉัยโรค ควรเป็นแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
• ต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ครบและครอบคลุม เพราะปัญหาหลายอย่างอาจอาศัยเครื่องอื่นที่เหมาะสมกว่า
• ต้องมีเครื่อง Pico ที่ได้มาตรฐาน โดยเครื่องที่หมอแนะนำคือ DiscoveryPico และ Picoplus และต้องระวังเครื่องปลอมที่ทำลอกเลียนแบบ เพราะปัจจุบันมีเครื่องปลอมเยอะมาก
• ท้ายที่สุดในทำเครื่องรุ่นเดียวกันไม่ใช่ว่าผลลัพธ์จะเหมือนกัน ต้องอาศัยเทคนิคแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และมีความชอบในการศึกษาเรื่องหลักการของเลเซอร์จริงๆ เพราะ “เทคนิคที่ต่างกันก็ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน”

โดยสรุปหากเลือกมีปัญหาผิวซักอย่างในตอนนี้ สิ่งที่คุณควรทำอาจไม่ใช้การเลือกคลินิก Pico ซักที่นึงจากโปรโมชั่นเพราะการทำ Pico แต่ละที่แม้จะเครื่องเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน แตกต่างตามการวิเคราะห์และเทคนิค และบางปัญหาอาจจะไม่ได้เหมาะกับ Pico ด้วยซ้ำ ควรเลือกไปปรึกษาแพทย์ในคลินิกที่มีแพทย์ชำนาญ มีเครื่องมือครบ เข้าใจปัญหาผิว เข้าใจหลักการของเลเซอร์อย่างถ่องแท้ เน้นในเรื่องของการวางแผนการรักษาระยะยาว และเทคนิคเพื่อให้ปัญหาผิวเราหายจริง ๆ

สรุป Pico Laser ดีจริงไหม ?

และสุดท้ายแม้ตอนนี้กระแสการฉีดหน้าใส ฉ่ำวาวกำลังเป็นที่นิยม แต่ต้องบอกว่าปัญหาหลายๆอ่างเช่น รอยสิว กระ รอยดำ รูขุมขนหลุมสิว ยังคงอาศัยเลเซอร์เช่น Pico เป็นการรักษาหลักอยู่ การฉีดหน้า Skinbooster ต่างๆเช่น Rejuran หรือ Belotero Revive อาจจะช่วยในเชิงของผิวที่ดูโกลว์ขึ้น เนียนขึ้น และ เสริมผลลัพธ์เลเซอร์ แต่ยังต้องอาศัยเลเซอร์เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งปัญหาผิวหน้าเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียด อยากให้ลองปรึกษาแพทย์ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จะฝากหน้าไว้ที่คลินิกไหน ก็เชิญมาปรึกษาทีมแพทย์ที่ DSK Clinic ได้เลยนะครับ

รีวิว Picosesond Laser ที่ DSK Clinic