- Blog
- May 11, 2025
รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) สำคัญอย่างไรกับเพศหญิง

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
ฮอร์โมนเอสโตรเจนถือเป็นหนึ่งในฮอร์โมนสำคัญที่ควบคุมการทำงานในร่างกายผู้หญิง และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยทอง ฮอร์โมนนี้ไม่เพียงแต่มีผลต่อระบบสืบพันธุ์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพกระดูก ผิวพรรณ และสุขภาพจิตใจของผู้หญิงอีกด้วย บทความนี้ DSK Clinic จะพาสาวๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ทั้งในแง่ความสำคัญ ผลกระทบเมื่อฮอร์โมนไม่สมดุล และวิธีดูแลตนเองเพื่อรักษาสมดุลฮอร์โมนให้เหมาะสม
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) คืออะไร?
ฮอร์โมนเอสโตรเจน คือฮอร์โมนเพศหญิงที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่จะถูกผลิตจากรังไข่ และมีบางส่วนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตและเซลล์ไขมัน ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง และมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเพศ ลักษณะของเพศหญิง การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ และการหมดประจำเดือน
เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ และเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยทอง การผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมาก อารมณ์แปรปรวน รวมถึงผลกระทบต่อผิวพรรณและสุขภาพกระดูกอีกด้วย
ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีความสำคัญอย่างไรกับผู้หญิง
ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีความสำคัญต่อร่างกายผู้หญิงในหลายด้าน เพราะไม่ได้มีผลเพียงแค่ต่อระบบสืบพันธุ์เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกายอีกด้วย ซึ่งสามารถสรุปความสำคัญได้ดังนี้
- ระบบสืบพันธุ์ : ควบคุมการมีประจำเดือน การตกไข่ การตั้งครรภ์ และการหมดประจำเดือน
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด : ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล โดยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL)
- ระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อ : ช่วยรักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก ป้องกันกระดูกพรุน และช่วยบำรุงกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
- ผิวหนังและเส้นผม : ช่วยรักษาคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวไม่เกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ระบบประสาทและสมอง : ช่วยเรื่องความทรงจำ การเรียนรู้ รวมถึงรักษาสมดุลทางอารมณ์และจิตใจ
ทำไมเราถึงควรใส่ใจกับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของตนเอง
การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพของผู้หญิง เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่อการทำงานของอวัยวะหลายส่วนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบสืบพันธุ์ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบกระดูกและข้อต่อ รวมถึงผิวพรรณและสภาพจิตใจ
หากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล ไม่ว่าจะมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้หลายอย่าง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผู้หญิงจึงควรใส่ใจกับสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระดับฮอร์โมน เพื่อจะได้ดูแลและรักษาสมดุลให้เหมาะสม
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงเกินไป
เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายสูงเกินไป จะส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะอ้วน การใช้ยาฮอร์โมนทดแทน หรือความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ อาการที่พบได้บ่อยเมื่อมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงเกินไป ได้แก่
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และมีอาการปวดท้องหรือคัดตึงเต้านมก่อนมีประจำเดือนอย่างรุนแรง
- อารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิด และมีปัญหาในการนอนหลับ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอก ที่มดลูก รังไข่ หรือเต้านม ซึ่งบางกรณีอาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้
- มีการสะสมไขมันมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณสะโพกและต้นขา ส่งผลให้เกิดโรคอ้วนได้ง่าย
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเส้นเลือด
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำเกินไป
ในทางกลับกัน หากร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างมาก ผลกระทบที่พบได้บ่อยเมื่อมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำเกินไป ได้แก่
- อาการร้อนวูบวาบและเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับยาก
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ขาดสมาธิ และอาจเกิดภาวะซึมเศร้าได้
- กระดูกบางและเปราะ เนื่องจากมวลกระดูกลดลง ทำให้เสี่ยงต่อกระดูกพรุนและกระดูกแตกหักง่าย
- ช่องคลอดแห้งและฝ่อตัว ทำให้เกิดความเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ผิวพรรณเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น เนื่องจากการลดลงของคอลลาเจนในผิวหนัง
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุล

การมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุลมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพของผู้หญิง โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์จะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ที่ประมาณ 15-350 pg/mL ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของรอบเดือน ส่วนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเหลือน้อยกว่า 10 pg/mL
การสังเกตสัญญาณจากร่างกายสามารถช่วยบ่งบอกได้ว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนของคุณอยู่ในระดับที่สมดุลหรือไม่ โดยอาการที่บ่งชี้ว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ในระดับที่เหมาะสม ได้แก่ การมีประจำเดือนสม่ำเสมอ (ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์) อารมณ์มั่นคง ไม่แปรปรวนง่าย นอนหลับได้ดี มีสมาธิในการทำงาน ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีความยืดหยุ่น มีความรู้สึกทางเพศปกติ และสุขภาพกระดูกแข็งแรง
อย่างไรก็ตาม การตรวจระดับฮอร์โมนด้วยการเจาะเลือดเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการประเมินระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย หากคุณสงสัยว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระดับฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมินที่เหมาะสม
แนะนำวิธีดูแลตนเอง ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงได้

การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมสามารถช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาหรือการรักษาทางการแพทย์เสมอไป โดยเฉพาะในกรณีที่ความไม่สมดุลของฮอร์โมนยังไม่รุนแรง หรือยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ต่อไปนี้เป็นวิธีดูแลตนเองที่สามารถช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงได้
พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับที่เพียงพอมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างและรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย การอดนอนหรือนอนไม่เพียงพอจะรบกวนการทำงานของระบบฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของฮอร์โมนเพศอื่นๆ รวมถึงเอสโตรเจนด้วย ควรพยายามนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และนอนเป็นเวลาสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความเครียด และช่วยควบคุมน้ำหนัก ซึ่งล้วนมีผลดีต่อการรักษาสมดุลของฮอร์โมน การออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน การวิ่ง การว่ายน้ำ จะช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย ซึ่งไขมันส่วนเกินนี้อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงผิดปกติได้
นอกจากนี้ การออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก ยังช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งสำคัญมากสำหรับผู้หญิงวัยทองที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง
ลดภาวะความเครียด
ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณมาก ซึ่งจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนอื่นๆ รวมถึงเอสโตรเจน การจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การฝึกสมาธิ การทำโยคะ การหายใจลึกๆ หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย จะช่วยลดระดับความเครียดและรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายได้
ปรับโภชนาการอาหารให้เหมาะสม
อาหารที่เรารับประทานมีผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้สด โดยเฉพาะผลไม้ที่มีสารไบโอฟลาโวนอยด์สูง เช่น มะขาม ส้มโอ ส้มเขียวหวาน มะนาว จะช่วยเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน
นอกจากนี้ ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ มีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจนที่ทำหน้าที่คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในผู้หญิงได้ การรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีและวิตามินดีเพียงพอก็มีความสำคัญต่อการสร้างและกระตุ้นฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเช่นกัน
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย สารพิษในบุหรี่จะไปรบกวนการทำงานของรังไข่ ทำให้การผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร การเลิกสูบบุหรี่จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายได้
สำหรับผู้หญิงในวัยทองที่มีอาการจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนรุนแรง เช่น มีอาการร้อนวูบวาบมาก นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย หรือมีปัญหาเรื่องกระดูกพรุน การปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ฮอร์โมนทดแทนอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แพทย์จะประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้ฮอร์โมนทดแทน และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สรุปบทความ
ฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนสำคัญสำหรับผู้หญิงที่มีบทบาทครอบคลุมทั้งระบบสืบพันธุ์ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบกระดูกและข้อต่อ รวมถึงผิวพรรณและสภาพจิตใจ การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุลจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้หญิง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยทองที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างมาก
การดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ทั้งการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ สามารถช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ในระดับหนึ่ง แต่หากมีอาการรุนแรงจากการขาดฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทอง การปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ฮอร์โมนทดแทนอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงที่กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเฉพาะในวัยทองที่ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น ที่ DSK Clinic มีบริการ Sculptra ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Biostimulator ชั้นนำที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง อิ่มฟู ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง ช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่เกิดจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราจะวิเคราะห์ปัญหาผิวเฉพาะบุคคล และออกแบบการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับมามีผิวสวยสุขภาพดีอีกครั้ง