คุณหมอขอสรุป

– ชั้นผิวหนังของคนเราจะแบ่งเป็น ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นไขมัน (Subcutis) และชั้น SMAS – หลักการทำงานของ Ulthera VS Thermage เหมือนกันที่เป็นการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่สูงลงสู่ชั้นผิว แต่แตกต่างกันที่ Ulthera ลงลึกถึงชั้นเนื้อเยื่อคลุมกล้ามเนื้อ (SMAS) ส่วน Thermage ลงลึกถึงชั้นหนังแท้ที่มีชั้นของไขมันอยู่ – Ulthera สามารถทำได้ทั่วทั้งใบหน้า รวมถึงยิงเพื่อยกกระชับผิวเนินอกให้เกิดความยกเต่งตึง ส่วน Thermage มีหัวพิเศษสำหรับลดริ้วรอยรอบดวงตา และมีหัวสำหรับ Body ช่วยกระชับไขมันหน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา – เนื่องจาก Ulthera ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ได้ จึงเด่นเรื่องยกผิวผิวหย่อนคล้อย ส่วน Thermage เป็นการส่งพลังงานลงไปให้เกิดการกระชับตัวของผิวและไขมัน แก้ปัญหาผิวขาดความแน่น เฟิร์ม แก้มเยอะ ชั้นไขมันหนา – Ulthera VS Thermage ทั้งสองใช้เวลาเห็นผลได้เร็วใกล้เคียงกัน คืออยู่ที่ 20-30% หลังทำเพียงไม่กี่วัน และเห็นผลชัดเจนสูงสุดหลังทำไปประมาณ 3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี เช่นเดียวกัน – ที่ DSK Clinic นอกจากใช้เครื่องมือของแท้ที่ได้มาตรฐานระดับโลกแล้ว เรามีเทคนิคเฉพาะที่คิดค้นโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และใส่ใจรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน มีการวิเคราะห์ปัญหาแบบ Case by Case และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หากรู้สึกไม่มั่นใจ อยากยกกระชับผิว แต่ไม่รู้จะเลือกทำอะไรดี บทความนี้จะมาแนะนำ Ulthera VS Thermage ตัวช่วยยกกระชับระดับท็อป ที่จะมาทำให้ความมั่นใจของเรากลับคืนมา เปรียบเทียบ Ulthera กับ Thermage ต่างกันยังไง มีข้อดี-ข้อจำกัด อะไรบ้าง เลือกทำแบบไหนดี แล้วทำส่วนไหนได้บ้าง ไปดูกัน 

มารู้จักชั้นผิว ก่อนเริ่มทำ Ulthera VS Thermage

การจะเลือกทำ Ulthera VS Thermage เราต้องทำความเข้าใจเรื่องชั้นผิวหนังของมนุษย์กันก่อน เพราะ Thermage กับ Ulthera นั้นจะลงลึกไปสู่ชั้นผิวที่แตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่าชั้นผิวของคนเราจะมีความเสื่อมถอยลงจากอายุที่มากขึ้น รวมถึงการใช้ชีวิตที่ต้องพบเจอแสงแดด มลภาวะ ที่เข้ามาทำร้ายผิวเป็นประจำ โดยปกติแล้วชั้นผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับความยกกระชับ จะมีอยู่หลักๆ คือ ชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ ชั้นไขมัน และชั้น SMAS 

• ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) คือชั้นผิวที่อยู่ด้านนอกสุด เป็นด่านแรกที่ช่วยปกป้องเราจากมลพิษ สารพิษ แบคทีเรีย เชื้อรา อีกทั้งยังช่วยป้องกันผิวจากการสูญเสียน้ำ
• ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นชั้นผิวหนังที่ถัดลงมาจากชั้นหนังกำพร้า ในชั้นนี้จะประกอบไปด้วยคอลลาเจนและอิลาสติน มีความหนาและความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น เต่งตึง
• ชั้นไขมัน (Subcutis) ชั้นที่อยู่ในสุดของชั้นผิวหนัง ก่อนที่จะถึงชั้นกล้ามเนื้อ ประกอบไปด้วยเซลล์ไขมัน โปรตีนคอลลาเจน และหลอดเลือดต่างๆ 
• ชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) เป็นชั้นของเนื้อเยื่อที่แนบติดชั้นกล้ามเนื้อ และชั้นไขมันบนใบหน้า มีหน้าที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อใบหน้าทั้งหมด ทำหน้าที่พยุงโครงสร้างผิวให้กระชับ

Thermage VS Ultherapy เกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดจากชั้นผิวยังไง? ทั้งสองสามารถยิงพลังงานความร้อนลงลึกสู่ชั้นผิวได้ Thermage ลงลึกถึงชั้น Dermis ช่วยเพิ่มความตึงกระชับ เรียบเนียน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รูขุมขนแลดูเล็กลง ส่วน Ulthera จะลงลึกได้ถึงชั้น SMAS หรือชั้นกล้ามเนื้อส่วนบนเลยทีเดียว ทำให้แก้ปัญหาผิวได้ครอบคลุมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือผิวไม่เรียบเนียน 

Ulthera VS Thermage ทำงานอย่างไร

เมื่อเรารู้จักชั้นผิวหนังกันไปแล้ว หมอก็จะมาพูดถึงความแตกต่างของ Ulthera VS Thermage ในแง่ของการทำงานว่ามีหลักการทำงานอย่างไร รวมถึงการลงลึกสู่ชั้นผิวที่ต่างกัน

หลักการทำงานของ Ulthera

Ulthera จะทำงานโดยใช้วิธีการปล่อยคลื่น อัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ชนิดที่มีคลื่นความถี่สูง ให้ความอุ่นๆ ประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส ลงสู่ชั้นผิวลึกถึง 4.5-5 มิลลิเมตร หรือทะลุชั้นผิวหนังได้ทั้ง 3 ชั้น ไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) โดยจะปล่อยพลังงานเป็นจุดเล็กๆ ขนาด 1 มิลลิเมตร เรียงตัวกันเป็นเส้นตรงใต้ผิวหนัง ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ช่วยยกกระชับแก้ม เหนียง ลำคอ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ผิวของเราสร้างคอลลาเจนอีกด้วย

จุดเด่นของ Ulthera

• Ulthera เป็นเครื่องเดียวในโลกที่มีเทคโนโลยีแสกนชั้นผิว ให้เห็นชั้น SMAS ทำให้แพทย์สามารถเล็งยิงให้โดนถึงชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ ถึงแม้ว่าชั้น SMAS ของแต่ละคนจะลึกไม่เท่ากันก็ตาม
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ เสริมความกระชับ ลดความหย่อนคล้อย
• ลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิว จึงเด่นเรื่องยกผิว เทียบเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้า
• รักษาได้อย่างแม่นยำตรงจุด เพราะเป็นเครื่องในตลาดที่มีระบบแสดงหน้าจอ ทำให้ทุกช็อตที่ยิงตรงเป้า
• เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที 30% และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตลอด 3 เดือนหลังทำ
• ทำครั้งเดียวผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
• ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย

ข้อจำกัดของ Ulthera

• มีค่าใช้จ่ายในการทำค่อนข้างสูง เริ่มต้นประมาณ 20,000-80,000 บาท
• ให้ความรู้สึกเจ็บเหมือนมีหนาม หรือเข็มเล็กๆ ทิ่มแทงลงบนผิว
• อาจเกิดผลข้างเคียงหลังทำ ไม่ว่าจะเป็น ผิวบวมแดง ช้ำ รู้สึกผิวอุ่นๆ ชาๆ หรือเสียวแปลบๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ สามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์

หลักการทำงานของ Thermage

Thermage จะมีหลักการทำงานโดยใช้ความร้อนจากการปล่อยคลื่นวิทยุ (Radio frequency) ความถี่สูง ลงไปในชั้นผิวได้ลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน การปล่อยพลังงานของ Thermage ลองคิดภาพตามง่ายๆ ว่าเหมือนกับการฉายไฟฉายไปบริเวณผิวหนังของเรา โดยคลื่นวิทยุจะกระจายลงสู่ผิวแบบกว้างๆ ครอบคลุมพื้นที่ได้มาก แต่ลงไปไม่เจาะลึกเท่ากับ Ulthera โดย Thermage ช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่ไม่เรียบเนียน หย่อนคล้อย

จุดเด่นของ Thermage

• สามารถยิงลงลึกครอบคลุมพื้นที่ผิวเป็นวงกว้าง
• พลังงานลงที่ชั้นผิว Dermis ซึ่งอยู่เหนือ SMAS จึงเน้นฟื้นฟูให้ผิวแน่น เฟิร์ม หดกระชับ คุณภาพผิวดีขึ้น หน้าเล็กลง
• อาจมีการใช้ Thermage แทนการใช้ Ulthera โดยอาจเปลี่ยนมายิงที่ Dermis  เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า สำหรับเคสที่ชั้น SMAS อยู่ลึกจน Ulthera ยิงไม่ถึง 
• Thermage มีหัว tip สำหรับยกกระชับริ้วรอยรอบดวงตาโดยเฉพาะ  และหัว tip Body ใช้กระชับผิวบริเวณลำตัวได้
• แก้ปัญหาบนใบหน้าได้ครอบคลุมทั้ง ริ้วรอย ร่องแก้มลึก ถุงใต้ตา คิ้วตก ตาตก ไขมันสะสมตามจุดต่างๆ
• เห็นผลลัพธ์ได้ทันที 20% และจะเห็นผลเต็มที่หลังทำ 2-3 เดือน
• ใช้เวลาทำเพียง 40-90 นาทีเท่านั้น
• ทำครั้งเดียวผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
• ไม่มีแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติได้เลย

ข้อจำกัดของ Thermage

• หลังทำอาจเกิดรอยแดงบนผิวบ้าง สามารถหายได้เองใน 1-2 ชั่วโมง
• เกิดอาการผิวไหม้ได้ ถ้าหากหมอที่ทำให้ไม่มีความชำนาญพอในการกำหนดคลื่นพลังงานความร้อนให้เหมาะสมกับผิวหนัง หรือใช้เวลาในการทำนานเกินไป
• การทำกับหมอที่ไม่มีประสบการณ์ อาจไปกระทบกับเส้นประสาทบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าเบี้ยวได้

Ulthera VS Thermage ทำส่วนไหนได้บ้าง

Ulthera VS Thermage สามารถแก้ปัญหาได้หลายจุดทั่วใบหน้า ทั้งแก้ม หน้าผาก คิ้ว ลำคอ เหนียง โดย Ulthera ไม่ได้ทำบนใบหน้าได้เท่านั้น แต่ยังสามารถยิงบริเวณหน้าอกได้ เพื่อยกกระชับผิวเนินอกให้เต่งตึงขึ้น ส่วน Thermage จะมีหัวพิเศษสำหรับยิงทับเปลือกตาบน เพื่อลดริ้วรอยรอบดวงตา นอกจากนี้ยังมีหัว Body ช่วยกระชับหน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา ให้หมดกังวลตลอดทั่วทั้งเรือนร่าง หลังจากทำ Ulthera และ Thermage แล้วมักจะเห็นผลในไม่กี่วันหลังจากทำครั้งแรก จากนั้นจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้นๆ เมื่อผ่านไป 3 เดือน และจะคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี เลย

Ulthera VS Thermage อะไรเห็นผลนานกว่ากัน

Ulthera กับ Thermage ผลลัพธ์ที่ได้เห็นผลได้นานพอๆ กัน คือประมาณ 1-2 ปี แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง และสภาพแวดล้อมที่พบเจอในแต่ละวันด้วย เช่น ผู้ที่โดนแสงแดดบ่อยๆ สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะคงอยู่ไม่นานนัก จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยดังกล่าว

ทำ Ulthera กับ Thermage ที่ DSK Clinic ดีกว่าที่อื่นอย่างไร

การจะเลือกทำ Ulthera กับ Thermage ที่ไหนนั้น นอกจากจะต้องดูว่าเครื่องที่นำมาใช้ต้องเป็นของแท้ที่ได้มาตรฐานแล้ว อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือความชำนาญของหมอที่ทำหัตถการ เพราะการใช้เครื่อง Ulthera กับ Thermage ไม่ใช่การยิงไปเรื่อยๆ เฉยๆ ก็ได้ผล ที่ DSK Clinic เรามีเทคนิคการยิงแบบพิเศษ คิดค้นโดยแพทย์ที่มีความชำนาญสูง และค่อยๆ ทำอย่างใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกท่าน เทคนิคพิเศษที่ทำให้เราแตกต่างจากที่อื่นมีดังนี้

1. Custom Analysis

หมอจะทำการวิเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหาแบบ Case by Case เนื่องจากแต่ละคนมีปัญหาผิวหน้า ผิวกาย ที่ไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อยที่รุนแรงแตกต่างกันไป จึงต้องวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล เพื่อฟื้นฟูผิวกลับมากระชับอ่อนเยาว์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และตรงใจที่สุด 

2. Custom Planing

DSK Clinic เราให้ความสำคัญกับขั้นตอนการวางแผนมาก เพราะการรักษาปัญหาผิว ก็มีความซับซ้อนไม่ต่างจากการรักษาโรคอื่นๆ เลย และไม่ใช่ว่าการทำ Ulthera กับ Thermage ที่เหมือนกันจะให้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน หากขาดการวางแผนที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี เราจึงใส่ใจกับขั้นตอนนี้มาก

3. Custom Technique

หลังจากวิเคราะห์และวางแผนเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการรักษาจริง ที่ทางคลินิกจะมีการใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี และตัวยา ที่เหมาะสมกับแต่ละเคสตามที่ได้วางแผนไว้ การวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล จึงเป็นเทคนิคและมาตรฐานที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของ DSK Clinic

รีวิว Ulthera กับ Thermage ที่ DSK Clinic

* ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสําหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
* ได้รับความยินยอมจากคนไข้ให้ใช้ภาพแ

บรรยากาศภายใน DSK Clinic

ช่องทางการติดต่อ DSK Clinic

DSK Clinic มีทีมแอดมินคอยให้คำ แอดไลน์ปรึกษา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้

สอบถาม จองคิวปรึกษาแพทย์

Facebook: https://www.facebook.com/dsk.clinic/ 
Instagram: https://www.instagram.com/dsk.clinic/ 
YouTube: https://www.youtube.com/@dskclinic 
TikTok: https://www.tiktok.com/@dskclinic

สรุป

Ulthera VS Thermage หลักการทำงานของ Ulthera จะทำงานโดยใช้วิธีการปล่อยคลื่น อัลตราซาวนด์ความถี่สูง ทะลุผิวหนังไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) เน้นยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ให้เต่งตึง กรอบหน้าชัดเจน สำหรับการทำงานของ Thermage จะใช้ความร้อนจากการปล่อยคลื่นวิทยุ ลงไปสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เน้นช่วยให้ผิวแน่นเฟิร์ม ลดการสะสมของไขมัน เพิ่มการสร้างคอลลาเจน ทำได้ทั้งบริเวณผิวหน้าและผิวกาย ถ้าหากยังเลือกไม่ได้ว่าควรจะทำตัวไหนดี ควรพิจารณาดูว่าเราต้องการที่จะแก้ปัญหาอะไร และบริเวณส่วนไหน จากนั้นนัดพบคุณหมอเพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันได้เลย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ulthera VS Thermage (FAQ)

รู้จักการทำ Ulthera VS Thermage กันไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนอายังมีข้อสงสัยหมอจึงรวบรวมคำถามที่พบบ่อยและตอบคำถามเพื่อให้หายข้องใจกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง
1. เจาะลึก Thermage คืออะไร ยกกระชับหน้า ดีหรือไม่? เครื่องไหนดีที่สุด
2. Ulthera คืออะไร ย้อนวัยผิว ยกกระชับหน้าเด็ก ไม่ต้องผ่าตัดทำอย่างไร?
3. Ulthera SPT อัลเทอร่ารุ่นใหม่ อัพเกรดความยกกระชับ
4. Ulthera vs Thermage vs Filler vs Botox อยากใบหน้ายกกระชับทำตัวไหนดี?
5. คัมภีร์ เปรียบเทียบ Ulthera กับ เครื่องยกกระชับ 5 ตัวท็อป