DSK Clinic I The Customized Aesthetic Clinic

เปรียบเทียบ E-Matrix, Fractora, Infini, Picosecond Laser

Acne Scar Excellence Focus

บทความโดย

DSK Editorial team

กรกฎาคม 5, 2021

เปรียบเทียบ E-Matrix, Fractora, Infini, Picosecond Laser อะไรรักษาหลุมสิวดีกว่ากัน!

เลเซอร์หลุมสิวที่คนพูดถึงมากที่สุดในปีนี้ก็คงไม่พ้น เลเซอร์ 4 ตัวนี้ เริ่มจากเจ้าเก่าเจ้าเดิมอย่าง E-Matrix จนมาถึงเลเซอร์ที่ผลลัพธ์ดีมาก ๆ อย่าง Fractora และ Infini และเทคโนโลยีน้องใหม่อย่าง Picosecond Laser สรุปแล้วอะไรดีกว่ากัน ?

ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าทั้ง 4 ตัวนี้เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ได้ผลดี ปลอดภัย และเหมาะสมกับผิวคนเอเชียมากกว่าเลเซอร์กลุ่มเดิมอย่าง Fractional CO2 หรือ Fractional ErbiumYAG และ Fractional Erbium Glass ซึ่งจริง ๆ แล้ว E-Matrix, Fractora และ Infini เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานเดียวกันคือการใช้คลื่นวิทยุ ซึ่งเทคโนโลยีกลุ่มนี้มีข้อดีคือไม่จับเมลานิน ทำให้ลดโอกาสการเกิดรอยดำหลังเลเซอร์ พลังงานลงใต้ผิวได้กว้าง และสร้างบาดแผลบริเวณผิวด้านบนน้อย

ความแตกต่างของ E-Matrix, Fractora และ Infini คือความลึกที่สามารถลงไปได้ โดย Fractora จะลงลึกได้มากกว่า E-Matrix เนื่องจากมีเข็มปล่อยพลังงาน (Microneedling) ขนาด 1.5 mm ทำให้ลงพลังงานได้ลึกขึ้น คนไข้เห็นผลลัพธ์ได้ดีขึ้น

สำหรับ Infini ก็พัฒนาไปมากกว่า Fractora ตรงที่เราสามารถกำหนดระดับความลึกได้ โดยความยาวเข็มมีตั้งแต่ 0.5-3.5 mm ดังนั้นในการยิง 1 ครั้งสามารถลงได้หลายระดับชั้น โดยปกติที่ DSK Clinic เราจะยิงตามระดับปัญหาของแต่ละชั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ดีมากแม้จะรักษาไปเพียง 1 ครั้ง

ดังนั้นถ้าเรียงลำดับประสิทธิภาพก็คงจะเรียงจาก E-matrix < Fractora < Infini

สำหรับ Picosecond Laser จริง ๆ แล้วเป็นเลเซอร์ที่เกิดมาเพื่อเม็ดสี แต่ก็สามารถกระตุ้นคอลลาเจน และปรับผิวให้เรียบเนียนด้วย หากใช้หัวพิเศษที่เรียกว่า Fractional จะทำให้การยิง 1 ครั้งสามารถรักษาได้ทั้งรอยดำรอยแดง และปรับพื้นผิวให้เรียบเนียนไปพร้อมกัน

หากเปรียบเทียบกับ Infini และ Fractora Picosecond Laser อาจจะยังด้อยกว่าในด้านการกระตุ้นการสร้างผิวใหม่หรือคอลลาเจนใหม่ แต่ก็มีข้อดีที่เหนือกว่า 2 ข้อคือ