- Blog
- Acne treatment
- October 14, 2025
สิวขึ้นจมูกเกิดจากอะไร ต้องมีวิธีดูแลสิวที่จมูกอย่างไร

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
ปัญหาสิวเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้เราหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิวขึ้นจมูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนและมักจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ง่าย การมีสิวที่จมูกไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงาม แต่ยังอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัจจัยบางอย่างที่เกิดขึ้นกับผิวของเรา การทำความเข้าใจถึงต้นตอของปัญหา จะนำไปสู่การเลือกวิธีรักษาและป้องกันที่ตรงจุด เพื่อคืนความเรียบเนียนให้กับจมูกและผิวหน้าโดยรวม บทความหมอจะพาไปเจาะลึกทุกสาเหตุของการเกิดสิวขึ้นจมูก พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลและรักษาอย่างละเอียดครับ
ทำไมสิวถึงชอบขึ้นที่จมูก? เปิด 4 สาเหตุหลักที่ควรรู้

จมูกเป็นส่วนหนึ่งของ T-Zone ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่นกว่าส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า ทำให้มีความเสี่ยงที่สิวขึ้นจมูกได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น โดยมี 4 สาเหตุหลักที่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ ดังนี้ครับ
- การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป (Overactive Oil Glands) : ภาวะที่ต่อมไขมันทำงานหนักเกินปกติ ส่งผลให้มีการผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวในปริมาณมาก ซึ่งเป็นปัจจัยแรกที่นำไปสู่การอุดตันและเกิดปัญหาสิวที่จมูกในที่สุด
- การอุดตันของรูขุมขน (Clogged Pores) : เมื่อน้ำมันส่วนเกินไปรวมตัวกับเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว คราบเครื่องสำอาง หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เราเผชิญในแต่ละวัน ก็จะทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขน ทำให้สิวขึ้นจมูก
- เชื้อแบคทีเรีย P. acnes : แบคทีเรีย P. acnes มักจะอาศัยอยู่บนผิวหนังเป็นปกติ แต่จะเจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษในสภาวะที่รูขุมขนอุดตันและมีน้ำมันมากเกินไป ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิว
- ปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ : นอกเหนือจากสาเหตุหลัก ยังมีปัจจัยร่วมอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด การเสียดสีจากการสวมหน้ากากอนามัยนาน ๆ และการใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่จมูกได้ง่ายขึ้น
รู้จักประเภทสิวที่จมูก เพื่อการรักษาที่ตรงจุด

การระบุประเภทของสิวขึ้นจมูกได้อย่างถูกต้อง คือกุญแจสำคัญในการเลือกวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพราะสิวแต่ละชนิดมีลักษณะและระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน
สิวหัวดำ
สิวหัวดำ (Blackheads) คือสิวอุดตันชนิดหัวเปิด (Open Comedone) เกิดจากไขมันและเซลล์ผิวที่อุดตันในรูขุมขน แต่ปากรูขุมขนยังคงเปิดอยู่ ทำให้สิ่งที่อุดตันนั้นสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) เปลี่ยนเป็นสีดำ ไม่ใช่เกิดจากสิ่งสกปรกอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด สิวหัวดำมีลักษณะเป็นจุดดำเล็ก ๆ ฝังอยู่บนผิว เมื่อสัมผัสจะรู้สึกสาก ไม่เรียบเนียน และเป็นประเภทของ สิวที่จมูก ที่พบได้บ่อยที่สุด
สิวหัวขาว
สิวหัวขาว (Whiteheads) คือสิวอุดตันชนิดหัวปิด (Closed Comedone) มีกลไกการเกิดเช่นเดียวกับสิวหัวดำ แต่ปากรูขุมขนถูกปิดทับด้วยชั้นผิวหนัง ทำให้สิ่งที่อุดตันอยู่ภายในไม่สัมผัสกับอากาศ จึงยังคงมีสีขาวหรือสีเดียวกับผิวหนัง มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก เมื่อลูบจะรู้สึกเป็นไตแข็ง ๆ อยู่ใต้ผิว การจัดการกับสิวขึ้นจมูก ประเภทนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบตามมา
สิวเสี้ยน
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าสิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa) คือ สิวที่จมูกชนิดหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิวเสี้ยนไม่ได้จัดเป็นสิวทางการแพทย์ แต่เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของรูขุมขน ที่มีกลุ่มขนอ่อน จำนวนหลายเส้นอัดแน่นรวมกับไขมันและเคราตินอยู่ภายในรูขุมขนเดียวกัน ทำให้มองเห็นเป็นจุดดำ ๆ คล้ายสิวหัวดำ แต่เมื่อลอกหรือกดออกมา จะมีลักษณะเป็นเส้นขนเล็ก ๆ รวมอยู่ด้วย
สิวตุ่มแดง
สิวตุ่มแดง คือระยะเริ่มต้นของสิวอักเสบ เกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนที่อุดตันเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย P. acnes จนร่างกายสร้างปฏิกิริยาต่อต้าน ทำให้เกิดการอักเสบบวมแดงขึ้นมา มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ขนาดเล็กถึงปานกลาง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บแต่จะยังไม่มีหัวหนองให้เห็น การเกิดสิวขึ้นจมูกในลักษณะนี้เป็นสัญญาณว่าการอักเสบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และควรได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลาม
สิวหัวหนอง
สิวหัวหนอง เป็นสิวอักเสบที่พัฒนาต่อมาจากสิวตุ่มแดง มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงและมีจุดสีขาวหรือเหลืองอยู่ตรงกลาง ซึ่งก็คือหนองที่เกิดจากการต่อสู้กันระหว่างเซลล์เม็ดเลือดขาวกับเชื้อแบคทีเรีย สิวประเภทนี้มักสร้างความเจ็บปวดและเห็นได้ชัดเจน การจัดการกับสิวที่จมูกชนิดนี้อย่างไม่ถูกวิธีอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียกระจายตัวและทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ง่าย
สิวอักเสบขนาดใหญ่
สิวอักเสบขนาดใหญ่ หรือที่บางครั้งเรียกว่าสิวหัวช้าง คือรูปแบบของสิวขึ้นจมูกที่มีความรุนแรงที่สุด เป็นก้อนไตแข็งขนาดใหญ่อยู่ลึกใต้ชั้นผิวหนัง เกิดจากการอักเสบที่รุนแรงและลุกลามอย่างกว้างขวาง สิวประเภทนี้สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก ไม่มีหัวให้กดออก และมีความเสี่ยงสูงที่จะทิ้งรอยแผลเป็น ชนิดหลุมลึกไว้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เท่านั้น
ทำไมห้ามบีบสิวที่จมูก?
การบีบสิวขึ้นจมูกเป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะบริเวณสันจมูกและปีกจมูก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางการแพทย์เรียกว่า “สามเหลี่ยมอันตราย” (Triangle of Death) เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นเลือดจำนวนมากที่เชื่อมต่อโดยตรงกับโพรงไซนัสในสมอง การบีบเคล้นสิวอย่างรุนแรงอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อักเสบอยู่ถูกผลักดันเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปยังสมอง ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ การบีบสิวที่ไม่ถูกวิธียังทำลายเนื้อเยื่อผิว ทำให้การอักเสบลุกลาม ทิ้งรอยดำรอยแดง และเพิ่มโอกาสการเกิดหลุมสิวถาวรได้
แนวทางการรักษาสิวที่จมูกอย่างถูกวิธี

เมื่อเกิดปัญหาสิวขึ้นจมูก ควรมีวิธีการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการอักเสบที่อาจเพิ่มขึ้น และลดโอกาสการทิ้งรอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวไว้ในระยะยาวครับ
ใช้ยาแต้มสิว
สำหรับสิวที่จมูกที่มีความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง การใช้ยาแต้มสิวเฉพาะที่ เป็นวิธีที่ได้ผลดี ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีส่วนผสมสำคัญ เช่น Benzoyl Peroxide ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. acnes Salicylic Acid (BHA) ซึ่งสามารถซึมลงไปในรูขุมขนเพื่อสลายสิ่งอุดตันและผลัดเซลล์ผิว หรือ กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids) ที่ช่วยลดการอุดตันและปรับการทำงานของเซลล์ผิวให้เป็นปกติ แต่ควรเลือกใช้ตามประเภทของสิวและความเหมาะสมกับสภาพผิวของเราด้วยครับ
การกดสิว
การกดสิวเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับสิวอุดตัน เช่น สิวหัวดำและสิวหัวขาว แต่ต้องเน้นย้ำว่าควรทำอย่างถูกวิธีเท่านั้น และต้องใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อและเทคนิคที่ถูกต้องในการเปิดหัวสิวและนำสิ่งอุดตันออก การพยายามกด สิวขึ้นจมูกด้วยตัวเอง อาจทำให้เนื้อเยื่อรอบ ๆ เกิดการอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิม มีการติดเชื้อ และการทิ้งรอยแผลเป็นที่รักษายากไว้อีกด้วยครับ
การฉีดสิว
การฉีดสิวเป็นวิธีการรักษาสิวที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับสิวอักเสบขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้าง หรือสิวตุ่มแดงที่บวมและเจ็บมาก โดยแพทย์จะใช้ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ชนิดเจือจางฉีดเข้าไปที่หัวสิวโดยตรง ตัวยาจะออกฤทธิ์ลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว ทำให้สิวยุบลงภายใน 24-48 ชั่วโมง ช่วยลดความเจ็บปวดและลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นหลุมลึกจากการอักเสบ
การใช้ยารับประทาน
ในกรณีที่มีสิวขึ้นจมูก และบริเวณอื่นเป็นจำนวนมาก มีการอักเสบที่รุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อยาทา แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยารับประทาน เช่น ยาปฏิชีวนะเพื่อลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ หรือในกรณีที่รุนแรงมากอาจใช้ยาในกลุ่ม Isotretinoin ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการทำงานของต่อมไขมันและลดการอุดตัน การใช้ยาทุกชนิดจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลและสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น
หัตถการความงาม ทางลัดแก้ปัญหาสิวที่จมูก
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถช่วยจัดการปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นเลเซอร์สิวเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม โดยใช้พลังงานแสงในช่วงคลื่นที่เหมาะสมยิงไปยังผิวหนัง เพื่อเป้าหมายที่แตกต่างกัน เช่น ลดการทำงานของต่อมไขมัน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. acnes ที่เป็นต้นเหตุของการอักเสบ และลดรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบ ที่ DSK Clinic เราใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาสิวโดยเฉพาะ เพื่อเป็นทางลัดในการฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง รวมถึงช่วยลดรอยสิวเพื่อให้ผิวที่เรียบเนียน
วิธีป้องกันสิวที่จมูกไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ เราสามารถลดโอกาสเกิดสิวขึ้นจมูกซ้ำได้ ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ
- ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
- ใช้สกินแคร์และเครื่องสำอางที่ระบุว่า “Non-Comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน)
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
- เปลี่ยนปลอกหมอนและทำความสะอาดหน้ากากอนามัยเป็นประจำ
- จัดการความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายใน
สรุป
ปัญหาสิวขึ้นจมูกเกิดจากปัจจัยที่ซับซ้อนร่วมกันระหว่างการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป การอุดตันของรูขุมขน และการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย การทำความเข้าใจประเภทของสิว ตั้งแต่สิวอุดตันไปจนถึงสิวอักเสบรุนแรง จะช่วยให้เราสามารถเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมได้ ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยยาแต้มสิว ไปจนถึงการรับการรักษาจากแพทย์ เช่น การกดสิว การฉีดสิว หรือการใช้ยารับประทาน
ในขณะที่การดูแลผิวเป็นประจำคือพื้นฐานสำคัญ การรับมือกับสิวที่จมูกที่รุนแรงหรือเกิดขึ้นซ้ำซากอาจต้องการการดูแลที่ถูกวิธี
ที่ DSK Clinic เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของปัญหาสิว ทุกปัญหาสิวจึงต้องเริ่มที่การวิเคราะห์ และวินิจฉัยโดยแพทย์ผิวหนัง เพื่อวางแผนการรักษาที่เฉพาะเจาะจงกับสาเหตุ และแก้ไขปัญหาได้จริง เพื่อให้คนไข้กลับมามีผิวที่เรียบเนียนและมั่นใจอีกครั้ง นอกจากนี้ยังป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำจากการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุดถึงต้นตอนั่นเองครับ
