- July 19, 2024
เจาะลึก แก้ปัญหาหน้าบานอย่างไรให้เหมาะสม ฉบับแพทย์ผิวหนัง
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป ปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่ แก้ไขได้อย่างไร?
|
ปัญหาหน้าบาน หน้าอ้วนนั้น เป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆ คน เพราะทำให้เราเสียความมั่นใจได้ ถ่ายรูปแล้วไม่สวย หน้าใหญ่กว่าเพื่อนๆ ในภาพ แล้วปัญหาหน้าบานนั้นเกิดจากเกิดอะไร มีวิธีทำให้หน้าเรียวเล็กลงได้ไหม ไปดูกัน
ปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่ เกิดจากอะไร
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจปัญหาหน้าบานกันก่อนว่าเกิดจากอะไร ปัญหาหน้าบานนั้นมีหลายแบบ ในแต่ละแบบก็จะมีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์ก่อนว่าเรามีปัญหาหน้าบานแบบไหนจะทำให้เราแก้ปัญหาได้ถูกจุด โดยจะเกิดจากอะไรได้บ้าง ดังนี้
- หน้าบานจากไขมัน: นับว่าเป็นปัญหายอดฮิต ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่กินอาหารมากกว่าพลังงานที่ต้องใช้ในแต่ละวัน เช่น ทานอาหารจำพวก แป้ง น้ำตาล เกลือ รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น จึงทำให้ไขมันสะสมอยู่บนใบหน้าได้ ส่งผลให้หน้าบาน หน้าใหญ่ขึ้นได้ และยังส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยได้ง่ายอีกด้วย แนะนำให้แก้ปัญหาโดยการทำ Potenza หรือ Thermage
- หน้าบานจากกล้ามเนื้อกราม: เกิดจากการที่เราใช้กล้ามเนื้อบริเวณกรามบ่อยครั้ง เช่น การเคี้ยวอาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวมากๆ หรือนานๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาของกล้ามเนื้อ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน กล้ามเนื้อจะแข็งแรงขึ้น มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้เคี้ยวอาหารได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้กล้ามเนื้อกรามใหญ่ขึ้น เลยทำให้หน้านั้นกว้างออก ทำให้หน้าบานขึ้นนั่นเอง การทำ Botox กรามจะช่วยลดปัญหาในส่วนนี้ได้
- หน้าบานจากโครงสร้างกระดูก: กรรมพันธุ์ที่เราได้รับมาจากคนในครอบครัวนั้นก็มีส่วนทำให้หน้าบานได้เพราะบางคนอาจมีกระดูกกรามใหญ่มาตั้งแต่เกิด แต่ในเด็กอาจจะยังเห็นได้ไม่ชัดเพราะว่ามี baby fat อยู่ แต่เมื่อโตขึ้น baby fat หายไป จะทำให้เห็นโครงหน้าชัดขึ้น กระดูกกรามที่ใหญ่ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้ดูหน้าใหญ่ ต้องอาศัยการผ่าตัดกล้ามเนื้อกรามเข้าช่วย
ปัญหาหน้าบาน แก้ไขได้อย่างไร
หลังจากที่เราได้ทราบถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่กันแล้ว ในส่วนนี้เรามาดูกันในเรื่องวิธีทำให้หน้าเรียว วิธีทำให้หน้าเล็กลง ซึ่งในแต่ละวิธีจะช่วยแก้ปัญหาหน้าบานสำหรับแต่ละคนต่างกันไป จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
1. โบท็อกซ์
เป็นวิธีที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ และยังเป็นวิธียอดนิยมในการแก้ไขปัญหาหน้าบาน โดยการฉีดโบท็อกซ์ที่กราม แก้ปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่ จะช่วยทำให้หน้าเล็กลง และเรียวขึ้นได้จริง โบท็อกซ์จะเข้าไปช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด กล้ามเนื้อจะนิ่ม และหดเล็กลง กรามจะค่อยๆ เล็กลงหลังฉีดโบท็อกซ์กราม 1-2 สัปดาห์และจะเห็นผลชัดขึ้นหลังจากนั้น 4-5 สัปดาห์
ข้อดี
- เห็นผลรวดเร็ว และจะยิ่งเห็นผลชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
- การฉีดโบท็อกซ์ใช้เข็มขนาดเล็กจึงไม่มีรอยแผล
- ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
- ราคาไม่สูง
- ปลอดภัย
ข้อจำกัด
- ไม่ได้คงอยู่ถาวร ต้องมาฉีดเพื่อรักษาผลลัพธ์ ทุก 3 – 6 เดือน
- ยาปลอมแปลงได้ง่าย ต้องระวังเจอยาปลอม ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิกให้ดี ก่อนเข้ารับบริการและขอตรวจสอบตัวยาทุกครั้ง
เหมาะกับใคร
ผู้ที่มีปัญหาหน้าบานจากกล้ามเนื้อบริเวณกราม เพราะโบท็อกซ์จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อนั้นหดเล็กลง ซึ่งหากปัญหาหน้าบานเกิดจากไขมัน จะไม่ค่อยช่วยนัก
2. ฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์นอกจากฉีดเพื่อเติมในจุดที่ยุบตัวให้ใบหน้าดูเต็ม ลดริ้วรอยแล้ว ยังสามารถฉีดเพื่อยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย โดยจะทำการฉีดกรดไฮยาลูรอนิกเข้าไปในบริเวณโครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาหน้าบาน ทำให้หน้าดูเรียว เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นได้ และยังช่วยทำให้หน้าดูสดใสขึ้นอีกด้วย แต่การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้แก้ปัญหาหน้าบานได้โดยตรง จะเป็นการปรับรูปหน้ามากกว่า ซึ่งจะมาช่วยเพิ่มมิติบนใบหน้า ทำให้หน้าดูเรียวขึ้น และทำให้หน้าใหญ่น้อยลง โดยฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาหน้าบานได้ ดังนี้
- เติมคาง: จะช่วยให้ใบหน้าดูยาวขึ้น และเรียวยาว
- เติมเต็มร่องแก้ม และโหนกแก้ม: จะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูมีมิติขึ้น และปรับสมดุลของใบหน้า แก้ปัญหาหน้าเบี้ยว หน้าไม่สมมาตรได้
ข้อดี
- ช่วยยกกระชับใบหน้า ให้กรอบหน้าที่หย่อนคล้อยชัดขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาหน้าบาน ทางอ้อม โดยการปรับรูปหน้า
- ปลอดภัย เจ็บน้อย
- ฉีดได้หลายจุด
- ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด
- ไม่สามารถแก้ปัญหาหน้าบานได้โดยตรง
- ไม่สามารถสลายไขมันได้ แต่จะช่วยเพิ่มมิติให้แก่ใบหน้าแทน
เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่ หรือแก้มเยอะ แก้มห้อย จากโครงสร้างบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยทำให้เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น ทำให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น
3. Ulthera SPT
Ulthera SPT คือนวัตกรรมยกกระชับใบหน้า ลดหน้าบาน หน้าใหญ่ ช่วยให้หน้าดูเรียวเล็ก ทำงานโดยการปล่อยพลังงานคลื่นเสียง Ultrasound พลังงานความถี่สูง ซึ่งสามารถยิงลงผิวหนังได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS และสามารถปรับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคนได้ และยังสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ
ข้อดี
- ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ดี และหากเลือกแพทย์ที่มีความสามารถ เทคนิคดี พลังงานที่ลงไปในชั้นผิวนั้นจะมีความแม่นยำ
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้า
- หลังทำสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี
ข้อจำกัด
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องกลับมาดูแลสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลลัพธ์
- ราคาสูง
เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยเยอะ หน้าบาน ต้องการยกกระชับผิวหน้า ให้เห็นกรอบใบหน้าที่ชัดเจน
4. Thermage FLX
Thermage FLX เป็นการใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นเสียง Radio frequency โดยสามารถยิงลงผิวหนังได้ลึกถึงผิวชั้นไขมัน และผิวหนังชั้นแท้ ช่วยยกกระชับ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยังช่วยสลายไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้าได้อีกด้วย
ข้อดี
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอย สลายไขมัน
- ช่วยยกกระชับผิวหน้าให้แน่นกระชับมากขึ้น ช่วยสลายไขมัน และลดริ้วรอยเล็กๆ บนผิวหน้า
- ช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อจำกัด
- เห็นผลกับผิวชั้นตื้นมากกว่าชั้นลึก เพราะไม่สามารถลงไปถึงชั้นผิว SMAS
- จะยกกระชับได้น้อยกว่า Ulthera
เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันบริเวณใบหน้าเยอะ และผู้ที่ต้องการยกกระชับให้เห็นกรอบหน้าชัด เพื่อให้หน้าดูเรียวขึ้น
5. Hifu
Hifu (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียง ซึ่งสามารถยิงลงผิวหนังได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS เพื่อให้ผิวหนังในแต่ละชั้นหดตัวลง เสมือนการเย็บดึงใบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงได้อย่างเห็นผล
ข้อดี
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำครั้งแรก
- ช่วยยกกระชับผิวหน้า ให้เต่งตึง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ และไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด
- ผลลัพธ์อยู่ได้ 3-6 เดือน
- ในกรณีที่ผิวหนังหย่อนคล้อยมากๆ หรือมีไขมันมาก Hifu อาจจะไม่ได้ผล
- พลังงานไม่ค่อยมั่นคง ไม่มีจอแสดงผล เลยทำให้แต่ละช็อตอาจจะไม่โดน SMAS ตรงๆ
เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง และต้องการยกกระชับ
6. ร้อยไหม
การร้อยไหมจะช่วยแก้ปัญหาหน้าบาน และผิวที่หย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่กระชับได้ เพราะไหมที่ร้อยลงไปถึงใต้ชั้นผิวจะยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใบบริเวณนั้น ทำให้เมื่อดึงไหมขึ้น ใบหน้าก็จะถูกยกขึ้นมาตามแนวไหมที่ร้อยเอาไว้ ส่งผลให้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยจะกระชับขึ้นทันทีหลังทำการร้อยไหมเสร็จเรียบร้อย นอกจากจะช่วยยกกระชับใบหน้าแล้ว การร้อยไหมยังช่วยลดเหนียงอีกด้วย
ข้อดี
- ผลลัพธ์ค่อนข้างยาวนานประมาณ 1 – 2 ปี
- เส้นไหมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งถ้าอยู่ในแนวที่ถูกต้อง ชั้นผิวที่เหมาะสม จะทำให้สามารถประคองผิว และทำให้เส้นนั้นดูเป็นธรรมชาติ
ข้อจำกัด
- กรณีที่มีไขมันบริเวณแก้มมาก ต้องนำเอาไขมันออกก่อนจึงจะทำให้สามารถดึงไหมได้เยอะ เพราะการร้อยไหมไม่สามารถช่วยลดไขมันบนใบหน้าได้ หากไม่เอาออกก่อนก็สามารถร้อยไหมได้ แต่จะดึงไหมได้น้อยลง และถ้าดึงเนื้อมาเยอะจะทำให้เนื้อมากองด้านบน ทำให้หน้าดูบวมได้
- ในการร้อยไหมนั้นมีความเสี่ยงที่หลังทำจะเกิดอาการบวมช้ำได้ ทั้งจากยาชา หรือเลือดออกใต้ผิวหนังได้ โดยหลังทำเสร็จแล้วหน้าอาจจะบวมมากใน 3-4 วันแรก
- ไม่เหมาะกับผู้ที่หน้าบานจากกล้ามเนื้อกราม
เหมาะกับใคร
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่จากแก้มหย่อนมากๆ หรือมีผิวหย่อนคล้อย หากมีไขมันจะทำให้ประสิทธิภาพในการร้อยไหมนั้นลดลง ควรนำไขมันออกก่อน
7. เมโสแฟต
การฉีดเมโสแฟตจะช่วยสลายไขมันบริเวณที่ฉีด โดยตัวยาจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวแยกออกจากกัน แล้วขับออกมาเป็นของเสียทั้งทางระบบขับถ่าย และทางปัสสาวะ ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อคนมีปัญหาหน้าบาน จะฉีดเมโสก่อน แล้วค่อยทำหัตถการอื่นๆ และการฉีดเมโสแฟตนอกจากจะช่วยลดแก้มแล้ว ยังช่วยลดเหนียงได้อีกด้วย
ข้อดี
- สามารถสลายไขมันได้อย่างเร่งด่วน
- ใช้เวลาไม่นานในการฉีด
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเสร็จ
- ทำให้หน้าเล็กลงได้ทันที ซึ่งจะเห็นผลชัดขึ้นเมื่อผ่านไปประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยจะขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล
ข้อจำกัด
- แม้ว่าจะช่วยสลายไขมันแบบเร่งด่วน แต่เมโสแฟตต้องฉีดหลายครั้ง
- ไขมันไม่สามารถหายได้จากการฉีดเพียง 1 ครั้ง
- การฉีดแต่ละครั้ง ไขมันบริเวณที่ฉีดจะหายไปประมาณ 20-30% ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
เหมาะกับใคร
การฉีดเมโสแฟตเหมาะสำหรับผู้ที่หน้าบานจากการมีไขมันที่แก้มเยอะ เหนียงเยอะ
8. ผ่าตัดกล้ามเนื้อกราม
การผ่าตัดกล้ามเนื้อกรามมี 2 แบบ แบบแรกคือการผ่าตัดลดกล้ามเนื้อกรามโดยใช้เลเซอร์ RF (Radio Frequency) ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็ก โดยแผลจะอยู่ในช่องปาก คล้ายการผ่าฟันคุด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีผลเทียบเท่าการฉีดโบท็อกซ์แต่อยู่ได้ถาวร และอีกแบบคือการตัดกระดูกกราม คือการเปิดปากแผลแล้วจะตัดกระดูกกรามออก แล้วกรอกระดูกให้ขนาดกรามเล็กลง
ข้อดี
- เห็นผลชัดเจน
- มีผลลัพธ์ที่คงทนถาวร
ข้อจำกัด
- เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่จึงมีระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์
- มีความเสี่ยงจากการโดนเส้นประสาทบนใบหน้า
เหมาะกับใคร
การผ่าตัดกล้ามเนื้อกรามจะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าบานจากกล้ามเนื้อ และผู้ที่ต้องการลดขนาดของกรามอย่างถาวร
เลือกคลินิกแก้ไขหน้าบานยังไง ให้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
ก่อนจะตัดสินใจทำหัตถการใดๆ ควรตรวจสอบคุณภาพของคลินิกนั้นๆ ก่อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ต้องการ ซึ่งคลินิกที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้
- คลินิกจะต้องได้มาตรฐาน และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- ใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทำหัตถการที่มีคุณภาพ
- สถานที่ตั้งของคลินิกจะต้องไม่เปลี่ยว น่าเชื่อถือ และสังเกตเห็นได้ง่าย รวมถึงเดินทางได้สะดวก มีที่จอดรถ
- แพทย์จะต้องมีประสบการณ์ในการปรับรูปหน้า อย่างน้อย 5-10 ปี มีใบประกอบวิชาชีพ
- คลินิกมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง มีผลการรักษาในทุกๆ เคส
แก้ปัญหาหน้าบานที่ DSK Clinic ดีกว่าอย่างไร?
ฉีดโบท็อกซ์ที่ DSK ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็งทื่อ ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า รวมถึงสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
- ทีมแพทย์มีการอัปเดตเทคนิคในการรักษาอยู่ตลอดเวลา ทั้งจากในและต่างประเทศ
- เครื่องมือมีคุณภาพ และครบจบในที่เดียว ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างครบถ้วน ตามปัญหา“เฉพาะบุคคล” ซึ่งในแต่ละเคสจะใช้เครื่องมือที่แตกต่างกัน โดยทางทีมแพทย์จะวิเคราะห์ปัญหาผิว เพื่อใช้เครื่องมือหรือตัวยาที่เหมาะสมกับปัญหา
- DSK Clinic มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ และคลินิกได้รับการรับรอง อุปกรณ์ได้มาตรฐาน มีผลงานและรีวิว คนไข้ให้ความไว้วางใจในการรักษา
- โปรแกรมฟิลเลอร์ของทาง DSK ไม่โป๊ะ ไม่เป็นก้อน แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และดูเป็นธรรมชาติ มีความละมุนด้วยการออกแบบด้วยเทคนิค ABI เฉพาะของ DSK
- DSK เลือกเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพระดับ Gold Standard ทุกรูปแบบทั้ง Ulthera, ThermageFLX, Potenza, Sculptra, Radiesse, Filler และ Botox แพทย์จึงสามารถเลือกหัตถการที่เหมาะสม และสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ได้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
รีวิวการแก้ปัญหาหน้าบานที่ DSK Clinic
* ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสําหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
* ได้รับความยินยอมจากคนไข้ให้ใช้ภาพแล้ว
สรุป
ปัญหาหน้าบานนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากพันธุกรรม มีกระดูกกรามใหญ่ ส่งผลให้หน้าดูกว้าง หรือจากพฤติกรรมการกินที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่แก้ม ทำให้หน้าบาน รวมถึงการเคี้ยวอาหาร เช่นของเหนียวๆ แต่ปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่นั้นจะหมดไป เพราะมีวิธีทำให้หน้าเรียวอยู่หลากหลายวิธี ซึ่งในแต่ละวิธีก็จะขึ้นอยู่กับระดับของปัญหานั้น และสภาพผิวด้วย ทั้งการฉีดโบท็อกซ์ การฉีดฟิลเลอร์ การร้อยไหมยกกระชับใบหน้า การยิงพลังงานความร้อนเข้าชั้นผิวหนัง (Ulthera, Thermage, Hifu) เมโสแฟตลดไขมันบนใบหน้ารวมไปถึงการผ่าตัดลดกล้ามเนื้อกราม ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยทำให้หน้าบานน้อยลง แถมบางวิธียังมีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจนลดริ้วรอยอีกด้วย
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาหน้าบาน
หลายๆ คนอาจจะสงสัยในหลายอย่างเกี่ยวกับปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่ ทางเราได้รวบรวมคำถามพร้อมคำตอบไว้แล้ว ดังนี้
ปัญหาหน้าบานมีลักษณะอย่างไร
ปัญหาหน้าบานมีหลายลักษณะแตกต่างกันไป ตามแต่ละปัจจัย ทั้งจากโครงสร้างกระดูกโครงหน้าที่ใหญ่ กล้ามเนื้อกรามใหญ่ และจากไขมันที่สะสมบนใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้ากว้างขึ้น ใบหน้าใหญ่ และหน้าบานออก
แก้ปัญหาหน้าบานด้วยวิธีไหนได้อีกบ้าง?
ปัญหาหน้าบานสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ทั้ง ฉีดโบท็อกซ์, ฉีกฟิลเลอร์, ยิ่งคลื่นพลังงานความร้อน ulthera SPT, Thermage FLX, Hifu, การร้อยไหม, เมโสแฟต และผ่าตัดกล้ามเนื้อกราม นอกจากนี้การออกกำลังกายก็มีส่วนช่วยลดไขมันที่หน้า และทำให้หน้าบานน้อยลง
การแก้ปัญหาหน้าบานด้วยหัตถการ
การแก้ไขปัญหาหน้าบานนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดนจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว และระดับของปัญหา ดังนี้
- Ulthera เริ่มต้นที่ 29,990 บาท
- Thermage เริ่มต้นที่ 59,990 บาท
- Botox เริ่มต้นที่ 16,990 บาท
- Filler เริ่มต้นที่ 13,990 บาท
ติดตามราคาโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ https://dskclinic.com/promotion/
บทความที่เกี่ยวข้อง
1. โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า เสริมลุคย้อนวัยไม่พึ่งต้องมีดหมอ
2. หมดปัญหาหน้าใหญ่ กรอบหน้าไม่ชัดไปกับโบท็อกซ์กราม | DSK Clinic
3. เทียบให้ชัด! Ulthera VS Thermage ตัวช่วยยกกระชับ ทำตัวไหนดี
4. Ulthera SPT อัลเทอร่ารุ่นใหม่ อัพเกรดความยกกระชับ
5. ฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น เหมาะฉีดส่วนไหน ต่างกันยังไงกับแบรนด์อื่น