- Blog
- Filler
- September 1, 2025
หลังฉีดฟิลเลอร์ มีข้อห้ามอะไรบ้าง? รวมวิธีดูแลตัวเองให้ผลลัพธ์สวยนาน ฉบับหมอ DSK

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าและเติมเต็มส่วนที่บกพร่องได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่ากุญแจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์สวยเป๊ะและอยู่กับเราไปนาน ๆ นั้น ไม่ได้จบแค่ในห้องของแพทย์ แต่รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างถูกวิธีด้วย บทความนี้หมอจึงได้รวบรวมทุกข้อปฏิบัติ ข้อห้าม และเคล็ดลับการดูแลตัวเองฉบับสมบูรณ์มาให้แล้วครับ รับรองว่าอ่านจบแล้วจะสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมืออาชีพ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่สวยงาม ลดอาการบวมช้ำ และคงผลลัพธ์ไว้ได้ยาวนานที่สุดครับ
อาการปกติที่พบได้หลังฉีดฟิลเลอร์

ก่อนอื่น หมออยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่าหลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีอาการบางอย่างเกิดขึ้นได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน ไม่ต้องกังวลใจไปครับ
- อาการบวมแดงหรือรอยช้ำ : บริเวณรอยเข็มอาจมีอาการบวมแดงหรือเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งเกิดจากตัวยาและรอยเข็ม
- อาการปวดหรือคัน : อาจรู้สึกปวดระบมหรือคันยุบยิบในบริเวณที่ฉีดได้ เป็นปฏิกิริยาปกติของผิว
- รู้สึกตึงหรือเป็นก้อนเล็กน้อย : ในช่วงแรกอาจคลำเจอฟิลเลอร์เป็นลำหรือก้อนได้บ้าง ซึ่งฟิลเลอร์จะค่อยๆ นิ่มลงและผสานกับผิวจนเรียบเนียนไปเองใน 1-2 สัปดาห์
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์
แม้ว่าอาการส่วนใหญ่จะไม่อันตราย แต่หากคุณมีอาการผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้น ควรรีบติดต่อคลินิกหรือกลับมาพบแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัยครับ
- อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ทานยาแก้ปวดแล้วก็ไม่ดีขึ้น
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีสีซีด ขาว หรือคล้ำ แตกต่างจากบริเวณอื่นอย่างชัดเจน
- มีตุ่มหนอง ผื่น หรืออาการบวมแดงที่ลุกลาม และไม่ยุบลงหลังผ่านไป 3 วัน
- อาการบวมมากผิดปกติ จนทำให้ใบหน้าผิดรูป
ข้อปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ตามช่วงเวลา (เพื่อผลลัพธ์ดีที่สุด)

เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้เซ็ตตัวและผสานกับเนื้อเยื่อผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด หมอได้แบ่งข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามสำคัญตามช่วงเวลาต่างๆ ไว้ให้ปฏิบัติตามได้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
ทันทีหลังฉีด – 48 ชั่วโมงแรก
ช่วง 2 วันแรกนี้ถือเป็น “ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด” ในการลดบวมและป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ครับ หลังฉีดฟิลเลอร์ทันทีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส กด นวด หรือปั้นทรงบริเวณที่ฉีดโดยเด็ดขาด เพราะฟิลเลอร์ยังไม่เซ็ตตัว
หากมีอาการบวม สามารถใช้การประคบเย็นเบาๆ ผ่านผ้าสะอาดได้ แต่ห้ามกดแรงๆ และควรแกะพลาสเตอร์ปิดรอยเข็มออกหลังผ่านไป 1 ชั่วโมง
ที่สำคัญคือ ต้องงดกิจกรรมที่กระตุ้นให้เลือดสูบฉีด หรือทำให้หน้าแดง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด, การออกกำลังกายอย่างหนัก, การเข้าซาวน่า หรือการอยู่หน้าเตาร้อนๆ นอกจากนี้ ควรงดยาหรือวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันปลา ไปก่อนครับ
หลังฉีด 3 – 14 วัน
ในช่วงนี้ฟิลเลอร์จะเริ่มค่อยๆ ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อผิวของเรา อาการบวมจะยุบลงไปมาก แต่ยังคงต้องระมัดระวังกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อผิวชั้นลึก ควรงดการทำเลเซอร์ร้อนทุกชนิด การนวดหน้าแรง ๆ หรือการทำทรีตเมนต์ที่ต้องมีการกดหรือถูใบหน้า เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่กำลังเซ็ตตัวเคลื่อนที่ได้ สำหรับการออกกำลังกาย สามารถเริ่มทำกิจกรรมเบา ๆ ที่ไม่เน้นการกระทบกระเทือนได้ เช่น โยคะ หรือเดินเร็ว แต่ยังควรงดการออกกำลังกายหนักๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมากไปก่อนครับ
หลังฉีด 14 วันขึ้นไป
เมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ ฟิลเลอร์จะเข้าที่และผสานกับผิวได้อย่างสมบูรณ์แล้วครับ ช่วงนี้คือ “ช่วงเวลาดูแลเพื่อคงผลลัพธ์” ให้สวยทนนาน เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดคือ การดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 1.5 – 2 ลิตร เพราะฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์คงความฟู อิ่มสวยได้ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การสูบบุหรี่ และการตากแดดจัดโดยไม่ทาครีมกันแดด เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปเร่งกระบวนการสลายของฟิลเลอร์ได้ครับ
การดูแลเฉพาะจุดหลังฉีดฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร?

แม้ข้อปฏิบัติโดยรวมจะคล้ายกัน แต่การดูแลเฉพาะจุดก็มีความสำคัญเช่นกันครับ ไม่ว่าคุณจะฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์บริเวณไหนก็ตาม เช่น ฟิลเลอร์ขมับ, ฟิลเลอร์ใต้ตา, ฟิลเลอร์คาง, ฟิลเลอร์ร่องแก้ม, ฟิลเลอร์แก้มตอบ หรือ ฟิลเลอร์ปาก ก็มีรายละเอียดที่ควรใส่ใจเพิ่มเติมเล็กน้อย
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและร่องแก้ม
บริเวณใต้ตาเป็นผิวที่บอบบางมาก ข้อควรระวังที่สุดคือ ห้ามขยี้ตาหรือถูบริเวณใต้ตาแรงๆ เด็ดขาด ส่วนบริเวณร่องแก้ม ในช่วง 3 วันแรกพยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะเกินไป เช่น การหัวเราะหรือยิ้มกว้าง ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้เซ็ตตัวในตำแหน่งที่ถูกต้องครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากและคาง
สำหรับฟิลเลอร์ปาก ใน 12 ชั่วโมงแรกควรงดการใช้หลอดดูดน้ำ และหลีกเลี่ยงการเม้มปากแรง ๆ หรือการจูบ ส่วนฟิลเลอร์คาง ห้ามเท้าคาง หรือนอนคว่ำโดยเด็ดขาด และควรหลีกเลี่ยงการสวมหมวกกันน็อกที่มีสายรัดแน่นเกินไปในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจกดทับทำให้ฟิลเลอร์เสียทรงได้
หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากและขมับ
ข้อควรระวังหลักๆ คือการหลีกเลี่ยงแรงกดทับเช่นกันครับ ไม่ควรสวมหมวกหรือที่คาดผมที่รัดแน่นเกินไป และหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงในฝั่งที่ฉีดฟิลเลอร์ขมับมา เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ถูกกดจนยุบตัวหรือเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่แพทย์ได้วางไว้ รวมถึงหลีกเลี่ยงความร้อนจัดอย่างการเป่าผมด้วยอุณหภูมิสูงจนเกินไป หรือสระผม หรือล้างหน้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงด้วยครับ
รวมสิ่งที่คนถามบ่อยเกี่ยวกับการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
หมอได้รวบรวมคำถามยอดฮิตที่คนไข้มักสงสัยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์มาตอบให้ชัดๆ ที่นี่แล้ว เพื่อให้คุณดูแลตัวเองได้อย่างมั่นใจและไร้กังวลครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามนอนท่าไหน จัดท่านอนอย่างไรให้ปลอดภัย?
ในช่วง 2-3 คืนแรกหลังฉีด หมอแนะนำให้ นอนหงายโดยใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันการกดทับใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดคือ การนอนคว่ำ หรือ การนอนตะแคง ในฝั่งที่ฉีดฟิลเลอร์มา เพราะแรงกดอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือเสียทรงได้ครับ การใช้หมอนข้างมาวางขนาบซ้ายขวาก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันได้ดีครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร และควรกินอะไรเสริม?
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรงดอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบหรือทำให้บวมนานขึ้น ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด, อาหารหมักดอง, อาหารรสเค็มจัดหรือเผ็ดจัด และอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ เช่น หมูกระทะหรือปิ้งย่าง ส่วนอาหารที่ควรกินเสริมคืออาหารที่ช่วยลดบวมและอักเสบ เช่น น้ำฟักทอง น้ำใบบัวบก และที่สำคัญคือการดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูสวยครับ
การออกกำลังกายและกิจกรรมที่ต้องระวังหลังฉีดฟิลเลอร์
ควรงดการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วและหน้าแดงเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ถึง 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมและช้ำที่มากขึ้น หลังจากนั้นสามารถค่อยๆ กลับมาออกกำลังกายเบาๆ ได้ และจะกลับไปออกกำลังกายหนักได้ตามปกติหลังผ่านไป 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์เข้าที่เรียบร้อยแล้วครับ
ทำไมการดูแลและเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ DSK Clinic ถึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า?
ที่ DSK Clinic เราเชื่อว่าผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบไม่ได้มาจากการฉีดเท่านั้น แต่มาจากการวางแผน การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และการดูแลอย่างครบวงจรครับ
วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล (Customized Filler) ประเมินปัญหาและโครงสร้างใบหน้า
ก่อนการรักษา ทีมแพทย์ DSK จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าและประเมินปัญหาของคนไข้แต่ละรายอย่างละเอียด เพื่อออกแบบการรักษาแบบ “Customized Filler” ที่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและเหมาะสมกับคนไข้คนนั้นเพียงคนเดียว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและสวยงามในแบบฉบับของคุณ
เทคนิคการฉีดที่แม่นยำและประสบการณ์ของแพทย์ ช่วยลดอาการบวมช้ำ
ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมแพทย์ DSK ทำให้เราเข้าใจกายวิภาคบนใบหน้าอย่างลึกซึ้ง สามารถเลือกใช้เทคนิคการฉีดที่เหมาะสมและวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ถูกต้องได้อย่างแม่นยำ ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้ผลลัพธ์ที่สวยงาม แต่ยังช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ลดอาการบวมช้ำหลังทำได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำและติดตามผล
เราให้ความสำคัญกับการดูแลหลังการรักษาไม่แพ้กัน ทีมแพทย์ DSK จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างละเอียด และมีการนัดติดตามผลเพื่อประเมินผลลัพธ์และให้ความมั่นใจว่าคนไข้จะได้รับผลการรักษาที่ดีที่สุด ปลอดภัย และพึงพอใจสูงสุด
เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้คุณภาพสูงสุดเท่านั้น ตรวจสอบได้ทุกกล่อง
ความปลอดภัยของคนไข้คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ที่ DSK Clinic เราเลือกใช้เฉพาะฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. ไทย และเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเท่านั้น คนไข้สามารถตรวจสอบกล่องและเลข Lot. ของฟิลเลอร์ได้ทุกครั้งก่อนการฉีด เพื่อความมั่นใจสูงสุดในมาตรฐานและคุณภาพ
สรุปบทความ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ออกมาสวยงาม เข้าที่เร็ว ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ให้อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น เพียงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งข้อควรทำและข้อห้ามต่างๆ คุณก็สามารถมีความสุขกับผลลัพธ์ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และสวยงามได้อย่างเต็มที่
สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การประเมิน การเลือกใช้ฟิลเลอร์ ไปจนถึงการดูแลหลังการรักษา ที่ DSK Clinic เราพร้อมมอบประสบการณ์การปรับรูปหน้าที่เหนือกว่าด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคนิคเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดครับ
