- June 24, 2021
5 ข้อที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “Botox”
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
โบหิ้วกับโบแท้
บางคนเข้าใจว่า โบแท้หรือโบหิ้วมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ได้อันตราย บอกเลยว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดมาก
”เพราะโบท็อกซ์เป็นสารสกัดที่ต้องอยู่ในอุณหภูมิ 2-8 องศาตลอดเวลา โบท็อกซ์ที่นำเข้าผิดกฎหมายแม้จะเป็นของจริง แต่ขั้นตอนระหว่างนำเข้าเมื่อไม่ใช่บริษัทที่นำเข้าอย่างเป็นทางการย่อมไม่สามารถการันตีการควบคุมอุณหภูมิได้”
หลาย ๆ เจ้านำเข้าเอง หิ้วเอง หากขนส่งไม่ได้มาตรฐานก็อาจทำให้อุณหภูมิสูงกว่า 8 องศา ทำให้โบท็อกซ์เสื่อมสภาพหรือปนเปื้อน หากฉีดเข้าไปก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการดื้อยาครั้งต่อไป
นอกจากนี้การนำเข้าอย่างผิดกฎหมายก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่ามันคือ “ของหิ้ว” ไม่ใช่ “ของปลอม” เนื่องจากโบท็อกซ์ถือเป็นยาควบคุม แม้จะบินไปเกาหลีเอง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ “หิ้วของแท้” กลับมา โบหิ้ว ส่วนมากจึงเป็น “โบท็อกซ์จีน” ที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐานและนำมาแปะป้าย สวมกล่องของแท้ทับนั่นเอง
โบท็อกซ์ที่ดีต้องไม่ผสมน้ำเกลือ
เป็นสิ่งที่คนมักเข้าใจผิดกัน เพราะโบท็อกซ์แท้ทุกยี่ห้อถูกบรรจุมาในรูปของผงสีขาว เวลาใช้คุณหมอจะต้องนำน้ำเกลือผสมลงไปละลายถึงจะดูดตัวยาออกมาฉีดได้ แต่หากอยากตรวจสอบว่าโบท็อกซ์ที่ฉีดเป็นของแท้หรือไม่ แนะนำให้เช็ค QR Code หรือรหัสการนำเข้าจากบริษัทที่ระบุข้างกล่อง
ใช้ยูนิตเยอะ ยิ่งดี ยิ่งคุ้ม
คนไข้จำนวนมากมักเปรียบเทียบราคาและจำนวนยูนิตที่ได้รับจากแต่ละคลินิก และเลือกไปคลินิกที่ได้จำนวนยูนิตมากกว่า ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด
มีคนไข้จำนวนมากเข้ามาหาหมอแล้วบอกว่าอยากฉีดโบท็อกซ์กรามข้างละ 100 unit อยากฉีดริ้วรอย 200 unit ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานมักบอกจำนวนยูนิต “เกินที่ใช้จริง” เพื่อให้คนไข้รู้สึกว่าคุ้ม ได้ยาเยอะ
สำหรับหมอแล้วการฉีดโบท็อกซ์ที่ดี คือการใช้ยาในปริมาณที่ “พอดี” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ และแจ้งจำนวนยา หรือ “ยูนิต” ที่ใช้ตามจริง เช่น การฉีดกราม โดยมาตรฐานจะอยู่ที่ 25-35 ยูนิตต่อข้าง จะใหญ่มากแค่ไหนก็ไม่เกิน 50 unit ต่อข้าง
หากฉีดมากกว่านี้คงต้องพิจารณาว่า มีการแจ้งยูนิตเกินจริงหรือไม่ ไม่งั้นแทนที่กรามจะเล็ก อาจจะกลับกลายเป็นได้ผลข้างเคียงจากโบท็อกซ์แทน
โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานต่างกัน
ความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะแบรนด์อเมริกา เยอรมัน หรือเกาหลี ถ้าฉีดจำนวนยูนิตเท่ากันจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานพอ ๆ กัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแบรนด์แต่สิ่งที่ต่างกันในแต่ละแบรนด์คือ “ความบริสุทธิ์” และมาตรฐานการผลิต ความบริสุทธิ์ที่มากกว่า ก็จะลดโอกาสการดื้อยาได้มากกว่า โดยปัจจุบันโบท็อกซ์แบรนด์เดียวที่บริสุทธิ์ “100%” คือ Xeomin แบรนด์จากเยอรมันที่ปราศจาก Complexing Protein เจือปน ทำให้แม้จะฉีดไปกี่ปี ก็ไร้การดื้อยา
แก้ปัญหาร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตาได้
หน้าที่หลักของโบท็อกซ์ คือ การ “คลายกล้ามเนื้อ” ดังนั้นปัญหาที่โบท็อกซ์แก้ได้คือ ริ้วรอยจากการหดเกร็งหรือการขยับกล้ามเนื้อขณะแสดงสีหน้า เช่น ตีนกา หน้าผาก หว่างคิ้ว แต่ในกรณีของร่องแก้มหรือร่องใต้ตา ปัญหาพวกนี้เกิดจากปริมาตรของไขมันหรือกระดูกที่หายไป ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการใช้โบท็อกซ์แก้ไข แต่เหมาะกับการใช้ ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มมากกว่านั่นเอง