- Blog
- Custom Scar Planning
- February 4, 2025
5 วิธีรักษารอยแผลเป็นให้ดีขึ้น พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็น

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
คุณหมอขอสรุป รวม 5 วิธีรักษารอยแผลเป็นให้หายไว
– แผลเป็นเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน โดยมีลักษณะและสาเหตุที่ทำให้เกิดแตกต่างกัน ไม่ว่าจะแผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือสิว – แผลเป็นมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะการหายของแผลและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล โดยแต่ละประเภทจะมีลักษณะเฉพาะตัวและต้องการการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็นนูนแดง คีลอยด์ แผลเป็นบุ๋ม หรือแผลเป็นจากการไหม้ – การดูแลแผลเป็นอย่างถูกวิธีจะช่วยให้รอยแผลจางลงและผิวพรรณกลับมาดีขึ้น ดังนั้นการเอาใจใส่และดูแลแผลอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การรักษาแผลเป็นด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ การทำเลเซอร์ หรือแม้แต่การผ่าตัดแผลเป็น ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเช่นกัน |
แผลเป็นเกิดจากสาเหตุใด?
แผลเป็นเกิดจากกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกายหลังได้รับบาดเจ็บ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นมีดังนี้

การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น การถลอก การฉีกขาด หรือการกระแทก ทำให้เกิดบาดแผลที่ทำลายชั้นผิวหนัง เมื่อร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ จะเกิดการสร้างคอลลาเจนเพื่อเชื่อมต่อเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่มีลักษณะและความรุนแรงแตกต่างกันตามความลึกและขนาดของบาดแผล
แผลผ่าตัด

แผลจากการผ่าตัดเป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากการตัดผ่านชั้นผิวหนังทางการแพทย์ แม้จะเป็นการตัดที่สะอาดและมีการเย็บปิดแผลอย่างประณีต แต่กระบวนการหายของแผลยังคงทำให้เกิดรอยแผลเป็น ซึ่งลักษณะของแผลเป็นจะขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัด การดูแลแผล และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล
แผลจากการติดเชื้อ
แผลที่มีการติดเชื้อจะมีการอักเสบ รวมถึงเนื้อเยื่อถูกทำลายมากกว่าแผลปกติทั่วไป ส่งผลให้กระบวนการหายของแผลซับซ้อนขึ้น และมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหากการติดเชื้อรุนแรงหรือใช้เวลารักษานาน อาจทำให้เกิดแผลเป็นที่มีลักษณะนูนหรือบุ๋ม
แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
แผลจากความร้อนมักทำลายเนื้อเยื่อในระดับลึกและกว้าง ทำให้เกิดการสูญเสียผิวหนังอย่างรุนแรง ระหว่างการหายของแผล ร่างกายจะพยายามสร้างเนื้อเยื่อใหม่มาทดแทน ส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นที่มีลักษณะหนา นูน และมีการหดรั้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่นของผิวหนัง
แผลจากสิวอักเสบ
สิวอักเสบที่รุนแรงสามารถทำลายชั้นผิวหนังลึกถึงชั้นหนังแท้ได้ เมื่อเกิดการอักเสบและติดเชื้อ ร่างกายจะตอบสนองด้วยการสร้างคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมบาดแผล หากมีการสร้างคอลลาเจนมากหรือน้อยเกินไป จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นประเภทต่าง ๆ เช่น แผลเป็นบุ๋ม หลุมสิว หรือแผลเป็นนูนแดง
ประเภทของรอยแผลเป็น
แผลเป็นมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะการหายของแผลและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล โดยแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน โดยประเภทของรอยแผลเป็นที่ควรทราบมีดังนี้
รอยแผลเป็นนูนแดง (Hypertrophic Scars)
ลักษณะเป็นแผลเป็นที่นูนขึ้นจากผิวหนังปกติ มีสีแดงหรือชมพู เกิดจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในระหว่างกระบวนการหายของแผล แต่การสร้างคอลลาเจนจะอยู่เฉพาะในขอบเขตของบาดแผลเดิมเท่านั้น มักพบได้บ่อยหลังการผ่าตัดหรือบาดแผลที่ลึกถึงชั้นหนังแท้ รอยแผลเป็นประเภทนี้สามารถยุบตัวลงได้เองตามเวลา แต่อาจใช้เวลาหลายเดือนถึงหนึ่งปี
คีลอยด์ (Keloid Scars)

คีลอยด์เป็นรอยแผลเป็นที่มีลักษณะคล้ายกับแผลเป็นนูนแดง แต่มีความรุนแรงมากกว่า โดยเนื้อแผลเป็นจะลุกลามเกินขอบเขตของบาดแผลเดิม มีลักษณะนูนสูง สีแดงเข้มหรือม่วง และอาจมีอาการคัน เจ็บ หรือแสบร้อน มักพบในบริเวณหน้าอก ไหล่ หรือต้นแขน และมักมีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม คีลอยด์มักไม่ยุบตัวลงเองและต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แผลเป็นบุ๋ม (Atrophic Scars)

แผลเป็นบุ๋มมีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลึกลงไปต่ำกว่าระดับผิวหนังปกติ เกิดจากการสูญเสียเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังในระหว่างการหายของแผล พบได้บ่อยในผู้ที่เป็นสิวรุนแรงหรือเคยเป็นอีสุกอีใส รอยแผลเป็นประเภทนี้มักต้องการการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น เลเซอร์ หรือการฉีดสารเติมเต็ม เพื่อยกระดับผิวให้เรียบเสมอกัน
แผลเป็นจากการไหม้ (Burn Scars)
แผลเป็นจากการไหม้เป็นรอยแผลเป็นที่มีความซับซ้อนมากที่สุด เนื่องจากมักมีการทำลายเนื้อเยื่อในระดับลึกและกว้าง ลักษณะของแผลเป็นมักมีการหดรั้ง ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น อาจมีสีซีดขาวหรือเข้มกว่าผิวปกติ และในบางกรณีอาจจำกัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะ การรักษามักต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน และอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไขในกรณีที่มีการหดรั้งรุนแรง
5 วิธีรักษารอยแผลเป็นให้ดีขึ้น
รอยแผลเป็นเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน แต่ปัจจุบันมีวิธีรักษาแผลเป็นหลากหลายวิธีที่ช่วยให้รอยแผลจางลงและมีสภาพผิวที่ดีขึ้นได้ จะมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมกันในหัวข้อนี้ได้เลย
1. การดูแลในระยะแรกเพื่อบรรเทารอยแผลเป็น
การดูแลรอยแผลเป็นที่ถูกต้องตั้งแต่ระยะแรกมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่ช่วยทำให้รอยแผลเป็นดีขึ้น โดยมีขั้นตอนเบื้องต้นที่แนะนำให้ทำดังนี้
- ทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธี : การทำความสะอาดแผลเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี โดยใช้น้ำเกลือล้างแผลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์แนะนำ และทำความสะอาดเบา ๆ เพื่อไม่ให้แผลถูกกระทบกระเทือน
- เย็บแผลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : การเย็บแผลควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้แผลติดสนิท เรียบเนียน และมีโอกาสเกิดแผลเป็นน้อยที่สุด โดยใช้เทคนิคการเย็บแผลที่เหมาะสมกับตำแหน่งและลักษณะของบาดแผล
- ติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ : การมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินการหายของแผล ตรวจสอบการติดเชื้อ และให้การรักษาเพิ่มเติมได้ทันท่วงทีหากพบความผิดปกติ และช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดปัจจัยที่อาจทำให้เป็นรอยแผลเป็น
- ป้องกันการติดเชื้อ : การป้องกันการติดเชื้อทำได้โดยการรักษาความสะอาดของแผลและบริเวณรอบแผล หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลโดยตรง ใช้ผ้าก๊อซปิดแผลที่สะอาด และเปลี่ยนผ้าปิดแผลตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ
2. ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะที่มีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยลดรอยแผลเป็น
การรักษารอยแผลเป็นด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะทางเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยม โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยแผลเป็นได้ดังนี้
- Silicone Gel : มีคุณสมบัติในการสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ ปกป้องแผลเป็น รักษาความชุ่มชื้น และช่วยลดการสร้างคอลลาเจนที่ผิดปกติ
- Silicone Sheet : เป็นนวัตกรรมที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ลดแรงตึงที่แผล และป้องกันการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของแผลเป็นนูนและคีลอยด์ ที่ DSK Clinic เรามีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผสมผสานสารสำคัญเหล่านี้ พร้อมให้คำแนะนำการใช้ที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อให้การรักษารอยแผลเป็นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- Allantoin : เป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดการระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มและเรียบเนียนขึ้น
- Centella Asiatica : เป็นสารสกัดจากใบบัวบก ช่วยเร่งการสมานแผล ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เหมาะสม ป้องกันการเกิดแผลเป็นผิดปกติ
- Vitamin E : เป็นวิตามินที่ทำหน้าที่ต้านสารอนุมูลอิสระ เร่งการซ่อมแซมเซลล์ผิว และช่วยลดการอักเสบ ทำให้แผลเป็นจางลง
3. ทำเลเซอร์เพื่อลดรอยแผลเป็น
เหมาะสำหรับการรักษารอยแผลเป็นประเภทแผลเป็นบุ๋ม แผลเป็นจากสิว และแผลเป็นที่มีพื้นผิวขรุขระ ที่ DSK Clinic มีเทคโนโลยีครบครันสำหรับการรักษาแผลเป็นทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น
- RedTouch Pro Laser : เหมาะสำหรับแก้ปัญหารอยแผลเป็นแดง บุ๋ม ยุบ หรือนูน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยลดการอักเสบของแผล ช่วยปรับความเรียบเนียนให้กับผิว อาจเห็นผลลัพธ์ชัดเจนได้ใน 3-4 ครั้ง ไม่มีระยะเวลาพักฟื้น คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ปกติหลังจากการทำหัตถการ
- Potenza Laser : เป็นเทคโนโลยีประเภท RF Microneedling ซึ่งเหมาะกับแผลเป็นทุกประเภท โดยเฉพาะแผลเป็นจากสิว หรือหลุมสิว ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก สามารถใช้ร่วมกับการรักษากลุ่ม Bio-stimulator ได้
- Pico Laser: เหมาะกับผู้ที่มีแผลเป็นนูน แดง หรือแผลยุบ แผลหลุม กรณีแผลนูน โดยแพทย์จะใช้วิธีการฉีดยาเพื่อให้รอยแผลเป็นนุ่มและยุบตัว และใช้การยิงเลเซอร์เพื่อลดสีและความนูนของแผลเป็น กรณีแผลยุบอาจทำร่วมกับการทำ Subcision หรือการใช้ Biostimulator ร่วมด้วย
- Low Level Light Therapy : เป็นเทคโนโลยีแสงบำบัด มีจุดโดดเด่นในเรื่องเร่งการฟื้นฟูของเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และไม่มีผลข้างเคียง เหมาะสำหรับแผลเป็นแดง แผลเป็นหลังการผ่าตัด รวมถึงการป้องกันแผลเป็นหลังการผ่าตัด เพราะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และลดการอักเสบของแผล ผลลัพธ์เห็นได้ชัดใน 3-4 ครั้ง
4. ฉีดยาสเตียรอยด์
สำหรับแผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูนแดง สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ ร่วมกับการใช้ เลเซอร์รักษาแผลเป็น เช่น Picosecond Laser, Pulsed Dye Laser, RedtouchPro laser ที่ช่วยลดเม็ดสีแดงและความนูนของแผล พร้อมกับการใช้แผ่นซิลิโคนเจลช่วยกดทับแผล เพื่อให้รอยแผลเป็นดีขึ้น
5. ผ่าตัดแผลเป็นออก
การผ่าตัดแผลเป็นออก เป็นวิธีการรักษาแผลเป็นที่เหมาะสำหรับกรณีแผลเป็นขนาดใหญ่ หรือต้องการปรับรูปทรงของแผล รวมถึงเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับแผลเป็นที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผลอีกด้วย
สรุปบทความ
แผลเป็นเป็นปัญหาผิวที่ต้องการการรักษาที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ที่ DSK Acne Scar Excellence Center เราเข้าใจดีว่าแผลเป็นแต่ละประเภทต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน ด้วยประสบการณ์การรักษาที่ยาวนานและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เราจึงสามารถวิเคราะห์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแผลเป็นของคุณโดยเฉพาะนอกจากนี้การรักษาแผลเป็นที่มีประสิทธิภาพต้องพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งประเภทของแผลและสภาพผิวของแต่ละบุคคล แนะนำให้เข้ามาปรึกษาการทำเลเซอร์ลดรอยแผลเป็นตั้งแต่ช่วงที่เริ่มเป็น หรือในกรณีรอยแผลผ่าตัดสามารถเข้ามาปรึกษาตั้งแต่ช่วงที่เริ่มตัดไหม เพราะการเริ่มปรึกษาแพทย์เพื่อรักษารอยแผลเป็นเร็วย่อมดีกว่าเสมอ ที่ DSK Clinic เรามุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคนไข้ ด้วยเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยและเทคนิคที่ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญประกอบกับการวิเคราะห์ปัญหาพร้อมวางแผนการรักษาแบบ ‘เฉพาะบุคคล’ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอนการรักษา พร้อมการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

