- Blog
- Custom Scar Planning
- July 18, 2023
เลเซอร์รอยสิว บอกลารอยดำ รอยแดง บนใบหน้า
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป เลเซอร์รอยสิวดีจริงไหม ?
– การทำเลเซอร์รอยสิวนั้น เป็นทางเลือกในการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวที่เห็นผลเร็วมากที่สุด มีความปลอดภัยสูงและผลข้างเคียงน้อย จึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน – โดยเลเซอร์ที่ได้ผลมากที่สุดในปัจจุบันสำหรับรอยสิว คือ Picosecond laser – ปัจจัยในการได้ผลลัพธ์ที่ดีจากเลเซอร์รอยสิว นอกจากจะต้องหาเครื่องเลเซอร์ที่เป็นเครื่องแท้แล้ว เทคนิคการวิเคราะห์ การวินิจฉัย การวางแผนระยะยาว และการตั้งค่าพลังงานเฉพาะบุคคล เพราะถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้เลเซอร์รอยสิวได้ผล ไม่ใช่ว่ายิงเลเซอร์เครื่องเดียวกันจะได้ผลเหมือนกัน รวมถึง ที่ DSK เรายังเพิ่มความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย โดยเลือกใช้เครื่องมือที่ผ่านมาตรฐานของ USFDA เท่านั้น – ซึ่งเทคนิคการวิเคราะห์วางแผนระยะยาวและออกแบบเทคนิคการรักษาเฉพาะบุคคล เป็นสิ่งที่ DSK ให้ความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของการรักษาที่ DSK ทำให้การรักษาได้ผลลัพธ์สูงสุดนอกจากการใช้ Picosecond Laser ในการรักษารอยสิวจะได้เรื่องรอยสิว ลดเม็ดสี จัดการปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอแล้ว ยังได้เรื่องความละเอียดของผิว รูขุมขน และหลุมสิวที่ไม่ลึกมากซึ่งมักมาพร้อมกับรอยสิวอีกด้วย – สิ่งสำคัญในการรักษารอยสิว คือ การป้องกัน ไม่ให้สิวกลับมาใหม่ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่คนไข้ทุกคนสามารถปรึกษากับทีมแพทย์ DSK เพื่อขอแนะนำและวางแผนเพื่อลดโอกาสการกลับมาของสิวระยะยาว และลดการกลับมาของรอยสิวใหม่อีกด้วย นอกจากเรื่องการปรึกษาแล้ว ก็ยังได้รับการรักษาโดยเครื่องเลเซอร์มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านบาท แต่เรานำมารักษาโดยมีราคาที่สมเหตุสมผล เข้าถึงได้ ทำให้ทุกคนที่เดินเข้ามาหาเราที่คลินิก สามารถมั่นใจได้แน่นอนว่าได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีล่าสุด โดยคุณหมอที่มีประสบการณ์ ในราคาที่คุ้มค่าอย่างแน่นอนครับ |
ใครๆ ก็ฝันที่จะมีใบหน้าเรียบเนียน เกลี้ยงเกลา แต่ด้วยปัจจัยการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทั้งไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและมลภาวะในอากาศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวและจุดด่างดำบนใบหน้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญแม้ว่าสิวจะยุบไปแล้ว แต่ก็มักจะทิ้งรอยดำ รอยแดงหลงเหลือไว้ ไม่ยอมหายไปสักที สร้างความกลุ้มใจจนหลายๆ คนต้องคอยหาผลิตภัณฑ์เอาไว้ปกปิดรอยดำจากสิวอยู่เสมอ
ข่าวดี! ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่สามารถรักษาได้โดยการเลเซอร์รอยสิว วันนี้ DSK Clinic จึงอยากมาแชร์ความรู้เกี่ยวกับ รอยดำ รอยแดงจากสิว เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจถึงต้นเหตุและวิธีการรักษาที่ถูกต้อง รวมถึงแนะนำเกี่ยวกับการทำเลเซอร์รอยสิว เทคนิคการกำจัดรอยด่างดำบนใบหน้าที่จะช่วยกู้ความมั่นใจกลับมาสู่ผิวของคุณ ใครอยากมีผิวสวยสุขภาพดีก็ตามไปอ่านต่อกันได้เลย
รอยดำและรอยแดงสิว คืออะไร ? แยกได้อย่างไร ?
รอยด่างดำจากสิวนั้นเกิดขึ้นเพราะกระบวนการการฟื้นฟูผิวหนังของร่างกาย ที่ถูกทำลายหรือเกิดการบาดเจ็บหลังจากการเกิดสิว โดยมักทิ้งร่องรอยไว้เป็นลักษณะของรอยแดงและรอยดำ ซึ่งร่องรอยบาดแผลทั้ง 2 แบบ มีข้อแตกต่างกันดังนี้
รอยแดงสิว
รอยแดงสิวหรือ Post Inflammatory Erythema เป็น ร่องรอยสีชมพู แดง หรือม่วง ที่เกิดขึ้นได้ทั้งในขณะที่เป็นสิวอักเสบหรือหลังจากที่สิวหายไปแล้ว โดยรอยแดงสิวเกิดจากการพยายามฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของผิวหนัง ร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงยังบริเวณดังกล่าว ทำให้หลอดเลือดขยายตัว จนผิวหนังที่บริเวณดังกล่าวมีลักษณะบวมแดงหรือเกิดจากการที่เส้นเลือดฝอยแตกตัวหลังการเกิดสิว
หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมแล้ว อาจทำให้กลายเป็นรอยแดงถาวรได้ การรักษารอยแดงจากสิวจึงมุ่งเน้นไปที่การลดอาการอักเสบและฟื้นฟูผิวหนังบริเวณที่ถูกทำลาย หรือการทำเลเซอร์รอยสิวก็เป็นวิธีรักษารอยแดงจากสิวที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยเลเซอร์รักษารอยแดงสามารถใช้ Pulsed Dye Laser เช่น V-beam หรือ Cynergy
ซึ่งถือเป็นเลเซอร์มาตรฐานที่ใช้ในการรักษารอยแดงจากสิวมาอย่างยาวนาน และ Nanosecond or Picosecond laser (585 และ 595 nm) มีผลการรักษารอยแดงไม่ต่างกับ Pulse Dye Laser เมื่อยิงด้วยค่าพลังงานที่ถูกต้อง แต่จะได้ผลลัพธ์เรื่องรอยดำไปพร้อมๆ กัน
รอยดำสิว
รอยดำจากสิว หรือ Post Inflammatory Hyperpigmentation เกิดจากการทำงานที่ผิดเพี้ยนของเซลล์ผลิตเม็ดสีผิว (Melanocytes) หลังจากผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองหรือเกิดการอักเสบ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผลิตเม็ดสีหรือสร้างเม็ดสีมากไปจนผิดปกติ ส่วนใหญ่เกิดหลังจากสิวอักเสบหายไป ทิ้งเป็นรอยสีน้ำตาลเข้ม เทา หรือดำ เอาไว้บนผิวหนัง ซึ่งรักษาได้ยากแม้ว่าอาการบาดเจ็บหรือระคายเคืองจะหายไปแล้วก็ตาม
รอยดำมักเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังส่วนลึก จึงต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่ารอยแดง วิธีรักษารอยดำจากสิว เน้นไปที่การลดจำนวนเม็ดสีผิวหรือลดการทำงานของ Melanocytes ซึ่งการรักษาประกอบด้วย การทายาและการทำเลเซอร์รอยสิว ซึ่งการรักษารอยดำโดยเลเซอร์ควรใช้ Picosecond laser เพราะเป็นเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์ในการรักษารอยดำที่ดีที่สุดในตอนนี้ ด้วยความที่ระยะเวลาในการปล่อยพลังงาน (Pulse Duration) ของเลเซอร์ชนิดนี้สั้นมากถึง 1 ในล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีเกิดการแตกตัวอย่างละเอียดมากขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับเลเซอร์แบบเดิม ส่งผลให้โรคที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีต่าง ๆ รวมถึงรอยดำจากสิวจางลงได้อย่างรวดเร็ว
วิธีแยกรอยดำและรอยแดงสิว
รอยดำและรอยแดงของสิว สามารถแยกความแตกต่างออกจากกันได้ดังนี้
- สีของจุดด่างดำ: รอยแดงนั้น มักจะเป็นสีชมพู แดง หรือม่วง ในขณะที่รอยดำจากสิวจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เทา หรือดำ
อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งจะพบว่ารอยด่างดำทั้งสองนั้นมักเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน วิธีที่ดีที่สุดในการแยกรอยด่างดำทั้งสองประเภทออกจากกัน คือการเข้าไปพบกับแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อเข้ารับคำปรึกษาและรับการดูแลรักษาจุดด่างดำจากสิวให้ถูกวิธี
เลเซอร์รอยสิว เคล็ดลับบอกลารอยสิวบนใบหน้า
การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ เป็นทางเลือกในการรักษารูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย เห็นผลลัพธ์เร็วครับ
เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร?
ผู้ที่เหมาะจะทำเลเซอร์รอยสิว ได้แก่ ผู้ที่มีทั้งรอยดำหรือรอยแดงจากสิว โดยไม่จำเป็นต้องลองทายาด้วยตัวเองมาก่อน ก็สามารถเข้ามาเลเซอร์รอยดำ รอยแดงจากสิวได้ เนื่องจากการทายามักให้ผลที่น้อยกว่าการทำเลเซอร์ โดยเฉพาะรอยแดง ที่การทายาได้ผลน้อยมาก เลเซอร์จึงเป็นทางเลือกสำหรับทั้งรอยแดงและรอยดำ
ควรรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์เมื่อไหร่?
การเริ่มรักษาเร็วกว่าจะทำให้การรักษารอยประสบความสำเร็จมากกว่า ใช้ระยะน้อยกว่า ดังนั้นหากมีรอยสิวเกิดขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อจัดการดีกว่าการปล่อยไว้นาน จะทำให้รักษายากขึ้นหรือใช้ระยะเวลานานขึ้นครับ
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่า รอยดำ รอยแดงสิว หากปล่อยทิ้งไว้สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้ประมาณ 80% ดังนั้นการเข้ามารีบพบแพทย์เพื่อรักษารอยสิว ก่อนที่จะเกิดหลุมสิว จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากกว่า
Picosecond Laser ตัวช่วยลดรอยสิวที่ดีที่สุด
ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีเลเซอร์ออกมาหลากหลายชนิด เพื่อตอบโจทย์กับปัญหาผิวในแต่ละรูปแบบ แต่เลเซอร์รอยสิวที่กำลังมาแรงที่สุดในตลาดในขณะนี้ก็คือ Pico Laser ซึ่งมีความสามารถในการช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิวได้เป็นอย่างดี
จากทั้งหมดหากทำ Picosecond Laser จะให้ผลดีกว่า ทั้งการลดรอยดำ รอยสิวตื้นและรอยสิวลึก เพราะทำให้เม็ดสีแตกละเอียดจึงกำจัดรอยดำออกได้ง่าย เมื่อเทียบกับ Skin Care เช่น Arbutin, Kojic Acid, Butylresorcinol ที่มีการลดการสร้างเม็ดสีที่ Melanocyte หรือ AHA, BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน และครีมกันแดดที่ลดการกระตุ้นรอยดำจากแสงแดด แต่ทั้งหมดนี้ได้ผลแค่รอยดำชั้นตื้นที่เกิดจากการอักเสบไม่มากและเม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น
และหากเทียบกับเลเซอร์อื่นๆ Picosecond laser เป็นเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์ในการรักษารอยดำที่ดีที่สุดในตอนนี้ ด้วยความที่ระยะเวลาในการปล่อยพลังงาน (Pulse Duration) ของเลเซอร์ชนิดนี้สั้นมากถึง 1 ในล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีเกิดการแตกตัวอย่างละเอียดมากขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับเลเซอร์แบบเดิม ส่งผลให้โรคที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีต่างๆ รวมถึงรอยดำจากสิวจางลงได้อย่างรวดเร็ว
โหมดของ Picosecond Laser
หากพูดถึง Picosecond Laser แล้ว เลเซอร์ตัวนี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพแค่รักษารอยดำหรือรอยแดงจากสิวเท่านั้น เพราะเครื่องเลเซอร์นี้โหมดมีอยู่ทั้งหมด 2 โหมดด้วยกัน คือ Full Beam Mode กับ Fractional Pico ซึ่งทั้งคู่มีความรายละเอียดและแตกต่างกันดังนี้
1. Full Beam Mode เป็นโหมดที่เน้นเรื่องการจัดการเม็ดสี โดยในโหมดนี้เองก็จะมีหลายช่วงคลื่น เช่น
- ความยาวคลื่น 1064 nm ใช้จัดการเม็ดสีในชั้นหนังแท้ เช่น Pico-Toning ลดการสร้างเม็ดสีใหม่ ทำให้หน้าใส ลดฝ้า รอยดำจากสิว กระลึก หรือใช้ลบรอยสักสีดำ น้ำเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับการปรับพลังงานตามรอยโรค
- ความยาวคลื่น 532 nm ใช้ในการยิงเฉพาะจุดเม็ดสีชั้นหนังกำพร้า เช่น กระตื้น กระแดด รอยสักสีแดง ซึ่งขึ้นอยู่กับการปรับพลังงานตามรอยโรค
- ความยาวคลื่น 595 nm ใช้ในการยิงรอยแดงสิว
2. Fractional Pico ใช้เลนส์พิเศษในการรวมแสงเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รักษาผิวที่มีความไม่เรียบเนียน หลุมสิว รูขุมขน แต่ Fractional Pico เองก็ยังช่วยทำให้รอยดำ รอยแดงจางได้ไวขึ้นกว่าการทำ Full beam mode ผ่านกระบวนการ transepidermal elimination และการลอกออกของรอยดำ
รอยดำและรอยแดง รักษาต่างกันไหม?
แม้ Picosecond Laser จะเป็นเลเซอร์งานผิวที่สุดยอด แต่ก็ไม่ได้เหมาะสมกับการรักษารอยดำและรอยดำอย่างเต็มที่ เพราะเลเซอร์ 1 ชนิด มี 1 ช่วงคลื่น ที่เหมาะกับการทำลายวัตถุเป้าหมายหรือปัญหาที่เฉพาะเจาะจงเพียง 1 อย่าง ดังนั้นรอยสิวที่แตกต่างกัน จึงต้องอาศัยเลเซอร์ต่างชนิดกัน จำเพาะเจาะจงต่อปัญหาที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- รอยดำ เลเซอร์ที่เหมาะสมเป็นเลเซอร์กลุ่ม Pigment-Specific Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ควรมี Pulse Duration สั้น เพราะเมลานินมีขนาดเล็ก ดังนั้น Pulse Duration ที่สั้น จะเข้าไปจัดการเมลานินได้ดี โดยที่พลังงานไม่แผ่ออกไปสร้างความเสียหายบริเวณอื่น ช่วงคลื่นที่เหมาะสมสำหรับผิวคนไทยคือ ช่วงคลื่น 1064 nm เลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ Q-switch nd YAG Laser, Picosecond Laser และ Cell-Toning Laser
- รอยแดง เลเซอร์ที่เหมาะสมเป็นเลเซอร์ที่จับฮีโมโกลบินในหลอดเลือดแดงได้ดี จากงานวิจัยพบว่าเลเซอร์ที่ได้ผลดี ได้แก่ Pulse Dye Laser, V-Laser, Cell-Toning Laser, Nanosecond, Picosecond 585 หรือ 595 nm
เลเซอร์รอยสิวเจ็บไหม มีขั้นตอนอย่างไร ?
การทำเลเซอร์รอยสิวนั้น อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้และผิวของแต่ละคน ในกรณีที่กลัวเจ็บ สามารถขอใช้ยาชาเพื่อช่วยลดความเจ็บได้ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล แต่ในกรณีของ Picosecond Laser นั้นจะค่อนข้างเจ็บน้อยกว่าแบบอื่นๆ เพราะเป็นการทำงานโดยการปล่อยคลื่นความร้อนความเร็วสูงถึง 1 ต่อ ล้านล้านวินาที ลงไปสลายเม็ดสีในชั้นผิว ทำให้ผิวร้อนหรือแดงน้อย ไม่ตกสะเก็ด และเห็นผลลัพธ์ได้ไวและชัดเจนหลังทำ โดยขั้นตอนในการทำเลเซอร์รอยสิว ได้แก่
- เข้าปรึกษาแนวทางการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวกับแพทย์ผู้ชำนาญการ
- ทำการทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์เต็มที่ หรือในเลเซอร์บางโหมดที่ไม่เจ็บ เช่น Pico-Toning อาจไม่ต้องใช้ยาชาเลย
- เข้ารับการทำเลเซอร์รอยสิว โดยอาจใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที
- อาจมีรอยแดงหรืออาการแสบผิวเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น ใน 1-2 วันแรกหลังทำ
การดูแลก่อนและหลังเลเซอร์รอยสิวต้องทำอะไรบ้าง ?
ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับการรักษาเลเซอร์รอยสิว ควรทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนและหลังทำ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์รอยสิว ด้วย Picosecond Laser
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่โดนแสงแดด เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เช่น การอาบแดด หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง
- ไม่ควรทำการแว็กซ์หรือถอนขนก่อนทำเลเซอร์ 1 สัปดาห์
- หยุดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามิน E โสม ฯลฯ ก่อนเข้ารับการทำเลเซอร์รอยสิว 1 สัปดาห์
- ก่อนเข้ารับการรักษา 1 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามิน A AHA หรือ BHA
- งดแต่งหน้า ทาครีมบำรุง หรือ ยารักษาสิว ในวันที่เข้ารับการรักษา
การดูแลหลังทำเลเซอร์รอยสิว ด้วย Picosecond Laser
โดยปกติหากมีการยิงเพียง Pico-Toning Mode สามารถแต่งหน้าได้ทันที ไม่มีขั้นตอนการดูแลอะไรเป็นพิเศษแต่หากเป็น Fractional Pico หมอจะแนะนำขั้นตอนการดูแลดังนี้
- งดโดนน้ำ 12 ชั่วโมง สามารถใช้ผ้าก๊อซซับและใช้น้ำดื่มหรือน้ำเกลือทำความสะอาดหน้าได้ หลังจาก 12 ชั่วโมง แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตามแพทย์แนะนำ
- เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน (ใช้ต่อเนื่องได้)
- ผลิตภัณฑ์กระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อลดเม็ดสี (ใช้ต่อเนื่องได้)
- ครีมให้ความชุ่มชื้น (ใช้ต่อเนื่องได้)
- ครีมกันแดด (ใช้ต่อเนื่องได้)
- หากมีสะเก็ด ให้งดแต่งหน้าและนวดขัดถูใบหน้า จนกว่าสะเก็ดจะหลุดออกหมด
- งดผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองสูง 7 วัน เช่น กรดวิตามินเอ ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
- กรณีมีผื่นคันหรือตุ่มแดงหลังทำ สามารถทา Elomet เฉพาะบริเวณที่เกิดอาการได้
- ผลลัพธ์ด้านรูขุมขน หลุมสิว และผิวที่เรียบเนียนจากการสร้างคอลลาเจนระยะยาว แนะนำให้ทำ 5 ครั้ง และจะต้องใช้เวลาทำประมาณ 3-6 เดือน เพราะกลไกในการสร้างคอลลาเจนจะเกิดขึ้นที่ 1-6 เดือนหลังการทำเลเซอร์
รีวิวก่อนและหลังทำเลเซอร์รอยสิว ได้ผลลัพธ์อย่างไร ?
สำหรับผู้ที่มีปัญหารอยดำรอยแดงจากสิว หลังจากที่เข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์รอยสิวแล้ว หากเป็น Pico-Toning mode ผิวหลังทำจะเป็นสีชมพูเล็กน้อย ประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น หากเป็น Fractional Pico อาจมีอาการแดงของผิว 3-7 วันขึ้นกับปัญหาและการตั้งค่าพลังงาน โดยปกติแล้วแผลที่เกิดจากการทำเลเซอร์ มักจะหายไปได้ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นผิวหน้าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ จนเริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของรอยด่างดำที่ดูจางลงภายใน 2-4 สัปดาห์แรก สำหรับหลุมสิวและรูขุมขนนั้นจะค่อยๆ กระชับขึ้นเรื่อยๆ และเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังจากประมาณ 1 เดือน หลังจากที่ผิวได้ทำการสร้างคอลลาเจนออกมา
เลือกคลินิกเลเซอร์รอยสิว อย่างไรดี ?
ก่อนที่จะทำเลเซอร์รอยสิว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่ตั้งใจจะใช้บริการเสียก่อน เพราะเครื่องมือและความชำนาญของแพทย์ ล้วนมีผลต่อผลลัพธ์ของการรักษารอยแดงดำจากสิว โดยการเลือกคลินิกที่ดี ควรคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้
1. การเลือกชนิดของเครื่องเลเซอร์ให้ตรงกับปัญหาผิวหน้า
เลเซอร์แต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกัน หากเลือกใช้เลเซอร์ที่ผิดประเภทแล้วก็อาจส่งผลเสียต่างๆ ตามมา เช่น
- แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทำให้ต้องเสียเงินค่ารักษา แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีเท่าที่ควร
- ทำให้อาการแย่ลง การใช้เลเซอร์ที่ผิดประเภท อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาและกระตุ้นให้เม็ดสีผิวทำงานมากกว่าเดิม ทำให้ปัญหารอยด่างดำรุนแรงขึ้น
- ผิวบาง ไม่แข็งแรง หลังจากการทำเลเซอร์รอยสิวนั้น ผิวจะบอบบางเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าใช้เลเซอร์แบบผิดประเภทแล้ว ยิ่งเพิ่มโอกาสในการบาดเจ็บ ทำให้ผิวไวต่อแสงและเพิ่มโอกาสในการอักเสบ รวมถึงโอกาสเสี่ยงจากโรคมะเร็งผิวหนังจากรังสี UV
ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกที่มีเครื่องมือที่ตรงกับปัญหาผิว เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่ถูกจุด ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุด
2. เลือกคลินิกที่มีแบรนด์ของเครื่องเลเซอร์ตามมาตรฐานระดับโลก
เครื่องมือเลเซอร์บางตัว อาจเคลมว่าเป็นเลเซอร์ชนิดเดียวกัน แต่เลเซอร์แบบเดียวกันนี้ก็มีหลายเกรด ซึ่งเห็นได้จากราคาของเครื่อง ที่มีตั้งแต่ราคา 5 หมื่น-5 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าก็ย่อมมีราคาที่แพงกว่า แต่ก็ทำให้มั่นใจในเรื่องของผลลัพธ์และความปลอดภัยได้มากกว่าเช่นกัน
3. เลือกเครื่องเลเซอร์ที่ผ่าน USFDA
เครื่องเลเซอร์ที่ผ่านการรับรองโดย USFDA หรือ อย. ของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ได้ผ่านกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดในการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องมือและความน่าเชื่อถือของงานวิจัยที่ถูกนำมาใช้สนับสนุน จึงทำให้มีความน่าเชื่อถือในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน
4. เลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ตรงสามารถอธิบายขั้นตอนการรักษาได้
แต่ละคนมีปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องใช้เลเซอร์แต่ละรูปแบบในการรักษา ดังนั้นการได้แพทย์ที่มีประสบการณ์สูง สามารถวินิจฉัยเกี่ยวกับปัญหาของผิวได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ จะช่วยให้สามารถรักษาปัญหาได้อย่างตรงจุด ที่ DSK Clinic แพทย์ทุกท่านล้วนชำนาญในการวิเคราะห์ปัญหาผิว ได้รับการฝึกอบรม ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงมั่นใจได้ในผลการรักษาที่น่าพึงพอใจ
วิธีอื่นๆ ในการรักษารอยดำและรอยแดงจากสิว มีอะไรบ้าง ?
การรักษาจุดด่างดำจากสิวด้วยเลเซอร์นั้น เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งของการรักษารอยดำแดงจากสิว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีการรักษาอีกหลากหลายวิธีที่สามารถช่วยทำให้รอยสิวดูจางลงได้เช่นกัน จะมีวิธีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย
การดูแลและรักษารอยแดงสิว
รอยแดงจากสิวมักเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดสิวอักเสบ ทำให้ร่างกายพยายามฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ โดยการส่งเลือดไปเลี้ยงยังบริเวณดังกล่าว ส่งผลให้เส้นเลือดขยายตัว และเกิดรอยบวม แดงขึ้น ในบางครั้งแม้ว่าสิวจะหายไปแล้ว แต่อาจเหลือร่องรอยจากเส้นเลือดฝอยที่ถูกทำลายได้ การรักษารอยแดงจากสิวจึงมักเน้นไปที่การลดอาการอักเสบและฟื้นฟูผิวหนังในส่วนที่เกิดอาการบาดเจ็บจากสิว โดยนอกเหนือจากการทำเลเซอร์รอยสิวแล้ว ยังสามารถใช้วิธีการเหล่านี้เพื่อช่วยลดรอยแดงจากสิวได้ เช่น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแดง: ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Tranexamic acid วิตามินซี วิตามินบี 3 (Niacinamide) ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนช่วยในการต้านการอักเสบของผิวและช่วยลดรอยแดงจากสิวอักเสบได้
การดูแลและรักษารอยดำสิว
รอยดำจากสิวนั้นเกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังพยายามฟื้นตัวหลังจากการบาดเจ็บจากสิวอักเสบ ทำให้เซลล์ผลิตเม็ดสีทำงานผิดปกติและผลิตเม็ดสีมากเกินไป จนทำให้เกิดเป็นร่องรอยจุดด่างดำบนผิวหนัง แม้ว่าสิวจะหายไปแล้วก็ตาม โดยการรักษารอยดำจากสิวจะเน้นไปที่การช่วยลดการทำงานของเซลล์ผลิตเม็ดสีและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการผลัดผิว เพื่อปรับให้ผิวดูสว่างใสเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น โดยสามารถใช้วิธีเหล่านี้ในการช่วยลดปัญหารอยดำจากสิว เช่น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยดำจากสิว: เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) ที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีและเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว หรือ กรดโกจิก (Kojic Acid), วิตามินบี 3 (Niacinamide) และ วิตามินซี ที่ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ
- การใช้กรดลอกผิว (Chemical Peel): เป็นวิธีการรักษาโดยการใช้กรดแบบพิเศษที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้ผิวที่สร้างใหม่มีความกระจ่าง เรียบเนียนมากขึ้น แต่ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
คนชอบบีบสิวต้องรู้ ขั้นตอนป้องกันการเกิดรอยสิวหลังบีบ
- ไม่ควรบีบสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวมีหัวหรือไม่มีหัว เพราะการบีบที่ผิดวิธีสร้างผลเสียมากกว่าผลดี
- หากสิวอักเสบมีการแตก ควรทำความสะอาดบริเวณสิว ฆ่าเชื้อสิวและป้องกันเชื้อโรคอื่นเข้าสู่แผลสิว
- ป้องกันการเกิดรอยสิว ด้วยสกินแคร์ ยา หรือเจลแต้มสิวที่มีส่วนผสมช่วยลดการอักเสบ เพื่อลดอาการแดง และลดโอกาสที่จะเกิดรอยดำตามมา
- งดการใช้สครับผิว เพราะเม็ดสครับอาจก่ออาการระคายเคืองกับเนื้อเยื่อบริเวณสิวที่อ่อนแอ ทำให้เกิดการอักเสบซ้ำ
- ขณะที่แผลกำลังสมานตัว งดแกะ หรือสัมผัส เพราะจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่แผลและเกิดการอักเสบซ้ำ
สรุป
รอยดำรอยแดงจากสิวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากเข้าใจถึงต้นเหตุของการเกิดปัญหาแล้ว ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาจุดด่างดำเหล่านี้ได้ โดยในปัจจุบันนั้นมีทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากมาย และหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการทำเลเซอร์รอยสิว ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้อย่างรวดเร็ว คืนความมั่นใจให้กับผิวหน้า บอกลาปัญหารอยดำรอยแดงจากสิว ติดต่อกับเราได้ที่ DSK Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้มากประสบการณ์ที่พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาผิวหน้าของแต่ละคนและพร้อมจะช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าทุกรูปแบบ สามารถโทรนัดจองคิวหรือติดต่อเราผ่านทางโซเชียลมีเดียของคลินิกได้ทุกช่องทางนะครับ