- Blog
- Acne treatment
- April 29, 2025
เคลียร์ชัด! สิวฮอร์โมน วัยรุ่น ชาย-หญิง เกิดจากสาเหตุใด รักษายังไงให้เหมาะสม

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
คุณหมอขอสรุป สิวฮอร์โมนผู้ชาย-ผู้หญิง เกิดจากอะไร? รักษาด้วยวิธีไหนดี?
– สิวฮอร์โมนในผู้ชายเกิดจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่สูงขึ้น กระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป ส่วนในผู้หญิงมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามรอบเดือน หรือภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) – การรักษาด้วยยาทาเป็นวิธีพื้นฐานที่ได้ผลดี โดยเฉพาะเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (เช่น Tretinoin) ที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน – การกดสิวและฉีดสิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยเร่งการหายของสิวและลดการอักเสบได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ในสิวอักเสบขนาดใหญ่– การรักษาด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น การฉายแสงบำบัด (LED Therapy) และการทำเลเซอร์ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และกระตุ้นการซ่อมแซมผิว เหมาะสำหรับสิวฮอร์โมนระดับปานกลางถึงรุนแรง – การปรับสมดุลฮอร์โมนโดยแพทย์ เป็นการรักษาที่ต้นเหตุและให้ผลลัพธ์ดีในระยะยาว เช่น การใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิดหรือยา Spironolactone ในผู้หญิง ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ การจัดการความเครียด และการรับประทานอาหารที่เหมาะสม |
ปัญหาสิวฮอร์โมนเป็นปัญหากวนใจของหลายคน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ เพราะเกิดขึ้นได้ง่ายและส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมาก บางคนอาจรู้สึกว่าลองใช้ผลิตภัณฑ์มาหลายอย่างแล้วแต่สิวก็ยังไม่หาย นั่นเป็นเพราะสิวฮอร์โมนมีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งการดูแลต้องเจาะจงและตรงจุด
บทความนี้หมอจะพาไปทำความเข้าใจเรื่องสิวฮอร์โมนอย่างละเอียด ทั้งสาเหตุที่แตกต่างกันในวัยรุ่นชายและหญิง พร้อมแนะนำวิธีรักษาที่ได้ผลจริง เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตนเองได้อย่างมั่นใจ มาติดตามกันได้เลย
สิวฮอร์โมนคืออะไร?
สิวฮอร์โมนเป็นสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมัน (ซีบัม) มากเกินไป เมื่อน้ำมันเหล่านี้รวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรีย P. acnes จะเกิดการอุดตันของรูขุมขนและนำไปสู่การอักเสบจนกลายเป็นสิว
สิวฮอร์โมนสามารถเกิดได้ทั้งในรูปแบบสิวอุดตัน (เช่น สิวหัวดำ สิวหัวขาว) และสิวอักเสบ (เช่น สิวตุ่มแดง สิวหัวหนอง) ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและการตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งในแต่ละคนอาจมีการตอบสนองที่แตกต่างกันออกไป
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวฮอร์โมน?
การวินิจฉัยว่าเป็นสิวฮอร์โมนหรือไม่นั้น สามารถสังเกตได้จากลักษณะและช่วงเวลาที่สิวเกิดขึ้น โดยสิวฮอร์โมนมักมีลักษณะเฉพาะ ดังนี้
- ตำแหน่งที่เกิด : มักเกิดบริเวณกราม คาง แก้ม และบางครั้งอาจพบที่หลัง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก
- ช่วงเวลาที่เกิด : มักมีความสัมพันธ์กับรอบเดือนในผู้หญิง โดยสิวจะขึ้นก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์ หรือในช่วงที่มีความเครียดสูง
- รูปแบบการเกิด : มักเกิดเป็นสิวลึก เจ็บ บางครั้งเป็นก้อนใต้ผิวหนังที่ไม่มีหัว
- ความสม่ำเสมอ : เกิดขึ้นซ้ำๆ ในตำแหน่งเดิม และมักเป็นช่วงเดียวกันของรอบเดือนในผู้หญิง
- การตอบสนองต่อการรักษา : อาจไม่ตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยวิธีทั่วไป เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ทาหน้าทั่วไป
หากคุณพบลักษณะดังกล่าวข้างต้น มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณกำลังประสบปัญหากับสิวฮอร์โมน ซึ่งควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นในภายหลัง
สิวฮอร์โมนในวัยรุ่นเกิดจากสาเหตุใด?
สิวฮอร์โมนในวัยรุ่นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนเพศเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนที่กระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้น วัยรุ่นจึงเป็นช่วงที่มักพบปัญหาสิวฮอร์โมนได้บ่อย แต่สาเหตุจะแตกต่างกันระหว่างเพศชายและหญิง
สาเหตุสิวฮอร์โมนในวัยรุ่นผู้ชาย
- ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป
- ผิวมีความมันมากกว่าผู้หญิงโดยธรรมชาติ เนื่องจากต่อมไขมันมีขนาดใหญ่และทำงานมากกว่า
- พฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น ล้างหน้าไม่สะอาดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
- การออกกำลังกายแบบหนัก ทำให้เหงื่อออกมาก หากไม่ทำความสะอาดทันทีจะเพิ่มโอกาสเกิดสิว
- พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นสิวรุนแรง วัยรุ่นชายก็มีโอกาสเป็นสูงเช่นกัน
สาเหตุสิวฮอร์โมนในวัยรุ่นผู้หญิง
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามรอบเดือน โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือนที่ระดับโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น
- ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) ซึ่งทำให้มีระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงผิดปกติ
- ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้น กระตุ้นการอักเสบและการผลิตน้ำมัน
- การใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม หรือล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด
- การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือดัชนีน้ำตาลสูง ซึ่งกระตุ้นการผลิตอินซูลินและส่งผลต่อฮอร์โมน
แนะนำ 5 วิธีรักษาสิวฮอร์โมนวัยรุ่น เห็นผลจริง

การรักษาสิวฮอร์โมนให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของสิว นอกจากนี้ความสม่ำเสมอในการรักษาก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน โดยวิธีรักษาสิวที่ได้ผลดีสำหรับการรักษาสิวฮอร์โมนในวัยรุ่น มีดังนี้
1. ใช้ยาทารักษาสิวฮอร์โมน
การใช้ยาทาเป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นที่ได้ผลดีสำหรับสิวฮอร์โมนระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวฮอร์โมน ได้แก่ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของสิว ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ เช่น Tretinoin หรือ Adapalene ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และกรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) ที่ช่วยลดการอักเสบและรอยดำจากสิว
ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาทาปฏิชีวนะ เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin) ร่วมกับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ เพื่อป้องกันการดื้อยา โดยการใช้ยาทาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
2. กดสิวและฉีดสิวโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
สำหรับสิวฮอร์โมนที่เป็นสิวหัวเปิดหรือสิวหัวปิดที่มีการอุดตัน การกดสิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยเร่งการหายของสิวได้ แพทย์จะใช้เครื่องมือที่สะอาดและปลอดเชื้อในการเอาเศษเซลล์ผิวและน้ำมันที่อุดตันออกจากรูขุมขน ช่วยลดความอักเสบและป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
ส่วนสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวตุ่มแดงที่อยู่ลึก แพทย์อาจใช้วิธีฉีดสารคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เข้าไปที่ตัวสิวโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบอย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง และป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับสิวขนาดใหญ่เฉพาะจุดเท่านั้น ไม่ใช่วิธีรักษาที่ใช้กับสิวทั้งหน้า
3. ฉายแสงบำบัดฆ่าเชื้อสิว

การรักษาด้วยแสงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวฮอร์โมน โดยเฉพาะเทคโนโลยี LED Therapy ที่ใช้แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงในการรักษา แสงสีน้ำเงินช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. acnes ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ ส่วนแสงสีแดงช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว
การฉายแสงบำบัดด้วยเครื่อง Healite II เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจาก USFDA ในการรักษาสิว โดยไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและไม่ต้องมีระยะพักฟื้น ในกรณีที่เป็นสิวฮอร์โมนระดับปานกลางถึงรุนแรง การทำควบคู่กับการใช้ยาทาหรือยารับประทานจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว
4. ทำเลเซอร์สลายหัวสิว
เลเซอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวฮอร์โมน โดยเฉพาะในรายที่มีสิวอักเสบเรื้อรังหรือมีปัญหาสิวร่วมกับรอยดำรอยแดงจากสิว เลเซอร์จะช่วยลดขนาดต่อมไขมัน ลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาด้วยเลเซอร์ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
5. ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับฮอร์โมน
เนื่องจากสิวฮอร์โมนมีสาเหตุหลักมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย การรักษาที่ต้นเหตุโดยการปรับสมดุลฮอร์โมนจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาสิวฮอร์โมนรุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง
แพทย์อาจพิจารณาให้ยาคุมกำเนิดบางชนิดที่มีส่วนช่วยลดระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเป็นสาเหตุของการผลิตน้ำมันมากเกินไป หรือยา Spironolactone ที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันและการผลิตน้ำมัน
สำหรับผู้ที่มีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของสิวฮอร์โมนในผู้หญิง การรักษาภาวะนี้ควบคู่ไปกับการรักษาสิวจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า การปรับฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
จบปัญหาสิวฮอร์โมน ที่ DSK Clinic
การรักษาสิวฮอร์โมนให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นต้องมีการวินิจฉัยที่ถูกต้องและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและสาเหตุของสิว นอกจากวิธีการรักษาที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การดูแลความสะอาดของผิวหน้าอย่างเหมาะสม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการจัดการกับความเครียด ก็มีส่วนสำคัญในการควบคุมและป้องกันการเกิดสิวฮอร์โมน
ที่ DSK Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่จะช่วยวิเคราะห์สาเหตุของสิวฮอร์โมนอย่างละเอียด และออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของคุณ ด้วยเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ทั้งการใช้ยารักษาสิว การฉายแสงบำบัด การทำเลเซอร์ และการปรับสมดุลฮอร์โมน เราพร้อมดูแลปัญหาสิวฮอร์โมนของคุณอย่างครบวงจร เพื่อให้คุณกลับมามีผิวใสไร้สิว และความมั่นใจที่กลับคืนมาอย่างเต็มเปี่ยม!
