- Blog
- Botox, Custom Filler & Lifting
- July 17, 2023
ตอบทุกข้อสงสัย! ฉีดโบช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร และกี่วันเห็นผล
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป ฉีดโบช่วยลดริ้วรอย ที่ DSK Clinic ดียังไง ?
– DSK Clinic เป็นคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ และการยกกระชับใบหน้า – ให้การรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และการปรับรูปหน้า เน้นการให้คำปรึกษาก่อนการใช้ฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม – สิ่งที่ DSK แตกต่างและไม่เหมือนที่ไหนคือ การเน้นการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าก่อนฉีด เพื่อวางแผนการฉีดด้วยเทคนิค ABI หรือ Analyze Before Injection ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่ DSK เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยกว่า ธรรมชาติกว่า และเกิดความแม่นยำในการฉีดที่มากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการวิเคราะห์ปัญหา และกำหนดความลึก และ ปริมาณโดสของการฉีดที่แม่นยำ – DSK ได้รับรางวัล Platinum และ Gold Award จาก Xeomin (Merz aesthetics) เป็น Top10 คลินิกที่ให้บริการ Xeomin สูงสุดระดับประเทศ และผ่านการอบรมเทคนิคการฉีดจำเพาะของแบรนด์ – DSK ได้รับรางวัล Thailand Rising Star Clinic เพียงคลินิกเดียวของไทย ในการให้บริการด้วย Filler, Ulthera และ Xeomin จากบริษัท Merz Aesthetics แห่งเดียวของประเทศไทย – DSK Clinic มีการประเมิน และวิเคราะห์สภาพผิวของผู้รับบริการทุกคนทั้งก่อนและหลังฉีด ตลอดจนดูแล และติดตามผลการฉีดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในความปลอดภัยของโบท็อกซ์แท้ที่สามารถขอตรวจสอบได้โดยตรงกับทางบริษัทยา – เน้นความธรรมชาติ ไม่ตึงโบ เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ด้วยเทคนิคการประเมินเคสแต่ละบุคคลและเทคนิคการฉีดที่เชี่ยวชาญของแพทย์ |
การฉีดโบท็อกซ์ (โบทูลินัม ท็อกซิน) ถือว่าเป็นหัตถการที่ได้รับความสนใจ และความนิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะการฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถลดริ้วรอยได้ เห็นผลลัพธ์ไว มีราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ และมีสถาบันเสริมความงามใกล้บ้านให้เลือกใช้บริการหลากหลายแห่ง แต่ว่าบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร ดังนั้น ทาง DSK Clinic จึงจะมาไขข้องใจให้กับทุกคนว่า ฉีดโบลดริ้วรอยได้อย่างไร? และฉีดโบลดริ้วรอยกี่วันถึงจะเห็นผล
การฉีดโบคืออะไร สามารถช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร?
การฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botulinum Toxin A คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ได้จากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) และนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม หรือที่เรียกว่าการฉีดโบลดริ้วรอย ซึ่งสารดังกล่าวจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะฉีดเข้าไปตามจุดต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้กล้ามเนื้อ หรือมัดกล้ามเนื้อเกิดการขยับ หรือทำงานน้อยลง ช่วยให้เกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น ริ้วรอยลดลง ปรับรูปหน้าให้เรียว และกระชับ และป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ด้วย
สามารถฉีดโบลดริ้วรอยส่วนไหนได้บ้าง?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้หลากหลายส่วน แต่ส่วนที่สามารถฉีดโบลดริ้วรอยได้ มีดังนี้
- หน้าผาก ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากที่มีรอยเหี่ยวย่นเป็นชั้นที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ หรือสีหน้า และช่วยทำให้ผิวบริเวณหน้ามีความเต่งตึง และเรียบเนียน
- ระหว่างคิ้ว ช่วยลดริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้วที่มีรอยเหี่ยวย่นเป็นเส้นตรงที่เกิดจากการขมวดคิ้ว และช่วยให้ผิวบริเวณระหว่างคิ้วเต่งตึง ทำให้เกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น
- รอบดวงตา ช่วยลดริ้วรอยบริเวณใต้ตา หางตา และรอบๆ ดวงตา ที่อาจเกิดจากการขยี้ตา การยิ้ม การแสดงอารมณ์ หรือสีหน้า และช่วยให้ผิวบริเวณรอบดวงตาเต่งตึง ทำให้เกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น
- ร่องแก้ม ช่วยลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มที่เกิดจากความหย่อนคล้อย หรือการคลายตัวของผิว และช่วยให้ผิวบริเวณร่องแก้มกระชับ และดูเต่งตึงมากขึ้น
- คอ ช่วยลดริ้วรอยบริเวณคอที่มีรอยเหี่ยวย่นเป็นเส้นชัดเจน อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือกิจวัตรประจำวัน เช่น การนอน หรือการก้ม และช่วยให้ผิวบริเวณคอดูเต่งตึง และเรียบเนียนมากขึ้น
นอกจากนั้นการฉีดโบลดริ้วรอยแล้ว ก็ยังมีส่วนอื่นๆ ที่สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้เช่นกัน มีดังนี้
- จมูก เป็นการฉีดโบท็อกซ์ที่ฉีดบริเวณแกนจมูก หรือปีกจมูก เพื่อให้เห็นสันจมูกชัดขึ้น และไม่ให้ปีกจมูกเกิดการเปลี่ยนรูปเวลาแสดงสีหน้า หรืออารมณ์
- กราม เป็นการฉีดโบท็อกซ์ที่ฉีดในบริเวณสันกราม เพื่อให้กล้ามเนื้อกรามทำงานน้อยลง กระชับกรอบหน้า และหน้าดูเรียวขึ้น
- เหนียง เป็นการฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณใต้คาง หรือเหนียง เพื่อกระชับผิวในส่วนนั้นไม่ให้เกิดความหย่อนคล้อย
- รักแร้ เป็นการฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณรักแร้ เพื่อลดการเกิดเหงื่อ และป้องกันการเกิดกลิ่นตัว
- แขน และขา เป็นการฉีดโบท็อกซ์ในส่วนของท้องแขน และน่องขา เพื่อลดขนาด และให้ดูกระชับมากขึ้น
ริ้วรอยเกิดจากอะไร?
ริ้วรอย คือ ร่องเส้น หรือรอยเหี่ยวย่นต่างๆ ที่เกิดบนผิวของเรา โดยเกิดจากการที่ผิวของเรานั้นมีคอลลาเจน หรืออีลาสตินน้อยลงตามอายุ หรือมีสภาพผิวแห้ง รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้ผิวเกิดความไม่ยืดหยุ่น และส่งผลให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย ซึ่งริ้วรอยนั้นสามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดในบริเวณที่มีการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าบ่อยๆ เช่น หางตา หัวคิ้ว หน้าผาก ซึ่งเป็นบริเวณกล้ามเนื้อที่เราใช้แสดงอารมณ์ สีหน้า ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
โดยการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นเป็นการแก้ปัญหาในเรื่องของริ้วรอยที่เกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้น เราจะไปดูกันว่าริ้วรอยนั้นเกิดจากอะไร ทำไมบางคนอายุยังน้อยแต่ก็มีริ้วรอยขึ้นมาแล้ว โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย มีดังนี้
- กรรมพันธุ์
- อายุ
- การแสดงอารมณ์ หรือสีหน้า
- ขยี้ตา หรือเช็ดตาแรงๆ
- นอนคว่ำ หรือนอนตะแคง
- แสงแดด และมลภาวะต่างๆ
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
- ความเครียด
- ไม่เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
- สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์
ริ้วรอยมีกี่ประเภท
สำหรับริ้วรอยบนใบหน้านั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ Dynamic Line, Static Line และ Wrinkle Fold โดยริ้วรอยแต่ละประเภทมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้
- Dynamic Line เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหว และจะสามารถเห็นได้ชัดเวลาขยับ เช่น เลิกคิ้ว ขมวดคิ้ว หรือยิ้ม เป็นต้น ซึ่งเป็นริ้วรอยที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบ เพราะโบท็อกซ์จะไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหว สามารถขยับได้น้อยลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย หรือเห็นริ้วรอยน้อยลงตามไปด้วย
- Static Line เป็นริ้วรอยที่เกิดจากผิวแห้ง หรือมีการสูญเสียคอลลาเจน ถึงแม้จะไม่ได้ขยับ หรือเคลื่อนไหวก็สามารถเห็นได้ชัด โดยส่วนใหญ่จะเป็นริ้วรอยในบริเวณรอบดวงตา หรือหน้าผาก ซึ่งริ้วรอยในส่วนนี้ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบเช่นกัน เพราะโบท็อกซ์จะช่วยผิวมีความเต่งตึงขึ้น
- Wrinkle Fold เป็นริ้วรอยที่เกิดจากผิวหนังมีความหย่อนคล้อยมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มักจะเห็นได้ชัดในบริเวณร่องแก้ม หรือใต้ตา ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยโบท็อกซ์ แต่จะแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มผิวในบริเวณดังกล่าวให้มีความอิ่มมากขึ้น
ฉีดโบลดริ้วรอยกี่วันถึงจะเห็นผล?
ถึงแม้ว่าการฉีดโบลดริ้วรอยจะเห็นผลได้เร็วก็จริง แต่ว่าหลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าการฉีดโบลดริ้วรอยกี่วันถึงจะเห็นผล เพราะว่าบางคนฉีดแล้วก็เห็นผลทันที แต่บางคนต้องใช้เวลานานถึงจะเห็นผล จึงทำให้เกิดความสับสนได้ว่าปกติแล้วฉีดโบลดริ้วรอยกี่วันถึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน
โดยปกติการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังจากฉีดได้ประมาณ 3 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอย 1 ครั้งนั้นจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน และควรเว้นจากการฉีดครั้งก่อนประมาณ 3 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดอาการตึงมากเกินไป และไม่ควรเว้นห่างเกิน 6 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานปกติ และจะต้องใช้โบท็อกซ์ในยูนิตที่จำนวนเยอะขึ้นในครั้งต่อไป
ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อไหนดี?
ทาง DSK Clinic ได้คัดเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน หลากหลายรุ่นให้เลือกตามความเหมาะสมของบริเวณที่ฉีดมาให้ผู้เข้ารับบริการได้สิ่งที่ดีที่สุด และเหมาะกับตนเอง โดยมีแพทย์ประเมินความเหมาะสมให้อย่างละเอียด โดยจะมี 3 ยี่ห้อดังนี้
Xeomin
เป็นโบท็อกซ์จากเยอรมันที่ดีที่สุด ให้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติที่สุด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฉีดยกกระชับใบหน้า กระชับรูขุมขน และลดริ้วรอยได้มากที่สุด ซึ่งเป็นโบท็อกซ์ตัวแรกและตัวเดียวที่ปราศจาก Complexing Protein บริสุทธิ์ 100% ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการดื้อยาในอนาคต และมีความพิเศษที่ฉีดแล้วดูละมุน แสดงสีหน้าได้ปกติ หน้าไม่แข็งจนดูผิดธรรมชาติ
วิธีตรวจสอบยาแท้ Xeomin
- ตัวกล่องสีน้ำเงิน ต้องมีปริมาณ 100 units
- ด้านนอกกล่องก่อนจะเปิด จะมีสติ๊กเกอร์ใส ๆ ปิดฝากล่อง เพื่อป้องกันการเปิดก่อนใช้งานจริง
- วัน/เดือน/ปี ที่ผลิต และวันหมดอายุ จะอยู่ด้านด้านล่างของฝากล่อง และเลข Lot. ต้องตรงกับ เลข Lot. ของขวดด้านใน
- ด้านในจะมีเอกสารกำกับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ข้างบน
- ฝาขวดโบจะมีฝาพลาสติกสีเข้มปิดอยู่อีก 1 ชั้น
- เมื่อเริ่มฉีด จะต้องใส่น้ำเกลือลงไปเพื่อผสมกับตัวยาสีขาวขุ่นเคลือบอยู่ที่ก้นขวด แล้วดูดตัวยาออกมา
- เว็บไซต์ www.merzclubthailand.com สำหรับการตรวจสอบเลข Lot. และคลินิก ได้จากบริษัทผู้นำเข้า Merz Aesthetics
Nabota
โบท็อกซ์แบรนด์เกาหลี มีความบริสุทธิ์และแม่นยำสูง เป็นแบรนด์เดียวที่ผ่านมาตรฐาน USFDA ที่มาแรงที่สุดในท้องตลาดตอนนี้ เป็นโบเกาหลีเกรดพรีเมียม ราคาเป็นมิตร เหมาะสำหรับการฉีดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และตีนกา
วิธีตรวจสอบ
- กล่องสีดำจะมีขนาด 100 units ส่วนกล่องสีแดงจะมีขนาด 200 units
- ด้านนอกกล่องก่อนจะเปิด จะมีสติ๊กเกอร์ใส ๆ ปิดฝากล่อง เพื่อป้องกันการเปิดก่อนใช้งานจริง
- มี QR Code ไว้สแกนตรวจสอบได้ และวัน/เดือน/ปี ที่ผลิต และวันหมดอายุ จะอยู่ด้านด้านล่างของฝากล่อง และเลข Lot. ต้องตรงกับ เลข Lot. ของขวดด้านใน
- ฝากล่องข้างบนจะมีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม Interpharma ติดอยู่
- ด้านในจะมีเอกสารกำกับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ข้างบน
- ข้างๆ ขวดจะมีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม DW ติดอยู่
- ฝาขวดโบจะมีฝาพลาสติกสีเทาปิดอยู่อีก 1 ชั้น
- เมื่อเริ่มฉีด จะต้องใส่น้ำเกลือลงไปเพื่อผสมกับตัวยาสีขาวขุ่นเคลือบอยู่ที่ก้นขวด แล้วดูดตัวยาออกมา
- โทร. 0-2367-1111 เพื่อตรวจสอบเลข Lot. ได้จากบริษัทผู้นำเข้า มัณฑนา มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
Hugel
เป็นโบเกาหลีเช่นเดียวกันกับ Nabota แต่มีราคาที่ถูกกว่า ซึ่งถือได้ว่าเป็นโบเกาหลีที่คุณภาพสูง ได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลี เห็นผลไว เหมาะสำหรับการฉีดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และตีนกา
วิธีตรวจสอบ
- กล่องสีขาว – เขียวจะมีขนาด 50 units ส่วนกล่องสีขาว – ม่วงจะมีขนาด 200 units
- วัน/เดือน/ปี ที่ผลิต และวันหมดอายุ จะอยู่ด้านด้านล่างของฝากล่อง และเลข Lot. ต้องตรงกับ เลข Lot. ของขวดด้านใน
- ด้านข้างกล่องจะมีเลขทะเบียนอย. และเมื่อเปิดจากด้านข้างจะพบกับขวดโบ และเอกสารกำกับภาษาไทย
- ฝาขวดโบจะมีฝาพลาสติกสีขาวขุ่นปิดอยู่อีก 1 ชั้น
- เมื่อเริ่มฉีด จะต้องใส่น้ำเกลือลงไปเพื่อผสมกับตัวยาสีขาวขุ่นเคลือบอยู่ที่ก้นขวด แล้วดูดตัวยาออกมา
- ของแท้ต้องมี QR Code ที่ติดอยู่ด้านหน้ากล่อง สำหรับสแกนตรวจสอบผลิตภัณฑ์
ฉีดโบลดริ้วรอยที่ DSK Clinic ดีกว่าอย่างไร?
DSK Clinic มีเทคนิคประเมินผิวหน้า วิเคราะห์การรักษาเฉพาะบุคคล ผลลัพธ์จึงจะออกมาเป็นธรรมชาติ ดูเด็กลง หน้าไม่ตึงหรือแข็งคนเกินไป ตามการวางแผนของแพทย์
การวางแผนการ ”ฉีดโบเฉพาะบุคคล”
ฉีดโบเฉพาะบุคคล คือ การวิเคราะห์ปัญหาริ้วรอยแต่ละตำแหน่งบนใบหน้า และทำการออกแบบการฉีดโบที่ต่างกันออกไปในแต่ละเคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เหมาะกับปัญหาของคนไข้มากที่สุด เพราะการฉีดโบลดริ้วรอยจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ถึงแม้จะใช้โบยี่ห้อเดียวกันก็ตาม โดยเทคนิคนี้มีเฉพาะที่ DSK Clinic ด้วยหลักการดังต่อไปนี้
- Custom Analyze : วิเคราะห์ปัญหาริ้วรอยรายบุคคล เพราะริ้วรอยที่ดูเหมือนกัน อาจมีสาเหตุต่างกัน และอาศัยการรักษาต่างกัน
- Custom Planning : วางแผนการแก้ไขปัญหาริ้วรอยทั้งระยะสั้น และระยะยาวรายบุคคล ให้เหมาะสมกับปัญหาที่วิเคราะห์ออกมา เพราะในความเป็นจริง ใน 1 ใบหน้าอาจมีหลายปัญหาร่วมกัน จึงจำเป็นเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ผสมผสานในระยะเวลา ก่อนหลัง ที่ถูกต้อง และเห็นภาพชัดเจน
- Custom Technique : ปรับเทคนิคการทำหัตถการต่างๆ รายบุคคล เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ 100%
แพทย์เฉพาะทางผิวหนังและเลเซอร์
ทีมแพทย์ที่ DSK Clinic ทุกท่านจบการศึกษาเฉพาะทางปริญญาโทด้านผิวหนัง รวมถึงการในศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง เลเซอร์ และการปรับรูปหน้า จากทั้งสถาบันชั้นนำระดับโลก มีความเชี่ยวชาญพิเศษทั้งด้านผิวหนัง ความงาม และเลเซอร์แบบเฉพาะทาง
มีการติดตามผลลัพธ์ออนไลน์
ที่ DSK Clinic เรามีการติดตามผลลัพธ์ผ่านรูปถ่ายทุกเคส มีการเก็บภาพถ่ายอย่างเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ต่อการวางแผนการรักษา เพราะผลลัพธ์ของคนไข้คือสิ่งที่เราใส่ใจที่สุด
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดโบลดริ้วรอย
การฉีดโบลดริ้วรอยนั้นมีทั้งข้อดีที่มีมากกว่าการช่วยลดริ้วรอย และก็ยังมีข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ฉีดโบลดริ้วรอยแล้วจะเกิดปัญหา ดังนั้น ทุกคนจึงควรศึกษาถึงข้อดี และข้อเสียให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจฉีดโบลดริ้วรอย ดังนี้
ข้อดี
สำหรับข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
- ราคาเอื้อมถึงได้
- มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ
- ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจ
- ปรับภาพลักษณ์ให้ดูดีขึ้น
- ช่วยลดอายุ ให้ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย
ข้อควรรู้
หากมีความสนใจที่จะฉีดโบท็อกซ์ จะมีข้อควรรู้ของการฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้
- ต้องฉีดโบท็อกซ์ซ้ำทุกๆ 6 เดือน เพื่อคงสภาพผิว และป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
- อาจเกิดอาการหน้าตึงในระยะเวลาสั้น ๆ หลังฉีด
- การฉีดบริเวณกรามอาจทำให้เคี้ยวอาหารได้ยากกว่าเดิม
- เกิดรอยเข็ม หรือผิวหน้าช้ำชั่วคราว
ทั้งนี้ อาการต่างๆ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน และบางอาการนั้นจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาหนึ่ง และจะหายไปได้เองตามธรรมชาติ แต่ที่สำคัญ คือ จะต้องตรวจสอบคลินิกว่าสามารถเชื่อถือได้ และมีมาตรฐาน ทำหัตถการโดยแพทย์เท่านั้น และตัวยาให้ดีว่าเป็นของแท้หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจตามมาได้ในอนาคต
ฉีดโบลดริ้วรอยสามารถทำได้ทุกคนหรือไม่?
สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากจะฉีดโบลดริ้วรอย แต่ไม่มั่นใจว่าตัวเองสามารถฉีดได้หรือไม่ เพราะว่าในปัจจุบันนั้นไม่ว่าใครก็ดูเหมือนจะฉีดโบท็อกซ์กันได้ทุกคน ซึ่งความจริงแล้วการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นไม่ได้เหมาะกับทุกคน ดังนั้น เราจะไปดูกันว่าใครที่เหมาะ และไม่เหมาะกับการฉีดโบลดริ้วรอยบ้าง ดังนี้
สำหรับผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นมักจะมีปัญหา ดังนี้
- ผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณต่างๆ เช่น หน้าผาก หางตา หรือร่องแก้ม เป็นต้น
- ผู้ที่มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร และอยากให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย และอยากให้ผิวดูกระชับขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวต่างๆ ที่สามารถใช้โบท็อกซ์แก้ได้ เช่น คิ้วตก ปวดไมเกรน เป็นต้น
โดยผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบลดริ้วรอย คือ ผู้ที่ยังไม่มีปัญหาริ้วรอย เพราะว่ายังไม่มีปัญหาของริ้วรอยที่จะต้องใช้โบท็อกซ์ในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ถ้าหากมีความต้องการที่จะฉีดโบลดริ้วรอยควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ หรือปัญหาอื่นๆ ตามมาทีหลังได้
ฉีดแล้วมีอาการดื้อโบ คืออะไร?
การฉีดโบท็อกซ์แล้วมีอาการดื้อโบ คือ การฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล หรือไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ โดยสาเหตุของการดื้อโบท็อกซ์นั้นมักจะเกิดมาจาก 3 สาเหตุหลัก ดังนี้
- ฉีดโบท็อกซ์เยอะเกินไป ทำให้เกิดสารตกค้างภายในร่างกาย และร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านกับสารที่ตกค้างอยู่ จนทำให้เกิดอาการดื้อโบ
- ฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านกับโบท็อกซ์ จนทำให้การฉีดโบท็อกซ์ไม่เห็นผล หรือเกิดอาการดื้อโบขึ้นได้
- ฉีดโบท็อกซ์ปลอม หรือฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่มีคุณภาพ เป็นการฉีดโบท็อกซ์ด้วยตัวยาที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีการปนเปื้อน ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านสารเหล่านั้นจนทำให้เกิดอาการดื้อโบได้
ฉีดโบอันตรายไหม?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นเป็นการฉีดสารที่สามารถสลายหายไปเองได้ตามระยะเวลา และเป็นสารที่มีการรับรองในการนำมาใช้การเสริมความงาม จึงทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยมีความปลอดภัย แต่ว่าจะต้องฉีดกับสถาบันเสริมความงาม หรือคลินิกที่สามารถเชื่อถือได้ และมีมาตรฐาน รวมถึงต้องใช้โบท็อกซ์ที่เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้ และที่สำคัญ ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อที่จะได้ฉีดได้อย่างถูกต้อง และฉีดในปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหา
เพราะถ้าหากฉีดโบท็อกซ์ที่เป็นของปลอม ฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ ฉีดในปริมาณมากเกินไป หรือฉีดในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดปัญหา หรือผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหน้าตึงเกินไป โบท็อกซ์ไม่สลาย ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด เคี้ยวอาหารไม่ได้ ผิวช้ำ เจ็บผิวหน้า หรือบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอัมพาตบนใบหน้าบางส่วนได้ ดังนั้น ควรศึกษา และเลือกให้ดีก่อนตัดสินใจที่จะฉีดโบลดริ้วรอยทุกครั้ง
กลโกงโบท็อกซ์ ที่ต้องระวัง
การฉีดโบท็อกซ์ หรือฉีดโบลดริ้วรอยนั้นเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก จึงทำให้คลินิกเสริมความงามมีการแข่งขันมากขึ้นด้วยการออกโปรโมชั่นเอาใจลูกค้า และเป็นโอกาสที่คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานมักจะฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบลูกค้าด้วยกลโกงต่างๆ มากขึ้น ซึ่งกลโกงโบท็อกซ์ที่ควรระมัดระวังไว้ก่อนตัดสินใจฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้
ผสมน้ำเกลือมากกว่าปริมาณที่เหมาะสม
การฉีดโบท็อกซ์ที่ผสมน้ำเกลือมากกว่าปริมาณที่เหมาะสม เป็นกลโกงที่คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานนิยมทำกันเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนได้ดี จึงทำให้สามารถขายในราคาถูก เพื่อดึงดูดลูกค้าได้ และยังขายได้ในปริมาณมากกว่าเดิมอีกด้วย แต่ว่าการฉีดโบลดริ้วรอยที่ผสมน้ำเกลือเยอะเกินไปนั้นจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ชัดเจน หรือไม่เห็นผล แถมยังอาจจะมีอาการบวมน้ำเกลือ หรือมีอาการช้ำนานกว่าปกติแทนได้
ใช้โบทูลินั่มฯ ปลอม
การใช้โบทูลินั่มฯ ปลอม เป็นกลโกงที่คลินิกไม่ได้มาตรฐานจะทำการสั่งซื้อโบท็อกซ์ปลอม ที่มีการปลอมทั้งสารโบท็อกซ์ ฉลาก และกล่อง มาจากต่างประเทศในราคาถูกที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้ และสามารถตั้งราคาขายได้ถูกกว่าปกติ และถ้าหากฉีดโบปลอมเข้าไป อาจทำให้เกิดสารตกค้าง หรือเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้น ก่อนทำการฉีดโบลดริ้วรอยควรทำการตรวจสอบโบท็อกซ์ก่อนทุกครั้ง
การใช้โบหิ้ว โบไม่ได้มาตรฐาน
การใช้โบหิ้ว เป็นกลโกงที่คลินิกไม่ได้มาตรฐานนิยมเช่นกัน เพราะว่ามีราคาถูก ไม่ต้องเสียภาษี และไม่ต้องเสียค่าขนส่ง ช่วยให้ต้นทุนต่ำลง และสามารถขายได้ในราคาถูกกว่าปกติ และถึงแม้ว่าโบหิ้วนั้นจะเป็นโบท็อกซ์แท้ แต่ก็เป็นโบท็อกซ์ที่ผ่านการขนส่งที่ไม่ได้ควบคุมอุณหภูมิ ทำให้คุณภาพเสื่อม และไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น การฉีดโบหิ้วจึงไม่เห็นผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้
“โบหิ้ว”คืออะไร ต่างจากโบที่คลินิกอย่างไร
โบหิ้ว คือ โบท็อกซ์แท้ที่มีการขนส่งที่ไม่ได้มาตรฐาน และถูกนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ทำให้โบท็อกซ์ไม่ผ่านการลงทะเบียนที่ถูกต้อง และไม่มีคุณภาพ เพราะว่าการขนส่งโบท็อกซ์ที่ถูกต้องนั้นจะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรักษาคุณภาพของโบท็อกซ์ไว้ จึงทำให้โบหิ้วนั้นเสื่อมสภาพ และถ้าหากฉีดเข้าไปแล้วอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ตามมาได้
ซึ่งโบหิ้วนั้นอาจจะไม่ใช่โบท็อกซ์แท้ทุกอัน เพราะว่าไม่ได้มีการตรวจสอบ และสามารถรู้ได้ว่าสารที่อยู่ในขวดโบท็อกซ์นั้นเป็นโบท็อกซ์จริงหรือไม่ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบหิ้ว และฉีดโบท็อกซ์ที่คลินิกที่ได้มาตรฐาน เพราะทางคลินิกที่ได้มาตรฐานนั้นจะมีการนำเข้า การลงทะเบียน การขนส่ง และเก็บรักษาโบท็อกซ์อย่างถูกต้อง ทำให้ฉีดโบลดริ้วรอยแล้วเห็นผลได้อย่างชัดเจน
ฉีดโบที่ไหนดี ? ทำไมต้องที่ DSK Clinic
เมื่อผลลัพธ์ในการฉีดโบ ของแต่ละหมอ แต่ละคลินิกนั้นแตกต่างกันออกไป เรามาดูกันดีกว่าว่าหลักการ Custom Skin Quality ที่ DSK Clinic ใช้สร้างความแตกต่างอย่างไรให้กับการฉีดโบ เพราะเราเชื่อว่าต้องวิเคราะห์ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ผลลัพธ์จึงจะดีที่สุด
1. วางแผนการรักษา “เฉพาะบุคคล”
เทคนิคนี้มีเฉพาะที่ DSK Clinic เท่านั้น เพราะทุกปัญหาต้องการการวางแผนเพื่อผลลัพธ์สูงสุด การฉีดโบยี่ห้อเดียวกัน ใช่ว่าผลลัพธ์จะเหมือนกันในทุกๆ คน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวที่มีสาเหตุต่างกันได้
ที่ DSK วางแผนการรักษา และออกแบบเทคนิครายบุคคล ดึงศักยภาพการรักษาสูงสุด ด้วย 3 หลักการดังนี้
- Custom Analyze : วิเคราะห์ปัญหารายบุคคล เพราะปัญหาที่ดูเหมือนกัน อาจมีสาเหตุต่างกัน และอาศัยการรักษาต่างกัน
- Custom Planning : วางแผนการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาวรายบุคคล ให้เหมาะสมกับปัญหาที่วิเคราะห์ออกมา เพราะในความเป็นจริง ใน 1 ใบหน้าอาจมีหลายปัญหาร่วมกัน จึงจำเป็นเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ผสมผสานในระยะเวลา ก่อนหลัง ที่ถูกต้อง และเห็นภาพชัดเจน
- Custom Technique : ปรับเทคนิคการตั้งค่าพลังงาน รวมถึงเทคนิคการทำหัตถการต่างๆรายบุคคล เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ 100%
2. แพทย์เฉพาะทางผิวหนังและเลเซอร์
ทีมแพทย์ที่ DSK จบการศึกษาเฉพาะทางปริญญาโทด้านผิวหนัง และวุฒิบัตรเฉพาะทางด้านตจวิทยา รวมถึงการในศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง เลเซอร์ และการปรับรูปหน้า จากทั้งสถาบันชั้นนำระดับโลก มีความเชี่ยวชาญพิเศษทั้งด้านผิวหนัง ความงาม และเลเซอร์แบบเฉพาะทาง
ทีมแพทย์ทุกคนไม่ใช่เพียงแค่มีความรู้ด้านเลเซอร์และความงาม แต่ผ่านการศึกษาเฉพาะทางด้านโรคผิวหนัง มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ปัญหา และวางแผนการรักษาเพราะปัญหาทางผิวหนังมีความซับซ้อน บางปัญหาไม่ใช่เเค่ใช้เลเซอร์เป็นแล้วจะสามารถรักษาได้ แต่ต้องแยกโรค วินิจฉัยโรคที่คล้ายกันออกจากกันได้ บางปัญหาต้องใช้ยา บางปัญหาต้องใช้เลเซอร์ตัวอื่น หรือบางปัญหาต้องมีการตั้งค่าพลังงานจำเพาะ ไม่ใช่แค่การยิงเลเซอร์ให้ทั่วหน้า แต่ต้องเข้าใจและวางแผนการรักษาให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีสุด
3. มีการติดตามผลลัพธ์
ที่ DSK เรามีการติดตามผลลัพธ์ที่คลินิก เพื่อประโยชน์ต่อการวางแผนการรักษา เพราะผลลัพธ์ของคนไข้คือสิ่งที่เราใส่ใจที่สุด
4. การันตีด้วยรางวัลระดับประเทศ
- รางวัล 2022 The Center of Excellence for Discovery Pico จากบริษัท LaserMed (Thailand)
- รางวัล 2022 Leading Aesthetics of Potenza จากบริษัท Aesla (Thailand)
- รางวัลผู้ให้บริการ Picosecond Laser และ Infini อันดับ 1 และมียอดผู้ใช้บริการสูงสุด ปี 2021 และ 2022
- รางวัล 2021 Rising Star, The Thailand Fastest Growth for Ultherapy, German Toxin & Swiss Filler คลินิกเดียวในไทย
- รางวัล 2021 The Infinite Award for Merz Swiss Filler สำหรับยอดการใช้งานฟิลเลอร์ Belotero สูงสุดอันดับ 1 ในประเทศ
- รางวัล 2021 Platinum Award for Xeomin ยอดผู้ใช้บริการโบท็อกซ์ Xeomin สูงสุดระดับประเทศจากบริษัท Merz
- รางวัล Top Customer Award 2022 by Babi ยอดผู้ใช้บริการ Meso Fat Babi สูงสุดระดับประเทศ
- รางวัลยอดผู้ใช้บริการฟิลเลอร์ Restylane สูงสุดระดับประเทศจากบริษัท Galderma
การเตรียมตัวก่อนและการดูแลตัวเองหลังจากฉีดโบลดริ้วรอย
ถึงแม้ว่าการฉีดโบลดริ้วรอยจะไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ แต่ว่าการเตรียมตัวเบื้องต้นก่อนเข้ารับการฉีด พร้อมศึกษาถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดริ้วรอย ก็จะช่วยให้การฉีดโบท็อกซ์นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น โดยวิธีการดูแลตัวเองก่อน และหลังการฉีดโบลดริ้วรอย
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบ
ก่อนเข้ารับการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นควรเตรียมตัว ดังนี้
- เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และฉีดโดยแพทย์
- ตรวจสอบโบท็อกซ์ได้ว่าเป็นของแท้
- งดแอลกอฮอล์ก่อนฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หากมีโรคประจำตัวควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดทุกครั้ง
ทั้งนี้ ถ้าหากไม่มั่นใจว่ายา หรืออาหารเสริมที่ตัวเองทานอยู่นั้นจะต้องงดก่อนหรือไม่ สามารถปรึกษาทางคลินิกที่จะเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ได้ เพื่อความมั่นใจ และจะได้ฉีดโบท็อกซ์ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การดูแลตัวเองหลังการฉีดโบ
หลังเข้ารับการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นควรดูแลตัวเอง ดังนี้
- งดกดถู นวด นอนราบ ล้างหน้า เพื่อป้องกันยาเปลี่ยนตำแหน่งประมาณ 4 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดแต่งหน้า 12 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากเครื่องสำอาง
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ลดการขยายตัวของเส้นเลือด และความเขียวช้ำ
- ผลลัพธ์จะเห็นเต็มที่ 2 สัปดาห์กรณีริ้วรอย และ 4-8 สัปดาห์กรณีลดกราม
- กรณีต้องการทำหัตถการอื่นเช่น Ulthera สามารถทำได้หลัง 1 สัปดาห์ หรือทำในวันเดียวกันโดยทำ Ulthera หรือเลเซอร์ก่อนการฉีด toxin
ทั้งนี้ หลังจากฉีดโบลดริ้วรอยแล้วไม่มั่นใจว่ากิจกรรม หรือสิ่งที่ตัวเองจะทำนั้นสามารถทำได้หรือไม่ สามารถปรึกษาทางคลินิกที่เข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ได้ เพื่อให้โบท็อกซ์ทำงานอย่างเต็มที่ และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนมากที่สุด
นอกจากฉีดโบแล้ว มีวิธีช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้อีกบ้าง
นอกจากการฉีดโบลดริ้วรอยแล้ว ยังมีหัตถการอื่นๆ ที่สามารถช่วยลดริ้วรอย หรือชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย โดยวิธีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้เช่นเดียวกันกับฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้
- ทรีตเมนต์ เป็นวิธีที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า พร้อมกับผลักอาหารผิวด้วยเครื่องทรีตเมนต์ นวดกดจุด และมาส์กผิว เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุง กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มสารอาหารให้ผิว ทำให้ผิวมีความนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ส่งผลให้เกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น
- เลเซอร์ เป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้น และฟื้นฟูคอลลาเจน อีลาสติน และเซลล์ผิว ทำให้ผิวมีความอิ่มฟู เรียบเนียน และได้ผิวใหม่ที่ดีขึ้น ทำให้ริ้วรอยดูจางลงได้
- ฟิลเลอร์ เป็นวิธีที่ช่วยเติมผิวในบริเวณที่หย่อนคล้อยให้ดูอิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มักจะฉีดที่บริเวณร่องแก้ม และใต้ตา เพื่อเติมเต็มผิวที่เป็นริ้วรอย หรือร่องลึกดูตื้นขึ้นได้
Botox VS Filler อะไรดีกว่ากัน
Botox กับ Filler เป็นหัตถการที่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้เหมือนกัน แต่ว่าจะมีการทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยลักษณะเด่น และข้อแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์ และฟิลเลอร์ มีดังนี้
- Botox เป็นหัตถการที่จะไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย โดยโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อมีการขยับ หรือเคลื่อนไหวน้อยลง ซึ่งโบท็อกซ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยในบริเวณต่างๆ เช่น หน้าผาก หว่างคิ้ว หรือหางตา เป็นต้น และสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป
- Filler เป็นหัตถการที่ช่วยลดริ้วรอยได้ด้วยการเติมเต็มของสารฟิลเลอร์ ที่จะไปเติมเต็มในบริเวณต่างๆ ที่เป็นร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น เช่น ใต้ตา หรือร่องแก้ม เป็นต้น ซึ่งฟิลเลอร์นั้นจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี และสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป
FAQ รวมคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับโบลดริ้วรอย
ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยเจ็บไหม?
ไม่เจ็บ เนื่องจากก่อนทำการฉีด ผู้ช่วยจะน้ำแข็งมาประคบให้ เพื่อลดอาการเจ็บจากการฉีด หลังจากนั้นแพทย์จะทำการฉีดเข้าไปตรงที่ประคบบริเวณริ้วรอย ใช้เวลาไม่นาน และไม่เป็นอันตราย
ควรฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยกี่ยูนิต?
แต่ละตำแหน่งจะใช้ตัวยาไม่เท่ากัน โดยหน้าผากจะฉีด 10-20 ยูนิต, หว่างคิ้ว 6-20 ยูนิต, ตีนกาข้างละ 6-20 ยูนิต ซึ่งปริมาณนี้ เป็นปริมาณที่แพทย์แนะนำเพื่อลดริ้วรอย แต่ยังสามารถแสดงสีหน้า อาการได้ปกติ โบ 1 ขวด สามารถฉีดคละ ได้ทั่วใบหน้า
เริ่มฉีดอายุเท่าไหร่ รอแก่ค่อยฉีดดีไหม?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อายุเยอะ หรือมีริ้วรอยเยอะก่อนถึงจะค่อยฉีด เพราะว่าการฉีดโบท็อกซ์กันไว้ก่อนนั้นจะช่วยชะลอในการเกิดริ้วรอยได้ และเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็มีริ้วรอยเกิดขึ้นน้อย ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าอายุ แต่ถ้าหากมีอายุเกิน 18 ปี แต่ต่ำกว่า 20 ปี และต้องการฉีดโบท็อกซ์ จะต้องมีผู้ปกครองเซ็นต์ยินยอมก่อนทำหัตถการ
ฉีดโบแล้วหน้าแข็งไหม ฉีดยังไงให้ดูธรรมชาติ?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่ได้ทำให้ใบหน้าดูแข็ง แต่ผู้ฉีดอาจจะรู้สึกว่าหน้าแข็ง เพราะว่าหลังจากฉีดโบท็อกซ์นั้นจะทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นตึง โดยปกติแล้วการฉีดโบท็อกซ์ให้ดูธรรมชาตินั้นขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ว่าปัญหาของคนไข้นั้นจะต้องใช้โบท็อกซ์จำนวนกี่ยูนิต ถึงจะมีความพอดี และดูธรรมชาติ แต่ถ้าหากฉีดโบมาแล้วคนไข้รู้สึกว่าหน้าแข็งเกินไป หรือไม่ชอบ ก็สามารถฉีดสลายโบท็อกซ์ได้
ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยมีอาการบวมไหม?
ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการบวม หลังฉีดจะมีรอยเข็มเล็กอยู่ที่บริเวณฉีดซึ่งจะหายไปเอง
กี่วันเห็นผลชัดเจน?
จะเห็นผลได้ชัดเจนเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ หลังฉีดจะมีอาการตึงๆ และสังเกตได้ว่าบริเวณริ้วรอยดีขึ้น
ฉีด 1 ครั้งอยู่ได้นานแค่ไหน?
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยฉีด 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งทั้งนี้แล้วแต่ยี่ห้อ ปริมาณที่ฉีด และไลฟ์สไตล์ของผู้เข้ารับบริการ สามารถฉีดซ้ำได้หลังผ่านการฉีดไป 4 เดือน
หยุดฉีดแล้วหน้าแก่กว่าเดิมไหม?
ถ้าหากหยุดฉีดโบท็อกซ์หลังจากฉีดเป็นประจำนั้นไม่ได้ทำให้หน้าแก่กว่าเดิม หรือส่งผลให้หน้าดูมีอายุ เพียงแต่ริ้วรอย หรือปัญหาผิวต่างๆ ที่เคยแก้ไขด้วยโบท็อกซ์นั้นอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เพราะโบท็อกซ์เกิดการสลาย หรือหมดอายุจากการฉีดครั้งสุดท้ายนั่นเอง
อาการข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย?
หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจจะเกิดการฉีดผิดตำแหน่งหรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งจะทำให้เวลายิ้มแล้วใบหน้าดูบิดเบี้ยว แข็งตึง ดูไม่เป็นธรรมชาติ ในระยะยาวอาจจะส่งผลเสียได้คือการดื้อยา หรืออาจจะส่งผลต่อระบบประสาทได้
โบราคาถูก โบโปรโมชั่นดีไหม
ในปัจจุบันนั้นมีโปรโมชันเกี่ยวกับโบท็อกซ์ให้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย และอาจจะมีคลินิกที่ขายโบท็อกซ์ในราคาที่ถูกกว่าราคาตลาด ดังนั้น ก่อนจะเลือกซื้อโบราคาถูกควรจะทำการตรวจสอบให้ดีก่อนเข้ารับการบริการทุกครั้ง เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าเป็นโบยี่ห้ออะไร และแท้หรือไม่ แต่ถ้าหากเลือกซื้อโปรโมชั่นโบท็อกซ์ที่มีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพก็จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าโบท็อกซ์ที่ได้นั้นต้องเป็นของแท้อย่างแน่นอน
สามารถเช็กโบแท้ได้อย่างไร
ก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์นั้นควรจะทำการตรวจสอบก่อนว่าโบที่ใช้เป็นของแท้หรือไม่ เพราะถ้าหากโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปเป็นของปลอม หรือของไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เกิดการดื้อโบ หรือมีผลข้างเคียงตามมาได้ โดยวิธีการเช็กโบท็อกซ์แท้นั้นสามารถเช็กได้ ดังนี้
- บนกล่องมี QR Code ให้สแกนตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกซ์
- มีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบนของขวดโบท็อกซ์
- มีตัวหนังสือภาษาไทยเกี่ยวกับข้อมูลของโบท็อกซ์บนกล่อง และขวด
- บนกล่อง และขวดโบท็อกซ์จะต้องมี่เลขที่อย. วันที่ผลิต และวันที่หมดอายุตรงกัน
- มีการระบุว่าโบท็อกซ์ขวดนั้นๆ นำเข้าด้วยบริษัทอะไร
สรุป
ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยจะเกิดมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต อายุ หรือกรรมพันธุ์ การฉีดโบลดริ้วรอย ก็ถือว่าเป็นอีกทางออกของผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยในส่วนต่างๆ ของใบหน้า เพราะเป็นหัตถการที่จะทำให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และลดริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดนั้นก็ควรจะศึกษาถึงข้อดี และข้อเสียก่อนว่าเป็นอย่างไร หรืออาจจะปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถฉีดได้ไหม เพื่อป้องกันผลข้างเคียง หรือปัญหาที่อาจตามมาได้ และถ้าหากตัดสินใจฉีดโบลดริ้วรอยแล้ว ก็ควรเตรียมตัวก่อนฉีด และดูแลตัวเองหลังฉีดให้ดี เพื่อที่จะได้เห็นผลลัพธ์ในการฉีดโบลดริ้วรอยได้อย่างเช่น อยู่ได้นาน และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ซึ่งที่ DSK เน้นมาตลอดสำหรับการฉีดโบทอกซ์นอกจากจะเป็นเรื่องการใช้ยาแท้แล้ว เทคนิคการฉีดที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นเทคนิคของ DSK ที่เราให้ความสำคัญมาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติ ปลอดภัย และหน้าไม่แข็งตึง แต่อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ตามแบบฉบับของแต่ละคนนั้นเอง