- Blog
- Custom Skin Quality
- June 30, 2025
เช็กสาเหตุผิวไม่เรียบเนียน พร้อมวิธีแก้ไข แบบฉบับหมอผิวหนัง

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว หลุมสิว รูขุมขนกว้าง หรือริ้วรอยต่าง ๆ ล้วนสร้างความกังวลใจ ทำให้ผิวหน้าดูไม่สดใส แต่งหน้าก็ยาก ไม่ติดทน หลายคนอาจพยายามแก้ไขด้วยตัวเองแต่ก็ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน วันนี้หมอจะพามาเจาะลึกถึงต้นตอของปัญหาผิวไม่เรียบเนียน พร้อมแนะนำแนวทางการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณกลับมามีผิวที่เรียบเนียนกระจ่างใสได้อย่างมั่นใจครับ
ลักษณะของผิวหน้าไม่เรียบเนียน
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนสามารถสังเกตเห็นได้จากหลายลักษณะครับ ไม่ว่าจะเป็นผิวที่สัมผัสแล้วรู้สึกสาก ขรุขระ ไม่เกลี้ยงเกลา อาจมีรอยแดง รอยดำจากสิวปรากฏให้เห็นชัดเจน บางรายอาจมีปัญหารูขุมขนดูกว้าง หรือมีหลุมสิวทั้งตื้นและลึกกระจายอยู่ทั่วใบหน้า นอกจากนี้ ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือร่องลึกที่เกิดขึ้นตามวัยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอและขาดความเรียบเนียนได้เช่นกัน ซึ่งลักษณะเหล่านี้ส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพโดยรวมได้ครับ
อยากรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียน ต้องเช็กสาเหตุก่อน

การจะรักษาปัญหาผิวไม่เรียบเนียนให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั้น จำเป็นต้องทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงเสียก่อนครับ เพราะแต่ละปัญหาก็มีต้นตอที่แตกต่างกัน การเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้หมอสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ เรามาดูกันว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ผิวของเราไม่เรียบเนียนมีอะไรบ้าง
1. มีรอยสิว หรือหลุมสิว
รอยสิวและหลุมสิวเป็นปัญหาผิวไม่เรียบเนียนที่พบได้บ่อยที่สุดครับ โดยมักเกิดจากการอักเสบของสิวที่รุนแรง เมื่อสิวหายแล้ว กระบวนการซ่อมแซมผิวหนังอาจไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดเป็นรอยดำ รอยแดง หรือหากมีการทำลายคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอย่างรุนแรง ก็จะกลายเป็นหลุมสิวชนิดต่าง ๆ เช่น หลุมสิวแบบจิก (Ice pick scar) หลุมสิวแบบกล่อง (Boxcar scar) หรือหลุมสิวแบบแอ่ง (Rolling scar) ซึ่งแต่ละชนิดก็ต้องการวิธีการรักษาที่แตกต่างกันเพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนขึ้นครับ
2. รูขุมขนกว้าง
ปัญหารูขุมขนกว้างเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งพันธุกรรม การผลิตน้ำมันของต่อมไขมันที่มากเกินไป การสะสมของสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน รวมถึงอายุที่มากขึ้นซึ่งทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ผิวจึงขาดความกระชับ รูขุมขนจึงขยายกว้างขึ้น ทำให้ผิวดูหยาบกร้านและไม่ละเอียดครับ
3. มีขนบนใบหน้าค่อนข้างหนา
การมีขนบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหนวด ไรผม หรือแก้ม ที่มีลักษณะค่อนข้างหนาและเห็นได้ชัด ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิวได้ครับ เพราะเส้นขนเหล่านี้อาจทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอ และเมื่อสัมผัสอาจรู้สึกไม่เรียบลื่น การกำจัดขนที่ไม่ถูกวิธี เช่น การโกนหรือแว็กซ์บ่อย ๆ ยังอาจทำให้เกิดขนคุดหรือการอักเสบของรูขุมขนตามมาได้อีกด้วย
4. มีริ้วรอยบนใบหน้า
ริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยตื้น ๆ (Fine lines) หรือริ้วรอยร่องลึก (Wrinkles) ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ หรือจากอายุที่มากขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิกในผิว ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดเป็นร่องริ้วรอยขึ้น ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผิวหน้าโดยรวมดูไม่เรียบเนียนและดูมีอายุมากขึ้นครับ
รวม 6 วิธีดูแลผิวหน้าให้เรียบเนียน

เมื่อเราทราบถึงสาเหตุของปัญหาผิวไม่เรียบเนียนกันแล้ว ทีนี้หมอจะมาแนะนำแนวทางการรักษาและฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ DSK Clinic เลือกใช้ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยครับ
1. รักษารอยสิวด้วย Redtouch Pro
สำหรับปัญหารอยสิว รอยแดง รอยดำ รวมถึงปัญหาผิวไม่เรียบเนียนจากรูขุมขนและริ้วรอยตื้น ๆ หมอขอแนะนำ Redtouch Pro ครับ เทคโนโลยีเลเซอร์แสงสีแดงความยาวคลื่น 675 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงคลื่นแรกของโลกที่สามารถจับกับคอลลาเจนได้โดยตรง โดยไม่ต้องอาศัยน้ำในผิวเป็นสื่อกลาง ทำให้พลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างจำเพาะเจาะจง ช่วยให้รอยสิวจางลง รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น โดยจุดเด่นคือไม่เจ็บ ไม่ต้องแปะยาชา และไม่มีสะเก็ดหลังทำ เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่มี Downtime ครับ
2. รักษาหลุมสิวด้วย Pico Laser
ในกรณีของปัญหาหลุมสิว ซึ่งเป็นรอยแผลเป็นชนิดหนึ่งที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน Pico Laser ถือเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์อย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะการใช้โหมด Fractional Pico ที่ใช้เลนส์พิเศษ (Fractional Lens Array) ทำให้พลังงานเลเซอร์ลงไปสร้างฟองอากาศขนาดเล็กใต้ผิว (LIOB – Laser Induced Optical Breakdown) เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมผิวและสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้หลุมสิวค่อยๆ ตื้นขึ้น ผิวจึงเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและถาวรครับ Pico Laser ยังช่วยลดรอยดำที่เกิดร่วมกับหลุมสิวได้ดีอีกด้วย
3. ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนด้วย Potenza
Potenza เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่หมอภูมิใจนำเสนอสำหรับการแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียนอย่างครอบคลุมครับ ด้วยการผสมผสานระหว่าง Microneedling (การใช้เข็มขนาดเล็กมาก) กับคลื่นวิทยุ (Radio Frequency หรือ RF) ทำให้สามารถส่งพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ Potenza สามารถเลือกใช้คลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน (1 MHz และ 2 MHz) และโหมดการปล่อยพลังงาน (Monopolar และ Bipolar RF) เพื่อให้เหมาะกับปัญหาผิวที่หลากหลาย ตั้งแต่รูขุมขนกว้าง หลุมสิว ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ไปจนถึงปัญหาสิว ทำให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียน กระชับ และสุขภาพดีขึ้นครับ
4. กระตุ้นคอลลาเจนและกระชับผิวให้เรียบเนียนด้วย Oligio

สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวเรียบเนียนพร้อมกับยกกระชับ Oligio เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจครับ Oligio ใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนเดิมและการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมาตึงกระชับ รูขุมขนเล็กลง ผิวจึงดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยสลายไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มและเหนียงได้อีกด้วยครับ
5. ทำเลเซอร์กำจัดขนหน้า
อย่างที่หมอได้กล่าวไปว่าขนบนใบหน้าก็เป็นสาเหตุหนึ่งของผิวไม่เรียบเนียนได้ การทำเลเซอร์กำจัดขนหน้าจึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน เกลี้ยงเกลาขึ้นได้ครับ เลเซอร์จะส่งพลังงานไปทำลายรากขน ทำให้ขนขึ้นช้าลง เส้นบางลง และค่อย ๆ ลดจำนวนลงในที่สุด เมื่อไม่มีขนส่วนเกิน ผิวหน้าก็จะสัมผัสได้ถึงความเรียบลื่น แต่งหน้าง่ายขึ้น และยังช่วยลดปัญหาขนคุดหรือการอักเสบของรูขุมขนที่อาจเกิดจากการกำจัดขนด้วยวิธีอื่นได้ด้วยครับ
6. แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าด้วยโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ Biostimulator
ปัญหาริ้วรอยที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและดูมีอายุ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ครับ
- โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin) : เหมาะสำหรับริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า (Dynamic wrinkles) เช่น รอยตีนกา รอยย่นระหว่างคิ้ว หรือหน้าผาก โดยโบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ทำให้ริ้วรอยจางลง ผิวจึงดูเรียบเนียนขึ้น
- Belotero Revive : เป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรก ๆ ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid (HA) และ Glycerol ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน ทำให้ผิวอิ่มฟู เรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง เส้นริ้วรอยตื้น ๆ จางลง ผิวดูโกลว์ใสสุขภาพดี
- Profhilo : มี Hyaluronic Acid ความเข้มข้นสูงที่ผ่านเทคโนโลยี NAHYCO® ทำให้ได้ Hybrid Cooperative Complex (HCC) กระจายตัวได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในทุกชั้นผิว ทำให้ผิวแน่นเฟิร์ม เรียบเนียนขึ้น ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอย โดยไม่เน้นการเพิ่มปริมาตร
- Sculptra : เป็นสาร Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็น Biostimulator ที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน Type 1 ขึ้นมาใหม่ตามธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ผิวจึงดูยกกระชับ แน่นฟูขึ้น ร่องลึกตื้นขึ้น และผิวโดยรวมเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ DSK Clinic เรามีเทคนิคเฉพาะในการใช้ Sculptra เพื่อรักษาหลุมสิวอีกด้วยครับ
จบปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ด้วยวิธีรักษาเฉพาะคุณ ที่ DSK Clinic
ที่ DSK Clinic เราเข้าใจดีว่าปัญหาผิวไม่เรียบเนียนของแต่ละบุคคลมีความซับซ้อนและสาเหตุที่แตกต่างกันครับ การรักษาจึงจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและตรงจุดที่สุดสำหรับคุณ หรือที่เราเรียกว่า “Custom Skin Quality” ซึ่งรวมถึงโปรแกรม “Custom Potenza” และ “Custom Pico” ที่ออกแบบเทคนิคการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อดึงศักยภาพของเครื่องมือออกมาให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดทีมแพทย์ DSK Clinic เป็นแพทย์เฉพาะทางผิวหนังและเลเซอร์ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ปัญหาผิวและเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Redtouch Pro, Pico Laser, Potenza, Oligio, เลเซอร์กำจัดขน, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์กลุ่ม Skin Quality อย่าง Belotero Revive, Profhilo หรือ Biostimulator อย่าง Sculptra รวมถึงการรักษาอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวไม่เรียบเนียนของคุณได้อย่างครอบคลุม พร้อมการติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับผิวที่เรียบเนียน กระจ่างใส และดูสุขภาพดีกลับไปอย่างแน่นอน หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ไขปัญหาผิวไม่เรียบเนียน สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางผิวหนังที่ DSK Clinic เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะได้เลยครับ
