- Blog
- May 11, 2025
“มาร์คหน้า” เคล็ดลับการดูแลผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น คนอยากมีผิวสวยทุกคนควรทำ

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมดารา หรือบิวตี้บล็อกเกอร์ถึงมีผิวหน้าที่เรียบเนียน กระจ่างใส ดูเต่งตึง อยู่ตลอดเวลา? หนึ่งในความลับที่หลายคนใช้ แต่บางคนอาจยังไม่ทราบก็คือ “การมาร์คหน้า“ นั่นเอง
การมาร์คหน้าเป็นขั้นตอนที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุด และยังเป็นการบำรุงผิวแบบเร่งด่วนที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วกว่าการทาครีมบำรุงทั่วไป ในบทความนี้ หมอจะพาทุกคนไปรู้จักกับการมาร์คหน้าอย่างละเอียด รวมถึงวิธีการมาร์คหน้าให้ได้ผลดีที่สุด เพื่อให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดีอย่างที่ใฝ่ฝัน
มาร์คหน้าคืออะไร?
มาร์คหน้า หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “หน้ากากบำรุงผิว” คือ การนำสารบำรุงผิวสูตรเข้มข้นพิเศษมาพอกบนใบหน้า เพื่อให้ผิวได้ดูดซึมสารอาหารและความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่ในระยะเวลาสั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว มาร์คหน้าจะมีความเข้มข้นของสารบำรุงมากกว่าครีมหรือเซรั่มที่เราใช้เป็นประจำหลายเท่า ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วกว่า
การมาร์คหน้าทำงานโดยการปล่อยให้สารบำรุงแทรกซึมลงสู่ชั้นผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เพิ่มออกซิเจนให้ผิว และยังช่วยขจัดสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้า ทำให้ผิวดูสดใส มีชีวิตชีวา และกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ประโยชน์ของการมาร์คหน้าต่อผิวพรรณ

การมาร์คหน้าเป็นประจำมีประโยชน์มากมายต่อผิวพรรณ ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย ดังนี้
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก : มาร์คหน้าช่วยเติมน้ำให้กับผิวที่แห้งกร้าน ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มนวล และไม่หยาบกร้าน
- ปรับสภาพรูขุมขนให้กระชับ : มาร์คประเภทโคลนหรือดินเหนียวช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ทำให้รูขุมขนดูเล็กลงและกระชับขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอย : มาร์คที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนหรือไฮยาลูรอนิกช่วยเติมเต็มริ้วรอยตื้นๆ ให้ดูจางลง
- แก้ไขปัญหาสิว : มาร์คที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือต้านการอักเสบช่วยลดสิว และรอยแดงจากสิวได้
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ : มาร์คที่มีวิตามินซีหรือสารบำรุงที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
- ช่วยผ่อนคลายความเครียด : การมาร์คหน้าเป็นการให้เวลากับตัวเองในการพักผ่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพผิวโดยรวม
- เตรียมผิวให้พร้อมรับสารบำรุงอื่นๆ : หลังจากมาร์คหน้า ผิวจะอยู่ในสภาวะที่พร้อมดูดซึมสารบำรุงต่างๆ มากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้หลังมาร์คเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
- กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ : มาร์คบางประเภทช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าเก่า และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
มาร์คหน้ามีกี่แบบ?

มาร์คหน้ามีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกันไป การเลือกมาร์คให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไขจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยมาร์คหน้าสามารถแบ่งได้เป็น 6 ประเภทหลักๆ ดังนี้
1. มาร์คหน้าแบบครีม (Cream Mask)
มาร์คหน้าแบบครีมมีเนื้อสัมผัสข้นนุ่ม เน้นการบำรุงผิวและให้ความชุ่มชื้นเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผิวที่ขาดความชุ่มชื้น มาร์คประเภทนี้อุดมไปด้วยสารบำรุงเข้มข้น เช่น วิตามินต่างๆ น้ำมันธรรมชาติ และสารสกัดจากพืช ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากมลภาวะ หรือแสงแดด
วิธีใช้มาร์คแบบครีมคือ ทาลงบนผิวหน้าที่สะอาดเป็นชั้นบางๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือบางสูตรสามารถทิ้งไว้ข้ามคืนได้ (Sleeping Mask) ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวในขณะที่คุณนอนหลับได้อย่างดี
2. มาร์คเจล (Gel Mask)
มาร์คเจลมีเนื้อสัมผัสที่เย็น บางเบา และเข้ากับผิวได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม เพราะช่วยให้ความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความมัน มาร์คประเภทนี้มักมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืช เช่น อโลเวร่า ว่านหางจระเข้ หรือแตงกวา ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและความแดงบนใบหน้า
มาร์คเจลนั้น ทำงานโดยการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ลดอาการระคายเคือง และทำให้ผิวรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย เหมาะสำหรับใช้หลังจากโดนแดดมาทั้งวัน หรือเมื่อผิวเกิดความระคายเคือง
3. มาร์คผง (Powder Mask)
มาร์คผงเป็นมาร์คที่มาในรูปแบบผงแห้ง ต้องผสมกับน้ำหรือส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำผึ้ง นมสด หรือโยเกิร์ต ก่อนใช้ มาร์คประเภทนี้มักทำมาจากดินเหนียว สมุนไพร หรือผลไม้บด เช่น ขมิ้น แป้งทานาคา หรือไข่ขาว โดยจะมีข้อดีตรงที่สามารถปรับแต่งส่วนผสมให้เหมาะกับสภาพผิวในแต่ละวันได้ เช่น หากวันไหนผิวแห้ง อาจเลือกผสมกับน้ำผึ้งหรือนมสด แต่หากวันไหนผิวมัน อาจเลือกผสมกับน้ำมะนาวหรือโยเกิร์ตไร้มัน
4. มาร์คโคลน (Mud Mask)
มาร์คโคลนทำมาจากโคลนธรรมชาติที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น โคลนจากทะเลเดดซี โคลนภูเขาไฟ หรือโคลนจากบ่อน้ำพุร้อน มาร์คประเภทนี้มีคุณสมบัติในการดูดซับความมันและสิ่งสกปรกจากผิวได้ดีเยี่ยม
เมื่อทามาร์คโคลนบนใบหน้า จะรู้สึกถึงความเย็นในช่วงแรก และเมื่อมาร์คเริ่มแห้ง จะรู้สึกตึงผิว นี่เป็นสัญญาณว่ามาร์คกำลังดูดซับสิ่งสกปรกและความมันออกจากผิว ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดสิว และทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวบอบบาง เพราะอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้นได้
5. มาร์คชีท (Sheet Mask)
มาร์คชีทเป็นมาร์คหน้าที่มาในรูปแบบแผ่นบางๆ ทำจากผ้า เซลลูโลส หรือเจล ชุบซึมด้วยเซรั่มหรือสารบำรุงเข้มข้น แผ่นมาร์คจะมีรูสำหรับดวงตา จมูก และปาก เพื่อให้วางบนใบหน้าได้พอดี
มาร์คชีทเป็นที่นิยมมากเพราะใช้งานง่าย พกพาสะดวก และไม่เลอะเทอะ เพียงแกะซอง วางแผ่นมาร์คบนใบหน้า และพักผ่อน 15-20 นาที ก็สามารถลอกแผ่นมาร์คออกและนวดเซรั่มที่เหลือให้ซึมเข้าสู่ผิว โดยจะมีให้เลือกหลากหลายสูตรตามความต้องการ เช่น สูตรเพิ่มความชุ่มชื้น สูตรลดเลือนริ้วรอย สูตรลดสิว หรือสูตรให้ความกระจ่างใส ทำให้สามารถเลือกใช้ได้ตามปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
6. มาร์คแบบลอก (Peel Mask)
มาร์คแบบลอกมีลักษณะเฉพาะคือ เมื่อทาลงบนผิวหน้าและปล่อยให้แห้ง จะสามารถลอกออกมาเป็นแผ่นได้ มาร์คประเภทนี้มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวเก่า ดึงสิ่งสกปรกและสิวเสี้ยนออกจากรูขุมขน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยน ผิวหยาบกร้าน หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือผิวแพ้ง่าย เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยมีวิธีใช้ง่ายๆ คือ ให้ทาบริเวณที่ต้องการลอก (หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากที่บอบบาง) ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 15-20 นาที แล้วลอกออกอย่างช้าๆ จากล่างขึ้นบน
มาร์คหน้าตอนไหนดีที่สุด

การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาร์คหน้ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของมาร์ค โดยทั่วไปแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาร์คหน้าคือ ตอนเย็น หรือก่อนนอน เนื่องจากเหตุผลดังนี้
- ผิวได้พักฟื้น : ช่วงกลางคืนเป็นเวลาที่ผิวมีการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ การมาร์คหน้าในช่วงนี้จะช่วยส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิวให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ไม่ต้องเผชิญมลภาวะ : หลังจากมาร์คหน้า ผิวจะอยู่ในสภาวะที่บอบบางและไวต่อสิ่งกระตุ้น การมาร์คในตอนเย็นหรือก่อนนอนจะช่วยให้ผิวไม่ต้องเผชิญกับมลภาวะหรือแสงแดดทันที
- ผ่อนคลายความเครียด : การมาร์คหน้าก่อนนอนยังช่วยผ่อนคลายความเครียดจากวันที่เหนื่อยล้า ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพผิวโดยรวม
- มีเวลาเพียงพอ : การมาร์คหน้าในตอนเย็นหรือก่อนนอนมักมีเวลาเพียงพอให้วางแผ่นมาร์คทิ้งไว้ได้นานตามที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ ไม่ต้องรีบร้อนเหมือนตอนเช้าที่อาจต้องเร่งรีบออกไปทำงาน
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจชอบมาร์คหน้าในตอนเช้า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด โดยเฉพาะมาร์คประเภทที่ช่วยให้ผิวสดชื่น กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต หรือช่วยลดอาการบวมน้ำบนใบหน้า เช่น มาร์คเจลที่เก็บไว้ในตู้เย็น จะช่วยปลุกผิวให้ตื่นตัวและพร้อมสำหรับวันใหม่ได้ดี
สำหรับความถี่ในการมาร์คหน้า จะขึ้นอยู่กับประเภทของมาร์คและสภาพผิวของแต่ละคน เช่น
- มาร์คชีท : สามารถใช้ได้ 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- มาร์คโคลนหรือมาร์คแบบลอก : ควรใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
- มาร์คครีมหรือมาร์คเจล : สามารถใช้ได้บ่อยกว่า ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- มาร์คแบบข้ามคืน (Sleeping Mask) : สามารถใช้ได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
เคล็ดลับมาร์คหน้าให้ได้ผลดี เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด
การมาร์คหน้าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อทำอย่างถูกวิธี หมอมีเคล็ดลับดีๆ ในการมาร์คหน้าเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดมาฝาก จะน่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูกันครับ
- ทำความสะอาดหน้าก่อน : การล้างหน้าให้สะอาดก่อนมาร์คหน้าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเครื่องสำอางที่ตกค้างบนผิว ทำให้สารบำรุงในมาร์คสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น แนะนำให้ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และอาจใช้โทนเนอร์เพื่อปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุง
- นวดหน้าหลังมาร์คหน้าเสร็จ : หลังจากลอกแผ่นมาร์คออกหรือล้างมาร์คออกแล้ว มักจะมีเซรั่มหรือสารบำรุงเหลืออยู่บนผิวหน้า ให้ใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ทั่วใบหน้าเพื่อช่วยให้สารบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น การนวดยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวดูสดใสและเปล่งปลั่งมากขึ้น
- ทาครีมบำรุงผิวทับ เพื่อล็อกความชุ่มชื้นขั้นสุด : หลังจากมาร์คหน้าและนวดเซรั่มให้ซึมเข้าสู่ผิวแล้ว ควรทาครีมบำรุงหรือมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อปิดผนึกความชุ่มชื้นและสารบำรุงไว้ในผิว โดยเฉพาะหากคุณมีผิวแห้ง ขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวได้นานขึ้น
- เลือกสูตรมาร์คหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว : การเลือกมาร์คให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไขเป็นสิ่งสำคัญมาก เช่น หากมีผิวแห้ง ควรเลือกมาร์คที่เน้นให้ความชุ่มชื้น หากมีผิวมัน ควรเลือกมาร์คที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอุดตันของรูขุมขน หรือหากมีปัญหาริ้วรอย ควรเลือกมาร์คที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนหรือเปปไทด์
- มาร์คหน้าในเวลาที่เหมาะสมกับประเภทของมาร์คที่ใช้ : แต่ละประเภทของมาร์คจะมีระยะเวลาที่แนะนำให้ทิ้งไว้บนผิวแตกต่างกัน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทิ้งมาร์คไว้นานเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองได้ โดยเฉพาะมาร์คประเภทโคลนหรือมาร์คแบบลอก
สรุปบทความ
การมาร์คหน้าเป็นขั้นตอนการดูแลผิวที่สำคัญที่จะช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน ชุ่มชื้น และดูมีสุขภาพดี หากทำเป็นประจำและอย่างถูกวิธี จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งขาดน้ำ ผิวมันเป็นสิว รูขุมขนกว้าง ริ้วรอย หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
การเลือกประเภทของมาร์คให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของตนเอง รวมถึงการมาร์คหน้าในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของมาร์คและทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การทำตามขั้นตอนการมาร์คหน้าอย่างถูกวิธี ตั้งแต่การเตรียมผิวก่อนมาร์ค ระยะเวลาในการมาร์ค ไปจนถึงการบำรุงผิวหลังมาร์ค จะช่วยให้ผิวได้รับประโยชน์จากการมาร์คหน้าอย่างเต็มที่
สำหรับใครที่ต้องการความกระจ่างใสที่เห็นผลไวกว่า ที่ DSK Clinic เรามีทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยให้ผิวของคุณกระจ่างใสอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Rejuran ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้เปล่งประกายแบบ Glass Skin ที่ทุกคนต้องการ, Redtouch Pro ที่ช่วยรักษารอยแดงจากสิว และ Pico Laser ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษารอยดำแบบล้ำลึก โดยทั้งหมดนี้จะถูกออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Custom Technique) จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับสภาพผิวของคุณโดยเฉพาะ หากสนใจ สามารถติดต่อนัดหมายมาพบคุณหมอที่ DSK Clinic ได้เลย
