- August 22, 2023
ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาตาคล้ำ เติมร่องใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าอ่อนเยาว์
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ DSK Clinic ดียังไง ?
– ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการเติมสารที่เรียกว่าไฮยาลูรอนิค แอซิดเข้าไปบริเวณใต้ตา โดยสารชนิดนี้จะเข้าไปอุ้มน้ำของผิว และช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพื่อมาเติมร่องลึก ทดแทนชั้นกระดูกที่ยุบตัว หรือบริเวณที่ไขมันสลาย – ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา หรือถุงใต้ตา – เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วจะเห็นผลทันที เรียกได้ว่าเป็นหัตถการที่ปราศจากแผล ทำให้หน้าดูดีอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น – ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติที่ต่างกัน การเลือกยี่ห้อของฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับแต่ละเคส โดยฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยม คือฟิลเลอร์แบรนด์ยุโรป เพราะให้ความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ได้แก่ Belotero, Restylane, Juvederm เป็นต้น – การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรพิจารณาจากทักษะของแพทย์ และเทคนิคที่ใช้ เพราะถึงแม้ว่าจะใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์เหมือนกัน โดยควรเลือกคลินิกที่มีการวิเคราะห์ปัญหา และวางแผนการรักษาอย่างละเอียด เพื่อที่ได้จะผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมชาติมากที่สุด |
ปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ขอบตาหมีแพนด้าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วแก้ไขได้ ปัญหาดังกล่าวอาจทำให้ใบหน้าดูอิดโรย ดูโทรม และไม่สดใส ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย เพราะไม่ว่าคุณผู้หญิง หรือคุณผู้ชาย คงไม่อยากให้ใบหน้าของตนเองดูแก่กว่าวัยแน่นอน
ปัจจุบันมีวิธีแก้ปัญหาใต้ตาหลายวิธี เช่น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำรองพื้น หรือคอนซีลเลอร์มาปกปิดบริเวณใต้ตา แต่ถ้าต้องการแก้ปัญหาให้ดูดีขึ้นแบบธรรมชาติจากโครงหน้าของเราเอง ต้องทำการแก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้บริเวณรอบดวงตาอิ่มฟู รอยคล้ำ รอยดำ และรอยใต้ตาลดลง คืนความอ่อนวัยให้ใบหน้า หากใครสนใจการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมออยากชวนมาดูไปพร้อมกันว่า มีอะไรที่ควรรู้บ้างเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับปัญหาแบบไหน และควรรู้อะไรก่อนทำบ้าง
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เข้าไปเติมใต้ชั้นผิวในบริเวณใต้ดวงตา โดยไฮยาลูรอนิคมีคุณสมบัติช่วยในการอุ้มน้ำของผิว และช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เพื่อเติมเต็มร่องลึก ทดแทนชั้นกระดูกยุบตัว ไขมันสลาย รวมถึงช่วยแก้ปัญหาบริเวณผิวหนังชั้นตื้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ปัญหาใต้ตาแต่ละแบบก็มีสาเหตุมาจากโครงสร้างที่ต่างกัน ทำให้วิธีและเทคนิคในการฉีดแตกต่างกันไปด้วย
ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาอะไรได้บ้าง ?
หมอไม่อยากให้มองฟิลเลอร์เป็นยาวิเศษที่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้ทุกอย่าง อันดับแรกต้องรู้ก่อนว่าฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง และแน่นอน ปัญหาแต่ละแบบมีเทคนิคการจัดการที่ต่างกัน ซึ่งถ้าจะแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และแม่นยำจะต้องขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของแพทย์ด้วยครับ
ปัญหาใต้ตาลึก เบ้าตาลึก
หากสังเกตคนที่มีอายุมากขึ้น มักเริ่มมีเบ้าใต้ตา หรือร่องใต้ตามากขึ้น ทำให้ตาดูลึก หรือดูโหล ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่กระดูกเบ้าตามีความเสื่อมสลายไปตามอายุ รวมถึงไขมันที่ค้ำจุนโครงสร้างใต้ตามีปัญหา ทำให้ใต้ตาลึก ดูมีอายุ อิดโรย และทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส
ปัญหาใต้ตาคล้ำ
ปัญหาใต้ตาคล้ำ เป็นปัญหาที่เกิดจากหลายสาเหตุ และแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล โดยอาจเกิดจากเม็ดสีเมลานิน เส้นเลือดดำที่หนาแน่นในบางคน ผิวหนังที่บาง หรือความลึกของใต้ตาจนทำให้เกิดเงา ปัญหาเหล่านี้ อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ภูมิแพ้ หรือปัจจัยภายนอก เช่น อาการอักเสบ หรือรอยดำ จึงต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วินิจฉัย วิเคราะห์สาเหตุ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
สำหรับฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแก้ปัญหาใต้ตาดำ หรือใต้ตาคล้ำได้เช่นกัน โดยใช้เทคนิคการฉีดผิวหนังชั้นตื้น เพื่อให้ผิวหนังหนาขึ้น เห็นเงาใต้ตาน้อยลง และเห็นเส้นเลือดน้อยลงจากผิวหนังที่หนาขึ้น แต่ในบางครั้งปัญหาใต้ตาดำ หรือใต้ตาคล้ำอาจต้องใช้การรักษาอื่นร่วมด้วย เช่น หากมีการอักเสบจนเกิดเม็ดสีดำขึ้น อาจต้องหาสาเหตุ และลดอาการอักเสบไปพร้อมกัน
ปัญหาถุงใต้ตา
ปัญหาถุงใต้ตา เกิดจากการที่ไขมันในเบ้าตามีการหย่อนลงมาผิดตำแหน่งบริเวณใต้ตา สาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้น เส้นเอ็นที่ค้ำจุนถุงใต้ตา กระดูก และผิวหนังเกิดการหย่อน หรือเสื่อมสภาพ ทำให้ถุงใต้ตาที่เคยมีการค้ำจุนอย่างดีหย่อนลงมา จนเป็นปัญหาถุงใต้ตาได้ โดยการฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้ แต่ต้องมีเทคนิคการฉีดที่ดี เพราะไม่ใช่เคสถุงใต้ตาทุกเคสจะใช้วิธีแก้เหมือนกัน บางเคสต้องฉีดค้ำจุนกระดูกหน้าแก้ม บางเคสต้องค้ำจุนกระดูกใต้ตา บางเคสใช้การฉีดตื้นใต้ผิว เทคนิคการฉีดขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ ซึ่งทีมแพทย์ที่ DSK Clinic เราจะประเมินปัญหากันก่อนจะเริ่มรักษาในทุกเคสครับ
ปัญหาร่องใต้ตา
ปัญหาร่องใต้ตา เกิดจากเอ็นใต้ตาหย่อนร่วมกับผิวหนังบางลง ไม่ได้มีการกร่อนของกระดูกร่วมด้วย ทำให้เห็นเป็นเส้นจากหัวตาชัดเจน อาจมีความคล้ำทำให้หน้าดูโทรม ซึ่งวิธีการแก้ไขนั้นคือการใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อนเพื่อเติมรอยร่องใต้ตา และฉีดใต้เส้นเอ็น พร้อมกับฉีดชั้นตื้นใต้ผิวหนังเพื่อเพิ่มความหนาให้ผิวหนัง การเลือกใช้เทคนิคนี้จะช่วยเรียกคืนรูปร่างใต้ตาปกติให้กลับมาเหมือนดังเดิมได้
ปัญหาริ้วรอยที่ร่องใต้ตา
ปัญหาริ้วรอยที่ร่องใต้ตา เกิดจากการที่ร่องใต้ตาบริเวณลำกล้ามเนื้อใต้ตาที่แข็งแรงเกินไป ทำให้เห็นเป็นเส้นลำใต้ตาชัด โดยเฉพาะเวลาที่แสดงสีหน้า โดยมีวิธีการแก้ไขคือการฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็งไปที่ชั้นลึกใต้กระดูกหน้าแก้ม และใต้ตาก่อน ให้เกิดการค้ำจุนโครงสร้างที่เสียหาย แล้วค่อยใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อนเกลี่ยเพื่อให้เกิดความเรียบเนียนด้านบน แต่ถ้าฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญก็อาจจะไม่ได้มีการฉีดลึกลงไปที่บริเวณกระดูก แต่มีการถมด้านบนอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้ผลที่ได้ไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ การจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรจะมีการทำ Ulthera หรือ Thermage เพื่อให้เส้นเอ็นที่คลุมถุงใต้ตาหดตัว เพื่อที่จะได้เป็นการดันถุงใต้ตากลับไปได้ดียิ่งขึ้น
ปัญหาร่องใต้ตาที่ย้อยลงมาบริเวณหน้าแก้ม
ปัญหาร่องใต้ตาที่ย้อยลงมาบริเวณหน้าแก้ม เกิดร่วมกับเส้นเอ็นใต้ตาหน้าแก้มมีความหย่อนคล้อยร่วมกับไขมันใต้ตาเส้นเอ็นหน้าแก้มอาจหายไปบางส่วน ทำให้เห็นเป็นร่องลึก รวมถึงเส้นร่องใต้ตายาวลงมาที่หน้าแก้ม โดยปัญหานี้มีวิธีการแก้ไขคือการใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งฉีดลึกไปที่ไขมัน และกระดูกบริเวณหน้าแก้ม พร้อมกับค้ำจุนโครงสร้าง เช่น เส้นเอ็นหน้าแก้มหรือ Zygomaticocutaneous Ligament เพื่อเติมความอ่อนเยาว์ และมิติหน้าที่สวยงามมากขึ้น
ปัญหาเบ้าใต้ตาและหน้าแก้มยุบตัว
ปัญหาเบ้าใต้ตา และหน้าแก้มยุบตัวเกิดจากอายุที่มากขึ้น กระดูกเบ้าตา ใบหน้า และหน้าแก้มที่ทรุดตัว จึงทำให้เกิดปัญหาใต้ตา และหน้าแก้มที่ยุบลงไปพร้อมกัน ทำให้หน้าเหมือนถูกดึงลงไป อีกทั้งยังทำให้เกิดความคล้ำใต้ตาอีกด้วย ซึ่งวิธีการแก้ไขคือต้องตรวจร่างกาย และฉีดฟิลเลอร์เข้าไปทดแทนกระดูกที่เสียหาย เพื่อเรียกคืนโครงสร้างที่เสียหาย โดยทำการฉีดฟิลเลอร์ให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และมีมิติมากขึ้น ทั้งนี้หากได้รับการแก้ไขที่ดีจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมาก
สาเหตุของปัญหาใต้ตา
หลายคนอาจคิดว่าสาเหตุของปัญหาใต้ตาดำ ใต้ตาลึก หรือถุงใต้ตา เกิดจากการพักผ่อนน้อย จนต้องรีบไปเติมฟิลเลอร์ใต้ตากัน แต่จริงๆ แล้ว ปัญหาใต้ตาเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย และเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- พันธุกรรม สาเหตุของใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก หรือถุงใต้ตา สามารถส่งต่อผ่านทางพันธุกรรมได้ โดยผู้ที่มีพ่อแม่ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก หรือถุงใต้ตา อาจทำให้มีปัญหาใต้ตาได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีเชื้อชาติอาหรับ และอินเดีย จะมีปัญหาใต้ตาคล้ำมากกว่าเชื้อชาติอื่นๆ
- เม็ดสีสะสม อีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาใต้ตาคล้ำ คือการที่เม็ดสีสะสมบริเวณใต้ตามากกว่าปกติ ส่วนหนึ่งเกิดจากการอักเสบของผิว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือผู้ที่แพ้สารเคมีในเครื่องสำอาง
- อายุเพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น มวลกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาจะค่อยๆ ลดลง เป็นสาเหตุให้ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก มองเห็นริ้วรอย ร่องใต้ตาลึก และสีของกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังบริเวณถุงใต้ตาชัดเจนมากขึ้น
- พักผ่อนน้อย หากพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด รวมถึงการอดนอน นอกจากเป็นการฝึกนิสัยที่ไม่ดี ทำให้เสียสุขภาพแล้ว ยังทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้ผิวหนังรอบดวงตาคล้ำขึ้นอย่างชัดเจน และทำให้ร่างกายขาดสมดุล
ฟิลเลอร์ใต้ตา ควรฉีดกี่ CC?
สำหรับปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดใต้ตาในแต่ละครั้ง แพทย์จะเป็นผู้ที่พิจารณาตามความเหมาะสม หรือตามปัญหาของคนไข้ในแต่ละเคส โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ปัญหาใต้ตาคล้ำ 1-3 CC
- ปัญหากระดูก หรือไขมันใต้ตาทรุด 2-3 CC
- ปัญหาถุงใต้ตา ขึ้นอยู่กับปัญหา หากมีกระดูกหน้าแก้มทรุด อาจต้องมีการแก้ไขบริเวณหน้าแก้มร่วมด้วย ประมาณ 2-3 CC หรืออาจมากกว่านั้น โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาปริมาณในการฉีด อย่างที่ DSK Clinic เราใช้เทคนิคการรักษาแบบ ABI: Analyze Before Injection ที่เน้นการวิเคราะห์ ประเมินผล และวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม และตรงจุดมากที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี?
ฟิลเลอร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยการเลือกแบรนด์ หรือรุ่นของฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับเคส ทาง DSK Clinic เราใช้เฉพาะฟิลเลอร์แบรนด์ยุโรป โดยเลือกรุ่นที่เหมาะกับปัญหาผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และเป็นธรรมชาติที่สุด โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มี 3 ยี่ห้อ ดังนี้
- Belotero มีอยู่ด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ Belotero Volume และ Belotero Intense เป็นรุ่นที่มีความคงตัว และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเติมใต้ตาชั้นลึก ส่วน Belotero Soft และ Belotero Balance มีเนื้อละเอียด เหมาะกับการฉีดใต้ตา เพราะเนื้อฟิลเลอร์จะเนียนไปกับผิวหน้าได้ดี
- Restylane เป็นอีกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มีหลายรุ่น และช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้หลายรูปแบบ เช่น Restylane Vital Light มีลักษณะเป็นเจลเนื้อนิ่ม จึงช่วยแก้ปัญหาร่องในชั้นผิว หรือใช้ฉีดที่ผิวหนังชั้นตื้นได้ดีนอกจากนี้ ยังมี Restylane Classic, Restylane Defyne และ Restylane Lyft ที่เป็นเจลโมเลกุลใหญ่ เหมาะกับการแก้ปัญหาเบ้าตาลึก ร่องใต้ตาลึก และปัญหาถุงใต้ตา
- Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่มีหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาใต้ตาได้หลายรูปแบบ เช่น Juvederm Volite มีลักษณะเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับการทำให้ใต้ตาดูอิ่มฟูมีน้ำมีนวล ส่วน Juvederm Volift เป็นเจลแข็งปานกลางสามารถแก้ปัญหาร่องใต้ตาลึกให้ตื้นขึ้น และสุดท้ายคือ Juvederm Voluma เป็นเจลเนื้อแข็ง จึงเหมาะกับการแก้ปัญหาถุงใต้ตา และใต้ตาลึกได้ดีที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับทุกคนไหม?
สำหรับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นรอบดวงตา แต่ไม่ต้องการผ่าตัด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่มีปัญหา ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหารอบตาคล้ำ หรือขอบตาดำ
- ผู้ที่มีร่องตาลึก เบ้าตาลึก หรือมีริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา
- ผู้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย และไม่ต้องการผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการกระชับ และปรับรูปหน้าบางจุด เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
- ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา และไม่ต้องการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่สามารถฉีดได้ทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่มีปัญหาเลือดออก หรือเลือดหยุดไหลยาก ผู้ที่แพ้สารไฮยาลูรอนิค แอซิด หรือมีโรคติดต่อก็ไม่ควรฉีดเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ หรือผู้ที่มีผิวรอบตาหย่อนคล้อยมากเกินไป อาจต้องอาศัยการผ่าตัด แต่อยากแนะนำให้ลองมาปรึกษาแพทย์ก่อนครับ
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม?
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่าไม่เป็นอันตราย หากฟิลเลอร์ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา หรือ อย. ก็มั่นใจได้ว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้นมีความปลอดภัย ได้รับมาตรฐาน อีกทั้งฟิลเลอร์ยังเกิดผลข้างเคียงได้น้อย เพราะมีสารประกอบที่มีอยู่ในร่างกายคนเราอยู่แล้ว นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ของแพทย์ด้วย หากแพทย์มีความเชี่ยวชาญ มีเทคนิคเฉพาะ และออกแบบการฉีดฟิลเลอร์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การใช้ฟิลเลอร์ก็เป็นเรื่องที่ปลอดภัย
คำแนะนำก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
สำหรับการดูแลตัว และการเตรียมก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีสิ่งที่ควรปฏิบัติไม่กี่อย่าง โดยทุกคนสามารถทำตามได้ ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สิ่งแรกที่ควรปฏิบัติ คือ ศึกษาข้อมูลโดยละเอียดก่อนตัดสินใจฉีด รวมถึงการ เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีรางวัลการันตี และเลือกแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพื่อรับคำนำแนะนำ และช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา
การเติมฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ เช่น รอยแดงจากเข็มที่ฉีด ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน รวมถึงอาการบวมหลังฉีดก็จะหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะเข้าที่ และเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังทำอย่างชัดเจน
ส่วนคนที่พบว่าภายหลังการฉีดฟิลเลอร์แล้วมีก้อนบวมเกิดขึ้น ส่วนใหญ่อาจเกิดขึ้นจากยี่ห้อ รุ่น และปริมาณทไม่เหมาะสม รวมถึงเทคนิคของแพทย์ที่อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนได้ นอกจากนี้ อาจมีสาเหตุมาจากชนิดของฟิลเลอร์ไม่ตรงกับบริเวณที่ฉีด ฉีดไม่ตรงกับบริเวณที่มีปัญหา รวมถึงการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งการใช้ฟิลเลอร์ปลอมอันตรายมาก เพราะนอกจากจะทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนแล้ว ฟิลเลอร์ปลอมยังไม่สลายไปตามธรรมชาติ ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หรือขูดออกเท่านั้น
เช็กให้ชัวร์! ฟิลเลอร์แท้ดูอย่างไร ถ้าไม่อยากโดนย้อมแมว
อย่างที่กล่าวไปว่าการใช้ฟิลเลอร์ปลอมอันตรายมาก ดังนั้น เรามาเช็กกันว่าฟิลเลอร์แท้นั้น เขาดูกันอย่างไร
- Filler Belotero สามารถเช็กเลขทะเบียน อย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง ซึ่งแต่ละกล่องจะมีทั้งหมด 1 CC รวมถึงสามารถเช็กเลข Lot ได้ทั้งบริเวณกล่อง สติกเกอร์ และหลอด รวมถึงโทรไปยังหลายเลข 02-026-1111 บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่
- Filler Restylane สามารถตรวจสอบได้หลายอย่าง อาทิ มีรอยปรุสำหรับเปิดกล่อง มีเลขทะเบียน อย. รวมถึงเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง นอกจากนี้ ยังต้องมีสติกเกอร์ โมโนแกรม คำว่า “VOID” และเลข Lot ที่ตรงกัน 2 จุดคือ บริเวณข้างกล่อง และหลอด รวมถึงสามารถ สแกน QR CODE บนแอปพลิเคชัน Eztracker
- Filler Juvederm ก็เป็นยี่ห้อที่ได้รับเลขทะเบียน อย. เช่นกัน โดยสามารถเช็ก และดูเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง รวมถึงสามารถเช็กเลข Lot ได้ทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ บริเวณกล่อง ซอง สติกเกอร์ และหลอด โดยตัวเลข Lot ทั้งหมดต้องตรงกัน หรือสามารถโทรเช็กได้ที่บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ 02-640-4999 ต่อ 1
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องมีการเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนการฉีด ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังการฉีด โดยมีคำแนะนำ และข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ศึกษาข้อมูลโดยละเอียด และดูรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการก่อนการตัดสินใจ
- เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีรางวัลการันตี เลือกแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ และเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ ที่สามารถออกแบบการฉีดให้เหมาะกับแต่ละโครงหน้าได้ เพื่อการแก้ปัญหาใต้ตาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเติมฟิลเลอร์ใต้ตา 24 ชั่วโมง
- งดออกกำลังกาย และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
- งดยาแก้ปวด แอสไพริน กลุ่มยา NSAIDs รวมถึงอาหารเสริม
- งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว
ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- แพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์ปัญหา วิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า และเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหา และโครงสร้างของใบหน้า
- ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อรอบดวงตา และบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์
- แปะยาชา จากนั้นแพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
- หลังจากฉีดเสร็จแล้ว แพทย์จะจ่ายยาฆ่าเชื้อให้สำหรับทานครั้งละเม็ด 4 ครั้งต่อวัน (เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) เป็นเวลา 1 อาทิตย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการติดเชื้อ เนื่องจากมีการใช้เข็มฉีดยา
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดโดนน้ำ ทาครีม แต่งหน้า บริเวณที่ทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์
- อาจมีอาการเขียว ช้ำ หรือบวมบริเวณที่ทำ 1-2 สัปดาห์ ถือเป็นผลปกติหลังการทำ
- งดแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์เพราะอาจทำให้อาการเขียวช้ำนานขึ้น
- อาจมีบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากนั้นเนื้อฟิลเลอร์จะเริ่มกลืนกับผิว
- งดทานอาการหมักดอง ประมาณ 7 วัน เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อและบวม
- งดออกกำลังกายประมาณ 3 วัน
- ฟิลเลอร์จะเริ่มกลืนเข้าผิวประมาณ 2-4 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยเฉลี่ยแล้ว มักบวมเล็กน้อยประมาณ 1-2 วัน และค่อยๆ หายไปเอง ซึ่งหลังจากฉีดแล้ว วันถัดมาจะสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
ฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน?
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดในทันที และเนื้อฟิลเลอร์จะค่อยๆ เซ็ทตัวเข้ากับผิวใน 4 สัปดาห์ โดยทั่วไป ฟิลเลอร์จะสามารถอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อ และรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานเช่นกัน
ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไร?
DSK Clinic เลือกใช้ฟิลเลอร์แบรนด์ยุโรป คุณภาพสูง มีหลากหลายรุ่น และเลือกใช้ให้เหมาะตามปัญหาจริงของคนไข้
- Filler Belotero
- Filler Restylane
เริ่มต้นราคา cc ละ 15,000 จาก 18,000 บาท และเมื่อเลือกฉีด 2cc ขึ้นไปราคาจะเหลือเพียง 13,000 จาก 15,000 บาทต่อ cc
ติดตามโปรอื่นๆที่นี่ https://dskclinic.com/promotion
วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพมากที่สุด หมอขอแนะนำ ดังนี้ครับ
ต้องตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ได้ ไม่เสี่ยงต่อยาสอดไส้ ยาหิ้ว
การใช้ฟิลเลอร์แท้เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากในปัจจุบันมีคลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์หิ้วจำนวนมาก และหลายคนเข้าใจผิดว่า ฟิลเลอร์แต่ละแบรนด์มีผู้นำเข้าหลายเจ้า ซึ่งไม่เป็นความจริง
- Filler Belotero นำเข้าโดย Merz Aesthetics ประเทศเยอรมนี
- Filler Restylane นำเข้าโดย Galderma ประเทศสวีเดน
- Filler Juvederm นำเข้าโดย Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา
ฟิลเลอร์ที่นำเข้าโดยบริษัทอื่นถือว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอมทั้งสิ้น ซึ่งฟิลเลอร์ปลอมจะมีการปลอมแปลงหลายเทคนิค เช่น การนำฟิลเลอร์จีนมาสวมกล่องแบรนด์ยุโรป เป็นต้น หรืออีกกรณีที่สามารถเจอได้ คือ การใช้ฟิลเลอร์ปลอมผสมฟิลเลอร์จริง การให้ตรวจสอบฟิลเลอร์จริง 1 กล่อง และใช้ฟิลเลอร์ปลอมสอดไส้ หรือใช้แบรนด์เกาหลีสอดไส้ เป็นต้น หมอจึงแนะนำอยากให้คนไข้เช็กด้านในทุกกล่องก่อนฉีดครับ
แพทย์และเทคนิคที่ใช้ฉีด
แม้เป็นฟิลเลอร์แบรนด์เดียวกัน รุ่นเดียวกัน แต่ใช่ว่าผลลัพธ์การฉีดจะออกมาเหมือนกัน เพราะฟิลเลอร์ไม่ใช่แค่การเติมลงไปในจุดที่ขาด แต่ภายใต้ใบหน้าเรามีโครงสร้างที่เชื่อมถึงกันทั้งกระดูก ไขมัน กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น โดย DSK Clinic เราใช้เทคนิค ABI หรือ Analyze Before Injection ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่ใช้เพิ่มความละเอียดในการฉีดด้วยการวิเคราะห์ปัญหา และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่สวย ธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน และใช้ยาน้อยกว่า
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ DSK Clinic?
DSK Filler & Lifting Excellence Center
DSK Clinic เราเป็นคลินิกชั้นนำที่มีจำนวนผู้ใช้บริการฟิลเลอร์ติดอันดับ TOP 10 ของประเทศ โดยมีการรักษาด้วยเทคนิค ABI : Analyze Before Injection เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพของคนไข้แต่ละคน
- แพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวหนัง และปรับรูปหน้า เพื่อทำการประเมินโครงหน้า และวิเคราะห์ทุกสัดส่วนบนใบหน้าของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล ทำให้วินิจฉัยปัญหา และวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด
- คัดสรรฟิลเลอร์แบรนด์พรีเมียมจากยุโรป ที่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้โดยเฉพาะ ผ่านมาตรฐาน U.S.FDA และแกะกล่องใหม่ต่อหน้าคนไข้ เพื่อให้คนไข้สามารถมั่นใจในความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ทุกคนต้องการ
- เทคนิคพิเศษของแพทย์ผู้ชำนาญการที่ไม่ทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน ขึ้นรูปฟิลเลอร์ได้สวยเนียน ทำให้ผิวรอบดวงตาเรียบเนียน สดใส และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- การันตีด้วยรางวัลยอดผู้ใช้บริการฟิลเลอร์ Restylane สูงสุดระดับประเทศจากบริษัท Galderma
- การันตีรางวัล Top 5 คลินิกที่มียอดการใช้ Belotero สูงสุดของเมืองไทย
- การันตีรางวัล Thailand Rising Star อัตราการเติบโตผู้รับบริการฟิลเลอร์ Ulthera และ โบท็อกซ์ Xeomin สูงสุดหนึ่งเดียวในไทย
DSK CLINIC มั่นใจ ยาแท้ ปลอดภัย 100%
ติดต่อ สอบถาม จองคิว
สรุป
การเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ถือเป็นทางออกสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ร่องใต้ตา และริ้วรอยใต้ตา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นวิธีการที่เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ นอกจากต้องอาศัยฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว ยังต้องอาศัยประสบการณ์ และเทคนิคของแพทย์ด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงควรศึกษาหาความรู้อย่างละเอียด รวมถึงเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีรางวัลการันตี และเลือกแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้หมดห่วงในเรื่องผลข้างเคียง ลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เป็นก้อน และอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมในคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา
มาดูคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบให้หายข้อข้องใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตากัน ดังนี้
หยุดฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วใต้ตาจะกลับมาคล้ำอีกหรือไม่?
กลับมาคล้ำได้อีก เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายตัวไปเอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วย เช่น การนอนดึก และการทำทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อนบริเวณใต้ตา ที่อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใต้ตากลับมาคล้ำได้อีก
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทำให้ตาบอดจริงหรือไม่?
การฉีดฟิลเลอร์อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตาบอดได้ ก่อนทำจึงควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยมีเครื่องมือที่ได้การรองรับจากองค์ที่มีความน่าเชื่อถือ แพทย์มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพื่อที่จะได้เลี่ยงผลข้างเคียงนี้ได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร?
ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด
- ใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง
- ใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรองรับตามมาตรฐาน
- แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ และไม่มีประสบการณ์ในการฉีด