- Blog
- Sculptra
- September 1, 2025
ไขข้อสงสัย Sculptra อันตรายไหม? รวมทุกเรื่องต้องรู้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
การมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์ แน่นกระชับ และสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ คือเป้าหมายด้านความงามที่หลายคนปรารถนา โปรแกรม Sculptra ได้กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในฐานะนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างภายใน แต่ในขณะเดียวกัน คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยก็คือ Sculptra อันตรายไหม? บทความนี้ หมอจะมาไขทุกข้อข้องใจอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจหลักการทำงาน ความปลอดภัย และแนวทางการรักษาที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้อย่างมั่นใจครับ
รู้จัก Sculptra นวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนคืนผิวเด็ก
Sculptra คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) ตัวแรกของโลก มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์มาอย่างยาวนาน เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวที่ถูกต้อง อนุภาค PLLA จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจน Type 1 ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวเพิ่มขึ้นถึง 66.5% ผลลัพธ์คือการฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรง แน่นกระชับ และดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติจากภายใน ไม่ใช่การเติมเต็มแบบชั่วคราว
Sculptra อันตรายไหม ?

คำถามที่ว่า Sculptra อันตรายไหม หมอคงไม่สามารถตอบได้ง่ายๆ ว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ของการรักษานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่างประกอบกัน การทำความเข้าใจในปัจจัยเหล่านี้ คือกุญแจสำคัญที่แสดงถึงความใส่ใจและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยอย่างแท้จริงครับ
1. ผลิตภัณฑ์ต้องเป็นของแท้ ตรวจสอบได้
ความปลอดภัยเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาทั้งในสหรัฐอเมริกา (US-FDA) และประเทศไทย (อย.) ซึ่งหมายความว่าได้ผ่านการวิจัยและทดสอบมาแล้วว่าสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ที่ DSK Clinic เราใช้ Sculptra ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายจากบริษัท Galderma ประเทศไทยเท่านั้น คนไข้สามารถขอดูกล่องและสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบกับบริษัทผู้นำเข้าได้โดยตรงก่อนทำการรักษาทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจสูงสุด
2. เทคนิคและความเชี่ยวชาญของแพทย์
นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดทั้งผลลัพธ์และความปลอดภัย การฉีด Sculptra ไม่ใช่แค่การฉีดให้ยาหมดขวด แต่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในกายวิภาคและโครงสร้างผิวอย่างลึกซึ้ง หัวใจสำคัญประกอบด้วย
- การผสมยาที่ถูกสัดส่วน : ต้องผสมกับ Sterile Water ในอัตราส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้ยากระจายตัวได้ดีและลดความเสี่ยงในการเกิดก้อน
- การเลือกชั้นผิวที่ถูกต้อง : ต้องฉีดในชั้นผิวที่แม่นยำ (Subcutaneous) เพื่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพและดูเป็นธรรมชาติ
- การประเมินปริมาณและตำแหน่ง : แพทย์ต้องประเมินปัญหาและโครงสร้างใบหน้าของคนไข้แต่ละราย เพื่อออกแบบการฉีดในตำแหน่งและปริมาณที่เหมาะสมที่สุด
3. การดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างถูกวิธี
หลังการรักษา การดูแลตัวเองของคนไข้ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์สมบูรณ์และปลอดภัย การนวดใบหน้าตามหลักการ “5-5-5” (นวดครั้งละ 5 นาที, 5 ครั้งต่อวัน, ติดต่อกัน 5 วัน) จะช่วยให้อนุภาคของยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันการเกาะกลุ่มกันเป็นก้อน และส่งเสริมการกระตุ้นคอลลาเจนให้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งทีมแพทย์ DSK Clinic จะให้คำแนะนำและสาธิตวิธีการนวดที่ถูกต้องอย่างละเอียดทุกเคส
เจาะลึกทุกเรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโปรแกรม Sculptra

เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ หมอได้รวบรวมข้อมูลสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับ Sculptra มาให้ครบจบในที่เดียวครับ
โปรแกรม Sculptra ช่วยแก้ปัญหาอะไร เหมาะกับใคร?
Sculptra เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวแบบองค์รวมและต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน โดยเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้
- ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ กรอบหน้าไม่คมชัด
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องตื้น เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- ผู้ที่แก้มตอบ ขมับตอบ ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่อิ่มเอิบ
- ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ให้ผิวแน่นฟู เรียบเนียน และดูสดใสขึ้น
- ผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิว (ด้วยเทคนิคพิเศษ) เพื่อให้เนื้อเยื่อเติมเต็มจากภายใน
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ยาวนาน
ฉีดโปรแกรม Sculptra บริเวณไหนได้บ้าง?
ด้วยเทคนิคที่เชี่ยวชาญ สามารถใช้ Sculptra เพื่อฟื้นฟูผิวได้หลายบริเวณบนใบหน้า เพื่อผลลัพธ์การยกกระชับและปรับปรุงคุณภาพผิวแบบองค์รวม
- ขมับ
- โหนกแก้ม และแก้มส่วนล่าง
- กรอบหน้า และบริเวณแนวกราม
- ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก
Sculptra แตกต่างจากฟิลเลอร์ (Filler) อย่างไร?
แม้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อยเหมือนกัน แต่หลักการทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ ฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid) ทำหน้าที่ “เติมเต็ม” ในบริเวณที่มีการยุบตัวหรือเป็นร่องลึก เห็นผลลัพธ์ทันทีเหมือนการนำดินไปอุดหลุม ในขณะที่ Sculptra ทำหน้าที่ “กระตุ้นการสร้างใหม่” โดยเข้าไปสั่งให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนของตัวเองขึ้นมาทดแทน เหมือนการซ่อมแซมโครงสร้างผนังจากภายใน ผลลัพธ์ของ Sculptra จึงค่อยเป็นค่อยไป ดูเป็นธรรมชาติ และเป็นการแก้ปัญหาที่โครงสร้างผิวอย่างแท้จริง
ขั้นตอนการฉีดเจ็บไหม ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ก่อนการรักษา แพทย์จะทำการประเมินใบหน้าและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด โดยมีขั้นตอนดังนี้
- การเตรียมตัว : งดยาหรือวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Vitamin E, น้ำมันปลา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และงดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
- ระหว่างทำ : จะมีการแปะยาชาบริเวณที่จะฉีดประมาณ 30-45 นาที และในตัวยา Sculptra จะมีการผสมยาชาเข้าไปด้วย ทำให้ความรู้สึกเจ็บระหว่างฉีดน้อยมาก คนไข้ส่วนใหญ่จะรู้สึกตึง ๆ ที่ผิวเท่านั้น
- หลังทำ : อาจมีอาการบวมแดงหรือช้ำเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปได้เองใน 2-3 วัน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และต้องนวดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
จำนวนครั้งที่แนะนำในการฉีดโปรแกรม Sculptra เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เพื่อผลลัพธ์การกระตุ้นคอลลาเจนที่ชัดเจนและต่อเนื่อง โดยทั่วไปหมอจะแนะนำให้ทำการรักษา 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างทุก 4-6 สัปดาห์ จำนวนครั้งที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพผิวและเป้าหมายของคนไข้แต่ละราย การทำครบคอร์สจะช่วยให้เกิดการสะสมของคอลลาเจนใหม่ในปริมาณที่มากพอ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงและผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนานที่สุด
ผลลัพธ์หลังฉีดโปรแกรม Sculptra อยู่ได้นานแค่ไหน?
ข้อเสียของ Sculptra ที่ทุกคนต้องรู้ก่อนฉีดเลยคือผลลัพธ์ของ Sculptra จะไม่ได้เห็นผลทันทีหลังฉีด โดยจะเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพผิวที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2-3 และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นอย่างเต็มที่ จากงานวิจัยพบว่าผลลัพธ์ของ Sculptra สามารถคงอยู่ได้ยาวนานถึง 25 เดือน หรือประมาณ 2 ปี ซึ่งยาวนานกว่าหัตถการชนิดอื่นๆ
ทำไมต้องฉีดโปรแกรม Sculptra ที่ DSK Clinic ?

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ทำการรักษามีความสำคัญเทียบเท่ากับการเลือกผลิตภัณฑ์ เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด นี่คือเหตุผลที่ DSK Clinic คือคำตอบ
1. ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับ “อาจารย์ผู้สอนฉีด Sculptra”
ความเชี่ยวชาญของเราไม่ใช่แค่การ “ฉีดเป็น” แต่ทีมแพทย์ DSK Clinic ได้รับเกียรติให้เป็น Faculty หรืออาจารย์ผู้สอนเทคนิคการฉีด Sculptra ให้กับแพทย์ท่านอื่นๆ ทั่วประเทศ และล่าสุด ได้รับเชิญไปอัปเดตงานวิจัยกับทีม R&D ของ Galderma ถึงสวีเดน สิ่งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์และเทคนิคการฉีดในระดับสูงสุด
2. เทคนิคการฉีดเฉพาะบุคคล “Custom Sculptra”
เราเชื่อว่าใบหน้าแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ DSK Clinic จึงใช้เทคนิค “Custom Sculptra” โดยแพทย์จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า ปัญหา และคุณภาพผิวของคนไข้แต่ละรายอย่างละเอียด เพื่อออกแบบการรักษา ทั้งตำแหน่ง ปริมาณยา และชั้นผิวที่ฉีดให้เหมาะสมกับคนนั้นๆ โดยเฉพาะ ไม่ใช่การฉีดตามจุดมาตรฐานทั่วไป เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด คุณสามารถกดเข้าไปดูตัวอย่างเคสจริงได้ที่รีวิวโปรแกรม Sculptra DSK Clinic ได้เลย
3. มั่นใจในผลิตภัณฑ์ของแท้และมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
เรายึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด คนไข้สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ Sculptra ทุกขวดว่าเป็นของแท้จากบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง พร้อมทั้งขั้นตอนการผสมยาที่โปร่งใส ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย 100%
4. การติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
หลังการรักษา เรามีการนัดติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลลัพธ์และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการรักษา เพื่อให้คุณอุ่นใจและได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sculptra
หมอได้รวบรวมคำถามที่คนไข้มักจะสงสัยบ่อยๆ มาตอบให้ที่นี่แล้วครับ
ฉีด Sculptra แล้วหน้าจะบวมกี่วัน?
อาการบวมหลังฉีดเป็นเรื่องปกติ โดยส่วนใหญ่จะบวมเล็กน้อยประมาณ 2-3 วัน และจะค่อยๆ ยุบลงจนเข้าที่ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งอาการบวมในช่วงแรกเกิดจากปริมาตรของน้ำที่ใช้ผสมยาเป็นหลัก
ถ้าฉีดแล้วไม่นวดตามคำแนะนำจะเป็นอะไรไหม?
การนวดมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากไม่นวดหรือนวดไม่ถูกวิธี อาจทำให้อนุภาคยาไปเกาะกลุ่มกันและเกิดเป็นก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนังได้ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายและสามารถสลายไปได้เอง แต่ก็อาจส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิวได้
สามารถทำหัตถการอื่นร่วมกับการฉีด Sculptra ได้หรือไม่?
ได้ครับ การฉีด Sculptra สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น เช่น Ulthera, Thermage หรือ Potenza ได้เป็นอย่างดี โดยจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการยกกระชับและการกระตุ้นคอลลาเจนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ควรเว้นระยะห่างตามคำแนะนำของแพทย์
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด Sculptra?
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra ผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด และผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ที่ยังควบคุมอาการไม่ได้ ควรหลีกเลี่ยงการรักษานี้
สรุป Sculptra ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม เมื่ออยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
หมอขอยืนยันว่า Sculptra ไม่ใช่นวัตกรรมที่อันตราย แต่คือเครื่องมือฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างภายในที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย โดยหัวใจสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีเยี่ยมนั้น ไม่ได้มีเพียงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้และการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า และเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ที่แท้จริง คือ เทคนิค และความเข้าใจในตัวยาอย่างลึกซึ้งของแพทย์ผู้ฉีด
ด้วยเหตุนี้ ทีมแพทย์ DSK Clinic จึงไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาองค์ความรู้ ล่าสุดเราได้รับเชิญให้ไปพบกับ Global R&D Team ซึ่งเป็นทีมวิจัยและพัฒนา Sculptra ที่ประเทศสวีเดน เพื่ออัปเดตเทคนิคและเจาะลึกงานวิจัยใหม่ ๆ กันถึงศูนย์วิจัยของ Galderma โดยตรง สิ่งนี้เป็นการตอกย้ำจุดยืนของ DSK Clinic ในฐานะผู้นำด้าน Sculptra ที่มุ่งมั่นยกระดับการรักษาให้ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ เพราะเราเชื่อมั่นเสมอว่า เทคนิคคือตัวกำหนดผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่การใช้ยาแท้
ดังนั้น การลงทุนกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง และอัปเดตเทคนิคอยู่เสมอ จึงเป็นการการันตีผลลัพธ์ผิวที่ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติและคงอยู่ยาวนานที่สุด หากท่านใดสนใจโปรแกรม Sculptra หรือต้องการปรึกษาปัญหาผิว สามารถนัดคิวเข้ามาพบทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับอาจารย์ผู้สอนที่ DSK Clinic เพื่อทำการประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยครับ
