- Blog
- Custom Skin Quality
- October 13, 2021
ส่องดูวิวัฒนาการเลเซอร์หลุมสิวในรอบ 20 ปี อะไร work อะไรไม่ work มาดูกัน!
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
ในปี 2021 ต้องบอกว่าการรักษาหลุมสิวเป็นอะไรที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ไม่ยาก หากคุณมีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ใบหน้ามีหลุมสิวที่ทั้งลึกทั้งกว้างจนพาลให้สูญเสียความมั่นใจ คุณก็สามารถไปปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอรับบริการรักษาหลุมสิวได้ทุกเวลา ซึ่งผลลัพธ์ ณ ปัจจุบันก็เรียกได้ว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ แถมราคาก็ไม่ได้สูงซะจนจับต้องไม่ได้ ว่าแต่ว่า…กว่าจะมาเป็นเทคโนโลยีเลเซอร์หลุมสิวสุดล้ำที่เราใช้กันอย่างทุกวันนี้ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเครื่องมือรักษาหลุมสิวมีวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง มาดูกันเลย!
Microdermabrasion
การกรอผิว หรือการลอกผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion) เป็นวิธีการรักษาหลุมสิวในยุคแรก ๆ ที่ถูกคิดค้นตั้งแต่ปี 1985 เพื่อนำมาใช้แทนที่วิธีการเก่า ๆ ที่รุนแรงและทำร้ายผิวอย่างการลอกผิวด้วยสารเคมีหรือการขัดผิวแบบเดิม ๆ หลักการคือเค้าจะใช้เครื่องมือพ่นผลึกแร่ที่มีความละเอียดมาก ๆ ลงไปบนชั้นผิวเพื่อลอกหนังกำพร้าชั้นตื้นออกไป วิธีการนี้จะเป็นการปรับสภาพผิวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเฉดสีผิวหรือความเรียบเนียนของผิว ดังนั้นจึงสามารถแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ มากมาย เช่น ผิวคล้ำเสีย ริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า กระ รวมทั้งหลุมสิว
ถึงแม้วิธีการนี้จะถูกเคลมว่าไม่รุนแรง ไม่เจ็บ อ่อนโยนต่อผิว และผลข้างเคียงน้อยมาก ๆ แต่การใช้ Microdermabrasion เพื่อรักษาหลุมสิวก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผล อาจต้องใช้ยาชาร่วมด้วยในกรณีที่หลุมสิวลึกมาก ๆ และก็อาจจะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหลุมสิวเท่าที่ควร เพราะเป็นเพียงการลอกผิวหนังชั้นกำพร้า ซึ่งเป็นผิวชั้นบนสุดเท่านั้น ไม่ได้แก้ปัญหาที่ผิวชั้นลึกแต่อย่างใด นอกจากนี้ในคนที่มีผิวสองสีหรือผิวคล้ำก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอได้ ดังนั้นวิธีนี้จึงค่อย ๆ ถูกลดความนิยมลงไปเนื่องจากมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เห็นผลกว่าขึ้นมาแทนที่ในภายหลัง
Dermaroller
ลูกกลิ้งเข็ม (Dermaroller) เป็นอุปกรณ์ที่หน้าตาเหมือนลูกกลิ้งที่ติดเข็มขนาดเล็กจำนวนมากที่มีความยาวประมาณ 0.25 mm วิธีการใช้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่คุณกลิ้งเจ้าลูกกลิ้งนี้ลงไปบนใบหน้าเท่านั้น โดยเค้าเชื่อกันว่าการที่เข็มเล็ก ๆ เหล่านี้จิ้มลงบนใบหน้าจะทำให้เกิดรูเล็ก ๆ จำนวนมากที่ผิวหนังชั้นนอก เหมือนเป็นการที่เราหลอกผิวหนังว่าบาดเจ็บ ดังนั้นผิวหนังก็จะเกิดการซ่อมแซม เร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดเนื้อเยื่อใหม่บนผิวหน้า ดังนั้นผิวหน้าก็จะดูกระชับขึ้น ริ้วรอยดูลดเลือนลง หลุมสิวดูตื้นขึ้น และหากทาครีมลงไปหลังจากกลิ้งลูกกลิ้งเสร็จแล้ว ผิวหนังที่เปิดก็จะทำให้เนื้อครีมสามารถซึมซาบลงไปได้มากขึ้นและลึกขึ้นอีกด้วย
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมาเนี่ย มันเป็นความเชื่อที่ผิด! เพราะถึงแม้อเมริกาจะรับรองเจ้าลูกกลิ้งเข็มนี้ว่าปลอดภัย ไม่ทำร้ายผิว และสามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่ที่ไทยเราเนี่ยยังไม่ยอมรับ แถม อ.ย. ยังประกาศให้ทุกสถานพยาบาลห้ามนำ Dermaroller มาให้บริการเด็ดขาด และห้ามไม่ให้มีการโฆษณาขายเครื่องมือดังกล่าวอีกด้วย เนื่องจากเล็งเห็นว่าน่าจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะถึงแม้ลูกกลิ้งเข็มจะทำให้เกิดรูแค่บริเวณผิวหนังชั้นนอก แต่แผลเหล่านั้นก็อาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง อักเสบ ติดเชื้อ โดยเฉพาะหากคุณใช้ลูกกลิ้งเข็มร่วมกันก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนังชนิดติดต่อตามมา นอกจากนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัยใดที่ระบุว่า Dermaroller สามารถแก้ปัญหาผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหลุมสิวที่มีความลึกเนี่ย ไม่มีทางที่จะรักษาให้หายด้วย Dermaroller แน่นอน
Fractional Erbium Glass Laser: Finescan & Fraxel Restore
ในที่สุดก็ถึงยุคของเลเซอร์แล้ว โดยเลเซอร์ตัวแรกที่นำมาใช้แก้ปัญหาหลุมสิวอย่างได้ผลคือ Fractional Erbium Glass Laser เช่น Finescan และ Fraxel Restore ซึ่งมีความยาวคลื่นอยู่ที่ 1550 nm แน่นอนว่าเจ้าเลเซอร์นี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ทำร้ายผิว (Non-invasive) และไม่ทำให้เกิดแผล (Non-ablative) หลักการคือมันจะปล่อยพลังงานเข้าไปกระตุ้นชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยตรงโดยไม่ทำร้ายหนังกำพร้าซึ่งอยู่ชั้นบน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนังชั้นล่างและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อจัดเรียงตัวใหม่ วิธีนี้จึงสามารถนำมาใช้ปรับความเรียบเนียนของผิว ลดเลือนริ้วรอยตื้นและปานกลาง แก้ไขปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอจากแสงแดด และรักษาหลุมสิวได้
จะเห็นว่าเทคโนโลยีเลเซอร์นั้นแตกต่างจากเครื่องมือรักษาหลุมสิวในอดีตอย่างชัดเจน เพราะวิธีเก่า ๆ จะเน้นไปที่การเตรียมผิวหนังชั้นบนให้เรียบเนียนขึ้นด้วยวิธีทางกายภาพหรือเคมี แต่เลเซอร์จะไปจัดระเบียบผิวหนังชั้นล่าง เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่ทำอันตรายต่อผิวชั้นบนเลย ดังนั้นจึงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า และยังทำร้ายผิวน้อยกว่าอีกด้วย
เนื่องจากเลเซอร์ก่อให้เกิดความร้อน ดังนั้นหลังการรักษาจึงอาจเกิดรอยแดง บวม หรือรู้สึกไม่สบายผิว หลังจากนั้นผิวหนังจะตกสะเก็ดและลอกออก ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ผิวหน้าจึงจะหายดีเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ Fractional Erbium Glass Laser จะดีกว่าวิธีโบราณแบบ Microdermabrasion หรือ Dermaroller มาก ๆ แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่มาก และเหมาะกับปัญหาหลุมสิวตื้น ๆ เท่านั้น ไม่สามารถรักษาหลุมสิวเก่า ลึก หรือเป็นมานานเรื้อรังได้ ดังนั้นหากเทียบกันในกลุ่มเลเซอร์ด้วยกันเองแล้ว เจ้าตัวนี้ถือว่าให้ผลลัพธ์น้อยที่สุด ก็เลยค่อย ๆ ตกกระป๋องไปตามระเบียบ
Fractional CO2 Laser
Fractional CO2 Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลาง หลักการคือมันจะปล่อยคลื่นแสงในช่วง 10,600 nm ลงสู่ใต้ชั้นผิวเป็นจุดที่เล็กมาก ๆ ดังนั้นมันจะกระตุ้นให้ผิวหนังด้านล่างสร้างคอลลาเจนและเกิดการซ่อมแซมชั้นผิว ดังนั้นชั้นผิวเก่า ๆ ที่เสียหายก็จะถูกแทนที่ด้วยชั้นผิวใหม่ วิธีนี้จึงตอบโจทย์ปัญหาหลุมสิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้รักษาริ้วรอยร่องลึก ตีนกา สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหย่อนคล้อย หรือจี้ไฝ หูด และติ่งเนื้อได้อีกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้มันจะดูมีประสิทธิภาพก็จริง แต่เจ้า Fractional CO2 Laser ก็มีข้อด้อยคือ หลังการรักษาคนไข้จะยังไม่สามารถแต่งหน้าได้ทันทีเนื่องจากอาจเกิดอาการบวม แดง และตกสะเก็ด คนไข้จึงต้องพักหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 5-7 วัน นอกจากนี้วิธีการนี้ก็ไม่เหมาะกับคนที่ผิวเข้ม เนื่องจากอาจเกิดการสร้างเม็ดสีผิดปกติ (Hyperpigmentation) ทำให้พบจุดด่างดำบางบริเวณได้ ดังนั้นถึงแม้ความสามารถของ Fractional CO2 Laser ในการรักษาปัญหาผิวจะมากกว่า Fractional Erbium Glass Laser แบบเห็นได้ชัด แต่มันก็นำมาซึ่งผลข้างเคียงที่มากกว่าตามมาด้วย เช่น รอยดำ แผลติดเชื้อ หรือเกิดสะเก็ดต่าง ๆ นั่นเอง
Fractional RF without Microneedle: E-Matrix & Venus Viva
วิวัฒนาการรักษาหลุมสิวยุคต่อมา ก็คืออะไรที่คุ้นหูอย่าง Fractional RF without Microneedle ได้แก่ E-Matrix และ Venus Viva นั่นเอง โดย Fractional RF เป็นนวัตกรรมเลเซอร์ที่อาศัยพลังงานจากคลื่นวิทยุ (Radiofrequency: RF) ซึ่งพลังงานเหล่านี้จะถูกกระจายลงไปยังใต้ผิวหนังเป็นรูปทรงพีระมิด ทำให้ผิวด้านล่างได้รับพลังงานเยอะ แต่ผิวด้านบนได้รับความเสียหายน้อย ดังนั้นที่ผิวหนังชั้นลึกก็จะเกิดกระบวนการซ่อมแซม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเกิดเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาในบริเวณที่เราต้องการ ทำให้สามารถปรับสีผิวและความเรียบเนียนของผิว ลดเลือนริ้วรอย และรักษาหลุมสิวได้
ความแตกต่างของสองเครื่องนี้ก็คือ E-Matrix จะไม่มีเข็มส่งพลังงาน ส่วน Venus Viva จะมีเข็มส่งพลังงานที่มีความยาว 0.5 mm ซึ่งก็ถือว่าสั้นมาก ดังนั้นเขาจึงเรียกเลเซอร์กลุ่มนี้ว่าเป็น Fractional RF without Microneedle นั่นเอง
ข้อดีของวิธีการนี้คือแม่นยำกว่า ทำลายผิวหนังชั้นบนน้อยกว่า และเกิดความร้อนน้อยกว่า ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าเลเซอร์จาก Fractional RF จะไม่จับกับเมลานิน จึงมีโอกาสเกิดรอยดำอันไม่พึงประสงค์น้อยกว่าเลเซอร์ในกลุ่ม Fractional CO2 ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
ทั้งนี้ Fractional RF ก็ยังมีผลข้างเคียงเหมือนนวัตกรรมเลเซอร์ก่อน ๆ คือคนไข้จะต้องพักหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงถึงจะสามารถแต่งหน้าได้ นอกจากนี้บริเวณที่รักษาอาจขรุขระเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 2-3 วัน และถึงแม้ Fractional RF without Microneedle จะใช้รักษาหลุมสิวที่ค่อนข้างลึกได้บ้าง แต่มันก็ยังลงลึกได้ไม่พอ ผลลัพธ์ที่ได้จึงยังไม่ดีเท่าที่ควร และเหมาะกับการรักษาหลุมสิวตื้น ๆ เท่านั้น
Fractora, Infini และ Picosecond Laser
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงกลุ่มเลเซอร์กลุ่มสุดท้าย นั่นก็คือ 3 ดาวเด่นอย่าง Fractora, Infini และ Picosecond Laser ซึ่งเป็นเครื่องที่ DSK Clnic ไว้วางใจและเลือกใช้รักษาหลุมสิวให้คนไข้ของเรา โดยเจ้าเครื่องพวกนี้ล้วนเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถจัดการกับปัญหาหลุมสิวได้อย่างดีเยี่ยม มาดูกันทีละตัวดีกว่าว่าแต่ละเครื่องทำงานยังไง และเหมาะกับหลุมสิวประเภทไหนบ้าง
Fractora (Fractional RF with Microneedle)
- เป็นเครื่องมือที่ปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุลงสู่ใต้ผิวหนังด้วยเข็มที่มีขนาดเล็กระดับไมโคร (Microneedle) พูดง่าย ๆ ก็คือ Fractora เป็น Fractional RF ประเภทหนึ่งที่นำ Microneedle มาช่วยในการส่งพลังงานนั่นเอง โดย Fractora จะสามารถส่งพลังงานได้ที่ความลึกขั้นต่ำระดับ 1.5 mm อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดความร้อนและรูเล็ก ๆ อยู่แค่เฉพาะบริเวณที่ยิงลำแสงลงไปเท่านั้น หลังจากนั้นบริเวณใต้ผิวหนังจะเกิดการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ตามมา จึงเกิดการฟื้นฟูผิวและเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น หลังการรักษาอาจเกิดรอยแดงและอักเสบเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 2 วัน
- เมื่อเปรียบเทียบกับเลเซอร์ยุคเก่าแล้ว Fractora ถือว่าตอบโจทย์การรักษาหลุมสิวลึก และให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า E-Matrix และ Venus Viva เนื่องจากสามารถลงไปยังชั้นผิวหนังที่ลึกกว่า แม่นยำกว่า โดยทำอันตรายต่อผิวหนังรอบข้างน้อยกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและไม่ต้องการพักหน้านาน ๆ
Infini (Automatic Motorized Insulated Fractional RF)
- เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาต่อจาก Fractora โดยสิ่งที่ทำให้ Infini เหนือกว่า Fractora คือ เจ้าเครื่องนี้สามารถปรับระดับพลังงานให้ลงไปยังความลึกตั้งแต่ 0.5-3.5 mm แถมแต่ละครั้งที่ยิงก็ยังสามารถลงไปที่ความลึกระดับต่างกันในครั้งเดียว (ส่วน Fractora สามารถลงลึกได้แค่ 1.5 mm เท่านั้นในกรณีที่ใช้หัวปกติ แต่แอบกระซิบว่าที่ DSK Clinic ของเรามีหัวพิเศษที่ทำให้ Fractora ได้ผลลัพธ์ที่ดีเทียบเท่ากับ Infini ด้วยนะ) ดังนั้น Infini จึงใช้ได้ผลดีเยี่ยมกับหลุมสิวที่มีความลึกแตกต่างกัน จะหลุมตื้นก็รักษาได้ หรือหลุมลึกก็ไม่มีปัญหา
- นอกจากนี้อีกหนึ่งข้อดีของ Infini ก็คือ บริเวณหัวเข็มจะมีฉนวนกันความร้อน (Gold Insulation) ทำให้ความร้อนถูกส่งตรงไปยังผิวชั้นล่างเน้น ๆ โดยที่แทบไม่ส่งถึงผิวชั้นบนเลย หลังการรักษาจึงเกิดอาการข้างเคียงน้อยกว่า เพียงแค่ 24 ชั่วโมงคนไข้ก็สามารถกลับไปแต่งหน้าได้ตามปกติแล้ว ดังนั้น Infini จึงเป็นหนึ่งในนวัตกรรมรักษาหลุมสิวลึกที่เรียกได้ว่าปังที่สุดในปัจจุบันเลยทีเดียว
Picosecond Laser
- ทั้งนี้ทั้งนั้น เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือ Infini และ Fractora ก็ยังมี Pico Laser โดยเจ้าเครื่องนี้เป็นนวัตกรรมเลเซอร์ตัวใหม่ล่าสุดในรอบทศวรรษ ความสามารถของมันคือสามารถปล่อยพลังงานเลเซอร์ที่ความเร็วหนึ่งในล้านล้านวินาที จึงเป็นที่มาของชื่อ Picosecond โดยพลังงานที่ปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วนี้จะทำให้เม็ดสีผิว (Melanin) แตกตัวอย่างละเอียด ขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้เกิดช่องว่างเล็กๆใต้ผิว (Microcavity) ที่เราเรียกว่า LIOB (Laser-induced optical breakdown) ซึ่งช่องว่างเล็ก ๆ ใต้ผิวนี้เองจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว โดยที่ไม่เกิดสะเก็ดที่ผิวด้านบนเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้น Picosecond Laser จึงตอบโจทย์ปัญหางานผิวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดสี หรือความเรียบเนียน แบบที่ไม่มีเลเซอร์ตัวไหนในโลกทำได้ ยิ่งไปกว่านั้น คนไข้ยังสามารถแต่งหน้าหลังการรักษาได้ทันทีแบบที่ไม่มีสะเก็ดมากวนใจอีกด้วย
- ทั้งนี้ Picosecond Laser ก็ไม่ได้เหมาะกับการรักษาหลุมสิวทุกชนิด เจ้าเครื่องนี้จะเหมาะกับหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก หลุมสิวที่มีปัญหารอยดำรอยแดงร่วมด้วย หรือเหมาะกับคนไข้ที่กังวลเรื่องสะเก็ดแผลและจำเป็นจะต้องแต่งหน้าทันทีหลังการรักษา ถ้าคุณเข้าข่ายนี้เนี่ย หมอก็คิดว่าคงไม่มีเลเซอร์ตัวไหนเหมาะไปกว่า Picosecond Laser อีกแล้วล่ะ
ไขข้อข้องใจ Picosecond Laser เป็นพระเอกในวงการรักษาหลุมสิวจริงหรือ?
สรุปแบบง่าย ๆ ก็คือ หากคุณมีหลุมสิวไม่ลึกมาก อยากหน้าใสไร้รอยดำรอยแดง และอยากแต่งหน้าทับได้ทันที หมอขอเชียร์ Picosecond Laser แต่ถ้าหลุมสิวของคุณค่อนข้างลึกและเป็นมานาน หมอว่า Fractora และ Infini น่าจะตอบโจทย์มากกว่า
จะเห็นว่าปัญหาหลุมสิวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความลึก ความกว้าง ปริมาณ หรือระยะเวลาที่เป็น ก็เหมาะกับเครื่องมือในการรักษาที่แตกต่างกัน ที่ DSK Clinic เราเล็งเห็นถึงความจริงข้อนี้ ทำให้เราให้บริการรักษาหลุมสิวหลากหลายรูปแบบ รวบรวมเครื่องมือตัวท็อปมาไว้ที่นี่ที่เดียว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมาหาเราด้วยปัญหาแบบไหน เราก็พร้อมให้คำปรึกษา ประเมิน วางแผน และแก้ไขอย่างเหมาะสม ถูกวิธี และตรงจุดแบบเฉพาะบุคคล ดังนั้นหากคุณมีปัญหาหลุมสิวล่ะก็…อย่าลืมนึกถึง DSK Clinic นะ