- October 5, 2022
มหากาพย์โบท็อกซ์ (Botox) เลือกฉีดยี่ห้อไหน ประเทศไหนดีนะ?
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนหน้าเรียว คางเดฟ สวยเป๊ะไร้ริ้วรอยกันทั้งนั้น เรียกได้ว่าโบท็อกซ์มาแรงและตอบโจทย์สารพันปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้าได้อย่างดีเยี่ยม แต่เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่ว่าโบท็อกซ์ยี่ห้อไหน ๆ ก็จะเหมือนกันไปหมด เพราะ Botox แต่ละยี่ห้อแต่ละสัญชาติก็มีส่วนประกอบแตกต่างกัน ราคาแตกต่างกัน และตอบโจทย์ปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกฉีดโบท็อกซ์ก็ควรศึกษาข้อมูลแต่ละยี่ห้อก่อนว่าอันไหนเหมาะกับเรา อันไหนควรปัดตก วันนี้หมอจะรวบรวมโบท็อกซ์ตัวท็อปตัวปัง ตัวไหนเด็ด ตัวไหนโดน มาดูกันเลยดีกว่า!
โบท็อกซ์คืออะไร?
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของโปรตีน Botulinum toxin type A ซึ่งผลิตจากแบคทีเรียตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า Clostridium botulinum หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วเจ้าโบท็อกซ์มันมีคุณสมบัติในการยับยั้งสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแรงและอยู่ในภาวะอัมพาตชั่วคราว ดังนั้นวงการความงามจึงเล็งเห็นประโยชน์ข้อนี้ และนำโบท็อกซ์มาปรับใช้โดยฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อมัดเล็กบนใบหน้า เพื่อให้กล้ามเนื้อเหล่านั้นทำงานลดลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ผิวหนังด้านบนกล้ามเนื้อบริเวณนั้นก็จะดูเรียบเนียนขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหว่างคิ้ว หน้าผาก และตีนกาหายไป กรามมีขนาดเล็กลง ยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึง ดังนั้นใบหน้าจึงดูเรียวเล็ก และดูอ่อนเยาว์มากขึ้นนั่นเอง
เปิดกรุ Botox ดัง 9 ยี่ห้อ ตัวไหนปัง ตัวไหนพัง มาดูกัน!
ปัจจุบันมีโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อให้เลือกสรรเต็มไปหมด ฝั่งอเมริกาก็ดี ฝั่งเอเชียก็มา เรามาดูกันดีกว่าว่าปัจจุบันมีโบท็อกซ์ตัวไหนที่ได้รับความนิยม และใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทยบ้าง และนี่คือโบท็อกซ์ 9 ตัวดังที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ ไปดูกันเลย
Allergan
หากพูดถึงโบท็อกซ์ แน่นอนว่าขาดเจ้าตัวนี้ไปไม่ได้ เพราะ Allergan เป็นบริษัทแม่แบรนด์ดังสัญชาติอเมริกาที่ให้กำเนิดโบท็อกซ์ (BOTOX®) เป็นเจ้าแรก จนเราเรียกกันอย่างติดปากว่าโบท็อกซ์ ถือเป็นต้นตำรับของโบท็อกซ์ทุกยี่ห้อ และเป็นสูตรดั้งเดิมก็ว่าได้ เจ้าตัวนี้ถือว่าได้รับการรับรองจาก FDA ตั้งแต่ปี 1985 มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด และเคยได้รับรางวัลชนะเลิศผลิตภัณฑ์สำหรับฉีดในปี 2019 มาแล้ว
สำหรับความดีงามของโบท็อกซ์จาก Allergan ก็ต้องบอกว่ามีเพียบ เนื่องจากคุณสมบัติที่กระจายตัวได้แคบ จึงสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยเฉพาะจุดได้ดี เช่น รอยเหี้ยวย่นบนหน้าผาก รอยย่นหว่างคิ้ว และรอยตีนกา และยังสามารถใช้ฉีดลดกรามได้ด้วย แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ DSK Clinic เลือกใช้
Dysport
โบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษตัวนี้ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2009 ข้อดีคือมันสามารถกระจายตัวได้กว้างมาก จึงสามารถใช้แก้ปัญหาริ้วรอยกว้างบริเวณหน้าผาก ลดกรอบหน้า รวมทั้งยืนหนึ่งในเรื่องลดกลิ่นตัวกลิ่นเหงื่อ ลดน่อง และลดต้นแขน โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อนข้างรวดเร็ว แต่ตัวยาก็สลายไปเร็วเช่นกัน นอกจากนี้เนื่องจากตัวยากระจายตัวได้กว้าง ดังนั้นผลข้างเคียงก็อาจเกิดเป็นบริเวณกว้างไปด้วย จึงไม่เหมาะกับการฉีดลดริ้วรอยในบริเวณแคบ ๆ และหัตถการควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
Xeomin
น้องคนนี้เป็นโบท็อกซ์สุดเริ่ดจากเยอรมันที่อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยมากนัก แต่ Xeomin ก็เป็นโบท็อกซ์ตัวหนึ่งที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2011 และยังผนวกข้อดีของ Allergan และ Dysport ไว้ด้วยกัน จุดเด่นคือ Xeomin เป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อแรกที่ประกอบด้วยโบท็อกซ์ 100% มีความบริสุทธิ์สูงมาก ปราศจาก Complexing Protein ไม่มีสารเติมแต่งใด ๆ ทำให้ฉีดแล้วดูธรรมชาติ ละมุน หน้าไม่ตึง และสามารถป้องกันภาวะดื้อโบท็อกซ์ได้ นอกจากนี้ยังมีอาการข้างเคียงน้อยและเห็นผลอย่างรวดเร็ว
หากเปรียบเทียบกับโบท็อกซ์ดั้งเดิมอย่าง Allergan มีงานวิจัยมากมายบอกว่า Xeomin สามารถออกฤทธิ์ได้รวดเร็วกว่า และอยู่ได้นานกว่า จึงเหมาะสำหรับการแก้ปัญหากรอบหน้า และริ้วรอยเหี้ยวย่นได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นจึงเป็นโบท็อกซ์อีกตัวหนึ่งที่ DSK Clinic ของเราเลือกใช้
ทำไม “Xeomin” ถึงเป็นโบที่หมอเลือก
Hugel
มาถึงฝั่งเอเชียของเรากันบ้าง เอาใจสายเกากับ Hugel โบท็อกซ์เกรดพรีเมียมที่เรียกได้ว่าปังที่สุดและขายดีที่สุดในเกาหลี มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% เหมาะกับการฉีดลดกราม แก้ปัญหาริ้วรอยตีนกา หว่างคิ้ว และหน้าผาก ที่สำคัญยังราคาถูกกว่าโบท็อกซ์จากฝั่งอเมริกาหรือยุโรปกว่าเท่าตัว ที่ DSK Clinic เราพร้อมให้บริการทั้งแบบ 50 และ 100 ยูนิตเลยนะ
Nabota
Nabota เป็นโบท็อกซ์แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวจากประเทศเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2018 มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ แถมยังผ่านการวิจัยทดลองมากว่า 30 ปี จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยหายห่วงและมีมาตรฐานระดับสากล น้องคนนี้เป็นตัวท็อปในด้านการลดริ้วรอย ที่สำคัญยังเห็นผลไวเว่อร์ เหมาะกับคนที่ต้องการหน้าเด้งแบบเร่งด่วน ที่ DSK Clinic เราจัดมาให้คุณแบบ 100 ยูนิต พร้อมให้คุณพิสูจน์ความอ่อนเยาว์แบบพรีเมียมได้แล้ววันนี้
Aestox
โบท็อกซ์น้องใหม่ใสกิ๊งจากเกาหลี พึ่งได้รับการรับรองจาก อ.ย. เมื่อไม่นานมานี้ ตัวยามีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% Aestox นิยมใช้เพื่อลดกราม ลดขนาดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ปรับรูปหน้าวีเชฟโดยเฉพาะ หรือจะใช้ลดริ้วรอยก็ทำได้เช่นกัน
Neuronox
ถึงแม้จะเป็นโบท็อกซ์จากเกาหลี แต่นางก็มีประสิทธิภาพที่ครั้งหนึ่งเคยถูกพูดถึงว่าทัดเทียมกับต้นตำรับโบทอกซ์อย่าง Allergan เลยทีเดียว Neuronox สามารถแก้ปัญหาตีนกา หน้าผากย่น และริ้วรอยหว่างคิ้วได้อย่างดี ดูสวยหล่อแบบเป็นธรรมชาติ ในราคาที่ถูกกว่าฝั่งอเมริกาถึงเท่าตัว แต่ปัจจุบันถูกถอดจาก อย. ไทยและเกาหลีไปเรียบร้อยเนื่องจากมีปัญหาเรื่องมาตรฐานการผลิต
Botulax
Botulax เป็นโบท็อกซ์สัญชาติเกาหลีที่นิยมใช้ในบ้านเรา ราคาสบายกระเป๋า ออกฤทธิ์เร็ว แต่ก็สลายไปเร็วเช่นกัน ส่วนใหญ่มักใช้ฉีดเพื่อให้หน้าใสมากกว่าลดริ้วรอยหรือลดกราม เพราะอาจมีปัญหาเรื่องหน้าแข็งได้ ประสิทธิภาพถือว่าด้อยกว่า Neuronox เล็กน้อย ปัจจุบันมีของปลอมเยอะมาก และได้ถูกถอดจาก อย. ประเทศไทยแล้ว
Btxa
มาถึงตัวสุดท้ายที่เป็นโบท็อกซ์สัญชาติฮ่องกงตัวเดียวที่เข้ารอบ โดยเจ้า Btxa มีความบริสุทธิ์อยู่ที่ 99.5% จุดขายของเค้าก็คือการลดขนาดกราม เห็นผลลัพธ์ไว และยังอยู่ได้นานอีกด้วย แต่ราคาที่ถูกก็อาจจะแลกมาด้วยสินค้าที่ยังไม่ผ่านมาตรฐานรับรองได้
โบท็อกซ์สายฝอ VS สายเกา แบบไหนใช่สำหรับคุณ?
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างโบท็อกซ์สายฝอกับสายเกาก็คือราคานั่นเอง ปัจจุบันจึงมีคนจำนวนมากหันไปฉีดโบท็อกซ์จากเกาหลีกันมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่า แถมประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโบท็อกซ์จากฝั่งอเมริกาหรือยุโรปมากนัก แต่ปัญหาของบางคนก็อาจจะไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยน้องโบตัวไหนเลยจากเกาหลี จึงอาจจะต้องกลับไปซบอกโบทอกซ์จากฝั่งยุโรปเหมือนเดิม
สำหรับหลักการเลือกโบทอกซ์หมอคิดว่า หากเป็นคนไข้ที่ต้องการฉีดโบทอกซ์นานๆ ไม่อยากมีปัญหาดื้อยาในอนาคต ตัวเลือกแรกที่ควรเลือกคือ Xeomin ที่แม้ฉีดไปอีกกี่ปีก็ปราศจากการดื้อยา 100% แต่ถ้าอยากลดริ้วรอยแบบราคาถูกลงมาหน่อยแต่ยังปลอดภัย ก็อาจจะหันมามอง Nabota โบที่บริสุทธิ์ที่สุดในสายเกาแทน ทั้งนี้ทั้งนั้นโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ยี่ห้ออื่น ๆ ที่ไม่ถูกพูดถึงก็อาจจะมีข้อดีบางอย่างที่เราต้องการก็ได้นะ
แต่ทว่า แบรนด์ดังก็ใช่ว่าจะปังเสมอไป เพราะตอนนี้ใคร ๆ ก็อยากใช้โบท็อกซ์ ทำให้มีของปลอมเกลื่อนไปหมด ดังนั้นอย่าลืมสังเกตให้รอบคอบว่าโบท็อกซ์ที่เราฉีดเป็นของแท้รึเปล่า เพราะจำไว้เลยว่าโบแท้ ไม่ว่ายี่ห้อใด ๆ ย่อมดีกว่าโบปลอมที่แฝงมาในรูปโบหิ้วแน่นอน นอกจากนี้ก็ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน สามารถให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล และให้การรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ที่ DSK Clinic เราเป็นคลินิกเสริมความงามและรักษาผิวหนังชั้นนำของประเทศ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมาด้วยปัญหาแบบไหน รับรองว่าคุณจะสวยหล่ออย่างปลอดภัยกลับบ้านแน่นอน
วิธีดูโบท็อกซ์แท้ VS ปลอม รู้ไว้ก่อนโดนหลอก!
อย่างที่บอกไปว่าอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การเลือกยี่ห้อที่ใช่ คือต้องเลือกยี่ห้อที่แท้ด้วย ทุกวันนี้เราควรดูโบท็อกซ์แท้ให้เป็น เพราะปัจจุบันมีของปลอมออกมาเกลื่อนตลาดเต็มไปหมด ทำให้ฉีดไปแล้วไม่เห็นผล หรือถ้าโชคร้ายก็อาจจะได้ผลข้างเคียงอื่น ๆ มาแทน วันนี้หมอจะพาไปดูวิธีเช็คโบทอกซ์แบบละเอียดยิบ จะได้รู้เท่าทันว่าอันไหนของแท้ อันไหนของปลอม
Xeomin
วิธีการเช็คว่า Xeomin ที่คุณฉีดเป็นของแท้หรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ โดยดูเลขลอตจากบนกล่องและใต้ขวด และสอบถามเลขกับแอดมินบริษัทที่จัดจำหน่ายได้โดยตรงที่เพจ Merz Aesthetics Thailand
หากคุณเข้าไปที่เว็บไซต์ออฟฟิเชียลของ Merz Aesthetics Thailand คุณสามารถเสิร์ชหาชื่อคลินิก D-Skin เพื่อให้มั่นใจว่าที่ DSK Clinic ของเราใช้ Xeomin โบเยอรมันนำเข้าแท้ ๆ 100%
Hugel
มาต่อกันที่สายเกาอย่าง Hugel กันบ้างดีกว่า วิธีการเช็คน้องคนนี้นั้นง่ายแสนง่าย เพียง 2 ขั้นตอนเท่านั้นก็คือ
- ขูดฟอยล์สีเงินที่ปิดทับ QR Code และเลข Running Code บนกล่องผลิตภัณฑ์ออก
- สแกน QR Code ได้เลย! มันก็จะเด้งเข้าสู่หน้าตรวจสอบผลิตภัณฑ์ พอคนไข้กรอกเบอร์โทรศัพท์เรียบร้อย ข้อมูลเลขทะเบียน เลขลอต และวันหมดอายุก็จะแสดงขึ้นมา อย่าลืมสังเกต Running Code ใน link ต้องตรงกับ Running Code บนขวดด้วยนะ
โลโก้ DSK Clinic ด้านบนการันตีว่าเราใช้ Hugel ของแท้เท่านั้น!
Nabota
สำหรับโบท็อกซ์เกาสุดปังตัวนี้ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือสามารถขูดแถบ SCRATCH & SCAN สีทองข้างกล่อง แล้วสแกน QR Code ได้เลย หากเป็นของแท้จะมีข้อมูลผลิตภัณฑ์ปรากฏชัดเจน ทั้งรุ่นการผลิต วันผลิต วันหมดอายุ และผู้จัดจำหน่าย
นอกจากนี้อย่าลืมสังเกต 3 อย่างนี้
- สติกเกอร์โฮโลแกรมสีทอง “Montana Marketing”
- ฉลากข้างขวดที่ระบุบริษัทจัดจำหน่าย “Distributed by Montana Marketing”
- สติกเกอร์โฮโลแกรมสีเงินระบุคำว่า “DW”
- แถบสีทองข้าง ๆ QR Code ที่ส่องไฟแล้วเห็นเป็นคำว่า “MN”
แต่หากคุณคิดจะสั่งโบท็อกซ์มาฉีดเองจากอินเตอร์เน็ตล่ะก็ คุณจะไม่สามารถสแกน QR Code ใด ๆ ก่อนชำระเงินได้ และต่อให้สแกน QR Code ได้ก็ไม่มีทางที่จะปรากฏชื่อคลินิกที่สั่งซื้อ นั่นก็เพราะว่าบริษัทนำเข้าโบท็อกซ์จะขายผลิตภัณฑ์ให้กับคลินิกที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็จะครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการนำเข้าจนถึงกระบวนการขนส่งในอุณหภูมิจำเพาะ แน่นอนว่าร้านรับหิ้วคงไม่ได้รับใบอนุญาต และไม่สามารถจัดเก็บผลิตภัณฑ์ไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสมแน่ ๆ ดังนั้นการซื้อโบท็อกซ์ด้วยตนเอง หรือการฉีดโบกับหมอกระเป๋าจึงเสี่ยงและน่าจะโดนหลอกด้วยของปลอมอย่างแน่นอน แทนที่จะได้โบทอกซ์บริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ดันไปได้ของปลอม 100 เปอร์เซ็นต์มาแทนที่
นอกจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอมจะเสี่ยงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ หรือเสี่ยงที่โบจะออกฤทธิ์บ้างไม่ออกฤทธิ์บ้างแล้ว เจ้าโบปลอมจากจีนพวกนี้ยังอาจบรรจุสารอันตรายเอาไว้ ซึ่งสารเหล่านี้ก็อาจจะไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่น่ากลัวตามมามากมาย เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต ดีไม่ดีอาจจะรักษาไม่หายเลยก็ได้ น่ากลัวมาก
ดังนั้นหมอขอแนะนำให้คนไข้ฉีดโบท็อกซ์กับคลินิกที่ไว้ใจได้ โดยเช็คให้มั่นใจว่าเป็นกล่องที่แกะซีลใหม่ ๆ เท่านั้น และอย่าลืมนำกล่องผลิตภัณฑ์ที่ฉีดเสร็จแล้วกลับบ้าน หรือตรวจสอบเลขลอต ณ คลินิกที่ทำหัตถการเลยก็ได้ จะได้มั่นใจว่าโบที่เราฉีดไปเป็นของแท้ส่งตรงจากบริษัทชัวร์ไม่มั่วนิ่ม หรือถ้าใครไม่อยากเสี่ยงเอาหน้างาน อยากสวยชัวร์ ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์แท้ ๆ จากบริษัท และได้รับคำแนะนำอย่างตรงจุด ที่ DSK Clinic ยินดีต้อนรับ รับรองว่าสวยด้วย ปลอดภัยด้วยแน่นอน