- Blog
- Botox, Custom Filler & Lifting
- June 13, 2023
โบท็อกซ์ยังน่าทำอยู่ไหม? เลือกฉีดโบท็อกซ์แบรนด์ไหนถึงดี?
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป โบท็อกซ์ ที่ DSK Clinic ดียังไง ?
1. DSK Clinic เป็นตัวแทนจากแบรนด์โบท็อกซ์โดยตรง จึงใช้โบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ และเป็นของแท้ 100% 2. สามารถตรวจสอบก่อนฉีดได้ ผสมยาต่อหน้าให้เห็น 3. ทีมแพทย์ DSK จะประเมิน และวิเคราะห์ปัญหา เพื่อออกแบบเทคนิคการรักษา การฉีด ขนาดยูนิตที่เหมาะสม และบริเวณที่ฉีดแบบเฉพาะบุคคล ตลอดจนคอยดูแลตั้งแต่ก่อนการฉีด และคอยติดตามผลหลังการฉีดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เป็นธรรมชาติ และมีความปลอดภัย |
ทุกวันนี้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่คนสวยๆ หล่อๆ หน้าเป๊ะ ปังกันทั้งนั้น เพราะความก้าวหน้าของนวัตกรรมเสริมความงามที่ได้พัฒนาไปไกลมาก ทั้งยังมีวิธีการดูแลผิวหน้าหลายรูปแบบให้เลือกกันได้ตามใจชอบ
แม้จะมีหัตถการน้องใหม่ออกมากันให้ควั่ก แต่รุ่นพี่อย่าง ‘โบท็อกซ์’ ก็ยังถือว่าเป็นหัตถการตัวเก๋า ที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย
เพราะโบท็อกซ์ คือ นวัตกรรมที่ช่วยทั้งปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย และการพัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่อง ทำให้โบท็อกซ์มีคุณภาพที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และราคาถูกลง นอกจากสินค้าที่มีคุณภาพแล้ว เทคนิคในการฉีดก็สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้เรามาดูกันดีกว่า ถ้าจะฉีดโบท็อกซ์ทั้งทีต้องดูอะไรบ้าง ?
โบท็อกซ์คืออะไร ทำงานอย่างไร ?
โบท็อกซ์ คือ ชื่อทางการค้าของโปรตีน Botulinum toxin A ผลิตจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium botulinum สาเหตุที่เรียกติดปากกันว่าโบท็อกเซ์ป็นเพราะเจ้าแรกที่ผลิตสารตัวนี้ใช้ชื่อสินค้าว่า Botox นั่นเอง ในตอนแรกโบท็อกซ์ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้รักษาในทางการแพทย์ เพราะโดดเด่นในเรื่องการยับยั้งการทำงานของระบบประสาท และทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว
โดยการฉีดโบท็อกซ์มีหลักการทำงาน คือ เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว สาร Botulinum toxin A จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท และยับยั้งการหลั่งเซลล์สื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทำงานน้อยลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผิวหนังบนใบหน้าจึงเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอย หรือรอยเหี่ยวย่นลดลง ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึง และช่วยลดกรามให้หน้าเรียวแบบ V shape ได้นั่นเอง
ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่นิยมฉีด
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ เรามาดูกันก่อนว่ามีโบท็อกซ์ตัวไหนน่าสนใจบ้าง ซึ่งโบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป แต่ยี่ห้อสุดฮิตที่คลินิกเสริมความงามเลือกใช้กัน มีดังนี้
Allergan
Allergan โบท็อกซ์จากสหรัฐอเมริกา ถือเป็นต้นฉบับของโบท็อกซ์ทั่วโลก มีงานวิจัยรับรองมากกว่า 3,500 งานวิจัย จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้ คือ ผ่านการคิดค้น และพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี เลยเป็นโบท็อกซ์ที่ให้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม
Dysport
มาต่อกันที่ Dysport โบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษ ยี่ห้อนี้จะมีโมเลกุลเล็กกว่าโบท็อกซ์จากสหรัฐอเมริกา และเกาหลี ทำให้มีจุดเด่นเรื่องการกระจายตัว เลยนิยมนำมาใช้กับการแก้ไขปัญหาบริเวณกว้าง เช่น การฉีดยกกระชับกรอบหน้า ฉีดลดต้นแขน ลดน่อง หรือฉีดลดเหงื่อใต้รักแร้ แต่หมอที่ฉีดให้ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้ยากระจายตัวไปยังจุดที่ไม่ต้องการ
Nabota
Nabota คือ โบท็อกซ์จากเกาหลีใต้ และเป็นยี่ห้อเดียวในเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก USFDA หรืออย. สหรัฐอเมริกา โดยคุณสมบัติเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้ คือ มีการออกฤทธิ์ไว เห็นผลลัพธ์หลังฉีดได้อย่างรวดเร็ว หมอจึงนิยมนำมาฉีดเพื่อลดริ้วรอย เช่น รอยย่นตามหน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา รวมถึงฉีดเพื่อยกกระชับ และปรับรูปหน้าอีกด้วย
Xeomin
Xeomin คือ โบท็อกซ์จากเยอรมันนีตัวเดียวที่เป็น Second Generation และเป็นตัวเดียวที่ไม่มีโปรตีนเจือปนหรือ Complexing Protein ที่เป็นสาเหตุของการดื้อโบท็อกซ์เมื่อฉีดไปในระยะยาว เพราะใช้ XTRACT Technology™ เพื่อนำเอาสารโปรตีนที่ไม่จำเป็นออกไป ปัจจุบัน Xeomin จึงเป็นแบรนด์เดียวที่โอกาสการดื้อโบท็อกซ์ 0% แม้จะฉีดต่อเนื่องหลายปีก็ตาม นอกจากนี้ Xeomin ยังมีจุดเด่นในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ เพราะมีขนาดโมเลกุลเล็ก และมีความบริสุทธิ์สูง แต่ต้องอาศัยความแม่นยำในการฉีดของแพทย์ให้มากที่สุด
ทำไมต้องเลือก Xeomin ดียังไง ?
หลายคนอาจเกิดความเข้าใจผิดว่า Xeomin เป็นโบท็อกซ์สำหรับคนดื้อยา แต่ความจริง Xeomin เป็นโบท็อกซ์สำหรับคนที่ไม่อยากดื้อยา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฉีดในระยะยาว ดังนั้น Xeomin จึงกลายเป็นโบท็อกซ์ที่ได้รับการยอมรับในวงการเสริมความงาม เพราะนอกจากช่วยลดปัญหาใบหน้าแล้ว ยังให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ Xeomin จึงเป็นยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ทาง DSK Clinic เลือกใช้
โบท็อกซ์หิ้ว และโบท็อกซ์ปลอม คืออะไร ? อันตรายยังไง ?
ประเทศไทยปัจจุบัน แม้ว่าจะมีการจำหน่ายโบท็อกซ์ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน แต่ยังคงมีสถานประกอบการ หรือบุคคลบางกลุ่มที่อาจนำเข้าโบท็อกซ์แท้จากต่างประเทศในราคาที่ถูกกว่า ไม่ผ่านการรับรอง และไม่ได้มีกระบวนการเก็บรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม หรือที่เรียกว่า ‘โบท็อกซ์หิ้ว’ บางครั้งอาจร้ายแรงไปจนถึงขั้นนำ ‘โบท็อกซ์ปลอม’ มาฉีดให้กับคนที่เข้ารับการรักษา
หมอต้องขอเตือนก่อนเลยครับว่า โบท็อกซ์หิ้ว หรือ โบท็อกซ์ปลอม ถือว่ามีความอันตรายสูง เนื่องจากการนำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้มีการควบคุมคุณภาพอย่างถูกวิธี ส่งผลให้ตัวยาเสื่อมสภาพ หรือแม้แต่โบท็อกซ์ปลอมที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของส่วนผสมได้
หากฉีดโบท็อกซ์หิ้ว หรือโบท็อกซ์ปลอมเข้าไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมามากมาย ดังนี้
- การฉีดครั้งแรกอาจได้ผล แต่ในระยะยาวจะทำให้เกิดการดื้อยา หรือดื้อโบท็อกซ์ ซึ่งทำให้การฉีดโบท็อกซ์ครั้งต่อๆ ไปในอนาคตไม่ได้ผล แม้ว่าจะฉีดโบท็อกซ์ของแท้ก็ตาม
- เกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น อาการหนังตาตก คิ้วตก เนื่องจากตัวยาที่ไม่มีความเสถียร
- ฉีดแล้วไม่เห็นผล เพราะตัวยาเสื่อมสภาพจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังการฉีด เนื่องจากการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน
โบท็อกซ์ทางการแพทย์ และความสวยงามต่างกันอย่างไร ?
โบท็อกซ์ในทางการแพทย์
โบท็อกซ์ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในทางการแพทย์ สามารถใช้รักษาความผิดปกติของร่างกายที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อได้ เช่น ตาเข ตาเหล่ หนังตากระตุก กล้ามเนื้อคอเกร็งตัว สามารถรักษาอาการปวดหัวแบบไมเกรน หรือแบบที่เกิดจากความเครียดได้ ยิ่งไปกว่านั้น โบท็อกซ์ยังสามารถลดปริมาณเหงื่อบริเวณใต้รักแร้ได้อีกด้วย เพราะโบท็อกซ์จะเข้าไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆ ต่อมเหงื่อ และลดการสร้างเหงื่อโดยตรงอีกด้วย ทำให้เหงื่อจึงออกน้อย รวมถึงกลิ่นตัวก็ลดน้อยลงตามไปด้วย
โบท็อกซ์เพื่อความสวยงาม
รู้กันไปแล้วว่าโบท็อกซ์ทางการแพทย์สามารถใช้รักษาอาการอะไรได้บ้าง คราวนี้มาถึงคิวของความสวยความงามกันบ้าง การใช้โบท็อกซ์เพื่อความสวยงามสามารถใช้ในกรณีดังต่อไปนี้
- โบท็อกซ์ลดริ้วรอย เวลาเราแสดงสีหน้า หรือขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า หลายครั้งมักเห็นเป็นรอยย่น รอยพับ (Dynamic Line) หรือตีนกาขึ้นมาอย่างชัดเจน ทำให้หน้าดูแก่เกินวัย ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์บริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา รอยย่นจมูก มุมปาก และคอ สามารถช่วยให้ริ้วรอยเหล่านั้นดูจางลง และเพิ่มความเต่งตึงได้ แต่หากเป็นริ้วรอยที่เกิดจากการสียหาย หรือการยับของผิวด้านบน (Static Line) ร่วมด้วย อาจต้องมีการใช้เครื่องมือกระตุ้นคอลลาเจน เช่น Potenza , Infini , Picosecond Laser ร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์
- โบท็อกซ์ยกกระชับ ใครที่มีปัญหาหย่อนคล้อยแต่ไม่มาก สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อช่วยยกกระชับได้ โดยมีหลักการ คือ โบท็อกซ์จะเข้าไปทำการคลายกล้ามเนื้อ Plastysma ที่ทำหน้าที่ดึงใบหน้าของเราลง เมื่อโบท็อกซ์เข้าไปคลายกล้ามเนื้อส่วนดังกล่าว ใบหน้าของเราก็จะยกตัวขึ้นได้นั่นเอง หรืออีกกลไกการทำงานของโบท็อกซ์ คือ หากฉีดตื้นๆ บริเวณชั้นหนังแท้ Dermolift อาจช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม โบท็อกซ์สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากไม่ใช่กลไกการทำงานหลักของโบท็อกซ์ หากต้องการกลไกกระตุ้นคอลลาเจนที่ดีกว่า อาจต้องพึ่งเทคโนโลยียกกระชับที่ใช้พลังงานในการกระตุ้นคอลลาเจนอย่าง Ulthera, Potenza, ThermageFLX, และ Infini แทน
- โบท็อกซ์ปรับรูปหน้า หากใครที่มีปัญหากรามใหญ่ ใบหน้าดูเหลี่ยม สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์เข้ากล้ามเนื้อ Massetter ซึ่งโบท็อกซ์จะเข้าไปช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวรที่ฉีด ทำให้ใบหน้าค่อยๆ ดูเล็กลงจนเข้ารูปเป็น V shape อย่างไรก็ตาม ต้องให้แพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยว่าปัญหากรามใหญ่ หรือใบหน้าเหลี่ยมนั้น เกิดจากกล้ามเนื้อส่วนดังกล่าว หรือเกิดการโครงสร้างของกระดูก เนื่องจากโบท็อกซ์ช่วยแก้ไขได้เฉพาะปัญหากล้ามเนื้อเท่านั้น
- โบท็อกซ์ปีกจมูก การฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในบริเวณปีกจมูก สามารถแก้ไขปัญหาจมูกบาน จมูกโต และรูจมูกใหญ่ได้ เพราะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อ และทำให้ปีกจมูกดูแคบลง
- โบท็อกซ์ลดน่อง ใครว่าโบท็อกซ์ฉีดได้แค่บริเวณหน้า จริงๆ แล้วสามารถฉีดโบท็อกซ์ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ด้วยเช่นกัน เช่น ปัญหาน่องโตจากการใช้งานมากๆ สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง ทำให้ขาเล็กเรียวสวยงามได้
- โบท็อกซ์ลดหน้ามัน และลดขนาดรูขุมขน ถือว่ากำลังเป็นที่นิยมเลยก็ว่าได้ สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ลดหน้ามัน และลดขนาดรูขุมขน โดยหลักการ คือ จะฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในชั้นหนังแท้ที่เป็นชั้นต่อมไขมัน ซึ่งจะช่วยให้ต่อมไขมัน และรูขุมขนมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ลดความมัน และเหงื่อบนใบหน้าได้ อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ในชั้นหนังแท้ต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญการ และเทคนิคที่เหมาะสม โดยที่ DSK สามารถทำได้ และควรใช้โบท็อกซ์ Xeomin เป็นตัวช่วย เพราะเป็นโบท็อกซ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการดื้อยา
ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี ?
โบท็อกซ์เป็นวิธียอดนิยมที่ใช้แก้ไขปัญหาบนใบหน้า ทำให้มีโบท็อกปลอม และหมอเถื่อนที่รับฉีดโบท็อกซ์อยู่มากมาย หากไม่อยากเจอกับปัญหาในภายหลัง ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีโบท็อกซ์ราคาถูกอยู่จำนวนมาก จนกลายเป็นที่ล่อตาล่อใจของใครหลายคน หมอจึงอยากแนะนำอยู่ 2 ประการสำคัญในการเลือกฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่
- หมอที่ฉีด และโบท็อกซ์ที่ใช้ กล่าวคือ ต่อให้เป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์ในการฉีดจะออกมาเหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิค และการออกแบบของแพทย์ผู้ชำนาญการ ซึ่งทาง DSK จะมีบุคลากรที่เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ทำการวิเคราะห์ และออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติของใบหน้าแต่ละบุคคลเอาไว้
- โบท็อกซ์ที่ว่าแท้ แท้จริงหรือหลอกต้องตรวจสอบให้ดี ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอโปรโมชัน หรือคำโฆษณาบอกว่าเป็นโบท็อกซ์แท้ แต่ในไทยยังพบโบท็อกซ์เถื่อน โบท็อกซ์หิ้ว และโบท็อกซ์ผิดกฎหมายอยู่เป็นจำนวนมาก หมอจึงขอแนะนำให้ซื้อโบท็อกซ์แบบเหมาขวด และผสมใหม่ทุกครั้งที่ใช้เท่านั้น เพราะทำให้สามารถตรวจสอบโบท็อกซ์ได้ตั้งแต่ก่อนการใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่โดนหลอกเอาโบท็อกซ์เถื่อนมาใส่ขวดโบท็อกซ์แท้ ดังนั้น การตรวจสอบให้แน่ใจก่อนการใช้งานจริงเป็นสิ่งสำคัญ
แล้วฉีดโบท็อกซ์กับ DSK ดีกว่ายังไง ?
หากมารับการรักษากับ DSK สิ่งที่ทุกคนจะได้รับ คือ
- ได้รับการฉีดโบท็อกซ์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง การยกกระชับ และออกแบบรูปหน้า
- มีโบท็อกซ์คุณภาพให้เลือกหลากหลาย เพราะ DSK เป็นตัวแทนผู้ให้บริการจากแบรนด์โบท็อกซ์โดยตรง
- ได้รับคำแนะนำ วิเคราะห์ และทำการแจ้งยูนิตก่อนการฉีด รวมถึงผสมตัวยาใหม่ทุกครั้ง เพิ่มความมั่นใจให้กับทุกคนว่าจะได้รับของแท้ และปลอดภัย 100%
- ดูแลติดตามผลหลังการรักษาทุกเคส
- มีบริการรักษาด้วยเทคโนโลยีอื่นๆ แนะนำให้เหมาะสมตามแต่ละบุคคล
โบท็อกซ์เหมาะกับใคร ?
ความจริงแล้ว โบท็อกซ์สามารถฉีดได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอย หรือคนที่อยากแก้ปัญหาความผิดปกติในร่างกาย หากยังไม่แน่ใจว่าตัวเองฉีดโบท็อกซ์ได้ไหม ลองมาดูข้อมูลข้างล่างนี้ก่อนดีกว่า
- เหมาะกับคนที่อยากลดริ้วรอย รอยย่น ตีนกา
- เหมาะกับคนที่อยากลดแก้ม และลดกราม
- เหมาะกับคนที่อยากยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
- เหมาะกับคนที่อยากลดต้นแขน ลดน่องปูด
- เหมาะกับคนที่อยากลดเหงื่อใต้วงแขน
- เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และอยากได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
เตรียมตัวก่อน และหลังการฉีดโบท็อกซ์อย่างไร ?
ก่อนการฉีดโบท็อกซ์
ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์จะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แต่การดูแลตัวเองให้ดีก่อนฉีด สามารถทำให้ผลลัพธ์ในการฉีดออกมาดีเช่นเดียวกัน หมอจึงอยากแนะนำก่อนมาฉีดโบท็อก ดังนี้
- ปรึกษาหมอ และบอกสิ่งที่ต้องการให้ชัดเจน หมอจะทำการซักประวัติ และประเมินใบหน้าของผู้เข้ารับบริการว่าควรฉีดโบท็อกดีหรือไม่
- ช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS เพื่อป้องกันการฟกช้ำ และงดใช้ยาที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี หรือน้ำมันปลา
- 24 ชั่วโมงก่อนการฉีดให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- วันที่ฉีดให้งดใช้เครื่องสำอาง และล้างหน้าให้สะอาด
หลังการฉีดโบท็อก
มาดูวิธีการดูแลตัวเองหลังจากฉีดโบท็อกกันบ้าง ถ้าดูแลตัวเองได้ดี จะทำให้ผลลัพธ์การฉีดคงที่ อยู่ได้ยาวนานและไม่เสื่อมสลายเร็ว มาดูกันว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง
- ถ้าเกิดมีอาการบวมแดงหรือช้ำ สามารถใช้น้ำแข็งประคบได้
- หลังการฉีด ห้ามใช้มือ หรือสิ่งของใดๆ มากดทับบริเวณที่ฉีด ตลอดจนควรงดนอนราบเป็นเวลา 4 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ตัวยาเคลื่อนที่ได้
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดการนวดหน้า งดการออกกำลังกายหนักๆ และงดการทำเลเซอร์เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หากเกิดความผิดปกติให้รีบมาพบหมอโดยเร็วที่สุด
ข้อดีของการฉีดโบท็อก
ฉีดโบท็อกไม่เพียงแค่ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าอย่างเดียว แต่ยังมีข้อดีอีกมากมายที่อาจคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
- สามารถแก้ปัญหาได้หลายอย่าง เช่น ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อย ลดโหนก ลดกราม ปรับรูปหน้าให้ V shape จนไปถึงลดต้นแขน ลดน่องปูด และลดเหงื่อ
- เห็นผลรวดเร็ว แต่ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน รวมถึงจุดที่ฉีดด้วยว่าฉีดตรงไหน เพราะแต่ละจุดอาจใช้เวลาไม่เท่ากัน
- ปลอดภัยหายห่วง เพราะได้รับการรับรองจาก อย. แล้วว่ามีความปลอดภัย
- ก่อนฉีดโบท็อกแทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย
- หลังฉีดเสร็จ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- มีผลข้างเคียงน้อยมาก
- ฉีดโบท็อกทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น
- สำหรับคนที่อายุยังน้อย การเริ่มฉีดโบท็อกอาจช่วยป้องกันริ้วรอยได้อย่างถาวร เทียบกับการฉีดในช่วงที่อายุมากขึ้น แม้จะช่วยลดริ้วร้อยได้บ้าง แต่ก็ยังคงมีส่วนที่อาจแก้ไขได้ยากอยู่เช่นกัน
สรุป
โบท็อก คือ โปรตีน Botulinum toxin A ที่สามารถยับยั้งการทำงานของระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและเล็กลง จึงช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็ก ทั้งยังฉีดตามร่างกายเพื่อลดต้นแขน ลดน่อง และลดเหงื่อใต้รักแร้ได้ ส่วนยี่ห้อโบท็อกที่นิยมฉีดกันจะมีหลายยี่ห้อ แต่ทาง DSK เรามั่นใจและเลือกใช้โบท็อก Xeomin จากเยอรมนี เพราะได้รับการรับรองจาก USFDA พร้อมด้วย XTRACT Technology™ ที่ทำให้โบท็อกมีโมเลกุลเล็ก และมีค่าความบริสุทธิ์สูง หมดกังวลเรื่องการดื้อยา นอกจากนี้ ยังมีงานวิจิยใหม่ๆ ในการนำโบท็อกมาใช้ในการรักษาแผลเป็น การรักษาฝ้า และกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งหากมีงานวิจัยเพิ่มเติมหมอจะนำมาอัพเดตให้ฟังกันอีกครับ
DSK Clinic เราเข้าใจและให้ความสำคัญกับความงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในทุกรูปแบบ ดังนั้น จึงมีการแนะนำ วิเคราะห์ และออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล พร้อมด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีเทคนิคเฉพาะในการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาสวย และเป็นธรรมชาติมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก
1. ไม่ควรฉีดโบท็อกตรงไหน ?
จริงอยู่ที่ว่าโบท็อกส่งผลให้คลายกล้ามเนื้อ แล้วให้ผลดีต่างๆ มากมาย แต่จุดที่ต้องระมัดระวัง และอาศัยความชำนาญในการฉีดโบท็อก มีดังนี้
- บริเวณเปลือกตา เพราะกล้ามเนื้อบริเวณนี้มีหน้าที่ในการปิด และเปิดตา หากฉีดโบท็อกบริเวณนี้อาจทำให้หนังตาตกได้
- เหนือคิ้ว หากฉีดผิดตำแหน่งตรงบริเวณนี้จะทำให้หนังตา และคิ้วตกลงมาได้
- ใต้ตา สามารถฉีดในปริมาณน้อยเพื่อลดริ้วรอยได้ แต่คนที่มีถุงใต้ตาเยอะมาก หมอจะไม่แนะนำให้ฉีด เพราะจะทำให้ถุงใต้ตาเห็นชัดขึ้น
- โหนกแก้ม สามารถฉีดเพื่อช่วยลดโหนกแก้มได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดเป็นอย่างมาก เพราะถ้าฉีดผิดตำแหน่งก็อาจไปโดนกล้ามเนื้อในการยิ้ม ทำให้รอยยิ้มแลดูเบี้ยวได้
- ร่องแก้ม หากฉีดโบท็อกบริเวณนี้อาจจะทำให้รอยยิ้มแข็ง หรือยิ้มไม่ออก วิธีแก้ที่ดีกว่า คือ การใช้ฟิลเลอร์ช่วย ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการฉีดโบท็อก
- ร่องมุมปาก เป็นอีกจุดที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดมาก เพราะหากฉีดผิดจุด หรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ปากเบี้ยวได้ หรือหากต้องการแก้ไขปัญหาร่องมุมปาก ทางออกที่หมอแนะนำเช่นเดียวกันกับร่องแก้ม คือ การใช้ฟิลเลอร์เข้ามาเป็นตัวช่วย
2. ฉีดโบท็อกแต่ละจุดควรใช้กี่ยูนิต ?
โดยปกติแล้วโบท็อกหนึ่งขวดจะมีขนาดตั้งแต่ 50 ยูนิต 100 ยูนิต 200 ยูนิต ไปจนถึง 300 ยูนิต (ในบางยี่ห้อ) แต่ว่าการฉีดโบท็อกในแต่ละจุดนั้นต้องใช้ขนาดยูนิตแตกต่างกัน เป็นอย่างไรมาดูไปพร้อมกัน
- โบท็อกลดริ้วรอย ในการฉีดลดริ้วรอยแต่ละตำแหน่งจะใช้ปริมาณยูนิตที่แตกต่างกัน เช่น บริเวณหน้าผาก 10 – 20 ยูนิต ระหว่างคิ้ว 6 – 20 ยูนิต และรอยตีนกา ข้างละ 6 – 20 ยูนิต
- โบท็อกลดกราม ปกติแล้วหมอจะแนะนำให้ฉีดข้างละ 20 – 50 ยูนิต หรือรวมกันสองข้างแล้วจำนวนไม่เกิน 100 ยูนิต หากผู้เข้ารักษามีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่ อาจต้องใช้ปริมาณยาที่มากขึ้น แต่จะไม่เกินจำนวน 100 ยูนิต
3. โบท็อกแต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานต่างกันจริงไหม ?
ไม่ว่าจะโบท็อกของสหรัฐอเมริกา เยอรมนี อังกฤษ หรือเกาหลี หากฉีดโดยเทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละแบรนด์ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนานเท่ากัน แต่ต้องเป็นโบท็อกของแท้เท่านั้น ส่วนสิ่งที่ต่าง คือ ค่าความบริสุทธิ์ และมาตรฐานการผลิต กล่าวคือ หากค่าความบริสุทธิ์มาก ก็จะลดโอกาสในการดื้อยาได้มากกว่านั่นเองครับ
4. ฉีดโบท็อก ยิ่งยูนิตเยอะ ยิ่งดีจริงไหม ?
ต้องขอบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิดครับ เพราะการฉีดโบท็อกที่ดี และมีคุณภาพ ควรคำนึงถึงความพอดีของตัวยาที่จะให้ผลลัพธ์ที่ต้องการตามความเป็นจริง ตลอดจนคลินิก หรือแพทย์ผู้ฉีดต้องแจ้งจำนวนยูนิตการใช้ทุกครั้งแก่ผู้ที่เข้ารับการรักษา เพราะทุกการรักษามีขนาดยูนิตที่เหมาะสม อีกทั้งในบางครั้งมีคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานแจ้งยูนิตเกินความเป็นจริง ทำให่ผู้บริโภครู้สึกคุ้ม แต่จริงๆ ใบหน้าของเราไม่สามารถรับยามากเกินขนาดได้
5. โบท็อกที่ดีต้องไม่ผสมน้ำเกลือจริงไหม ?
สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ผิดมากครับ เพราะความจริงแล้วโบท็อกจะถูกบรรจุมาในรูปแบบของผงสีขาว เวลาใช้แพทย์จะต้องทำการผสมกับน้ำเกลือเพื่อทำการละลาย ตัวยาถึงจะดูดออกมาใช้งานได้ ซึ่งทาง DSK เราทำการผสมโบท็อกใหม่ก่อนการใช้งานต่อหน้าผู้เข้ารับการรักษาทุกครั้ง รับรองว่าทุกคนจะได้โบท็อกของแท้ และมีประสิทธิภาพมากที่สุดแน่นอน
6. โบท็อกหิ้ว กับโบท็อกแท้ให้ผลลัพธ์เหมือนกันจริงไหม ?
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ โบท็อกหิ้วอาจเป็นได้ทั้งของแท้ที่นำเข้าจากต่างประเทศแบบผิดกฎหมาย หรืออาจเป็นของปลอม ทำให้กระบวนการเก็บรักษาระหว่างการนำเข้าไม่ได้รับมาตรฐาน ส่งผลให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ดังนั้น โบท็อกแท้ที่มีคุณภาพย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดี และให้ผลลัพธ์เต็มประสิทธิภาพมากกว่าแน่นอน
7. โบท็อกแก้ปัญหาร่องแก้ม ร่องมุมปาก และปัญหาใต้ตาได้หมดจริงไหม ?
หมอขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่าไม่เป็นความจริง เพราะหน้าที่หลักของโบท็อก คือ การคลายกล้ามเนื้อ ดังนั้น โบท็อกจะให้ผลกับตำแหน่งที่เกิดริ้วรอยจากการหดเกร็ง และการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น รอยตีนกา หน้าผาก และระหว่างคิ้ว แต่ร่องแก้ม หรือใต้ตา อาจเกิดจากปริมาณไขมัน หรือกระดูกที่หายไป โบท็อกจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการแก้ไข แต่ควรเป็นการใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มมากกว่านั่นเอง
8. ปัญหาที่โบท็อกแก้ไขไม่ได้ คืออะไร ?
โบท็อกสามารถแก้ไขปัญหาบนใบหน้า และส่วนต่างๆ ของร่างกายได้หลายอย่าง แต่ก็มีสิ่งที่โบท็อกแก้ไขไม่ได้ คือ Static line หรือเส้นริ้วรอยถาวร ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดจากการฉีดโบท็อกช้าไป หรือการขยับกล้ามเนื้อบ่อยๆ จนเกิดเป็นริ้วเหล่านั้น แม้ว่าจะอยู่เฉยๆ ริ้วรอยก็ไม่หายไป หากมีปัญหาแบบนี้ ควรรีบฉีดโบท็อกเพื่อป้องกันความลึกขึ้นของริ้วรอย และทำเลเซอร์กลุ่ม Pico หรือ Fractional เพื่อกระตุ้นเนื้อผิวหนังใหม่ขึ้นมาทดแทนครับ