- September 24, 2024
Oligio เครื่องยกกระชับผิวหน้า สลายไขมัน ต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป Oligio คืออะไร ต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร?
– Oligio เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวและสลายไขมันด้วยคลื่นวิทยุชนิด Monopolar RF ช่วยทั้งยกกระชับผิว ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว สลายไขมัน ผิวหน้าเรียวลงอย่างเป็นธรรมชาติ – Oligio ต่างจากหัตถการเสริมความงามอื่นตรงที่ใช้เวลาทำน้อย ไม่ต้องเตรียมตัวมาก ไม่มีการทายาชา หลังทำสามารถทาครีมบำรุง และใช้ชีวิตได้ตามปกติ สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ – ที่ DSK Clinic มีนวัตกรรม Oligio ดำเนินการโดยแพทย์ผิวหนังเลเซอร์เฉพาะทางใช้การเทคนิคการรักษาเฉพาะบุคคล ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด – นอกจาก Oligio ที่ DSK เป็นคลินิกที่รวมเครื่องยกกระชับระดับ USFDA ไว้ครบทั้ง Ulthera, Thermage, Potenza รวมถึงหัตถการฉีดอย่าง Sculptra, Radiesse และ Filler ทำให้ทีมแพทย์มีเครื่องมือครบ จึงสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับคนไข้ได้จริง |
นวัตกรรม Oligio เครื่องมือยกกระชับผิวและสลายไขมันใต้ชั้นผิวด้วยคลื่นวิทยุชนิด Monopolar RF ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย ให้ความรู้สึกสบายขณะทำ และเห็นผลได้ทันทีหลังทำ แต่ Oligio จะมีความน่าสนใจและช่วยแก้ปัญหาผิวเรื่องไหนบ้างนั้น บทความนี้มีคำตอบ
Oligio นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้า คืออะไร
Oligio คือเครื่องยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุชนิด Monopalar RF ความถี่ 6.78 MHz ซึ่งเป็นขนาดความถี่ที่แทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้ คลื่นวิทยุจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวมีความแข็งแรง เรียบเนียน กระชับขึ้น และดูสุขภาพดีขึ้น รวมทั้งยังสลายไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว ส่งผลให้กรอบหน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
Oligio ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
เนื่องจาก Oligio เป็นเครื่องมือที่ส่งคลื่นพลังงานตรงสู่ผิวชั้นลึก ทำให้ Oligio ช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้
- ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวหนังหย่อนคล้อย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นตื้น แก้ไขและชะลอการหย่อนคล้อยของผิวตามวัย ทำให้ผิวแน่นเฟิร์มจากคอลลาเจนใหม่ตามธรรมชาติของร่างกาย
- ช่วยลดริ้วรอยและกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวมีความเรียบเนียนและดูสุขภาพดีขึ้น
- ช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว ทำให้กรอบหน้าเรียวและได้รูปมากขึ้น
Oligio ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Oligio คือ เป็นนวัตกรรมที่สามารถยกกระชับได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยบริเวณที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
- บริเวณทั่วใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ผิวหน้า รอบดวงตา กรอบหน้า ใต้คาง
- บริเวณรอบลำคอ
- บริเวณหน้าท้อง
- บริเวณต้นแขน
Oligio เหมาะกับใครบ้าง
นวัตกรรม Oligio สามารถทำได้หลายจุดจึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวที่หลากหลายดังนี้
- ผู้ที่ปัญหาผิวหน้าหรือผิวหนังหย่อนคล้อย ต้องการกระชับผิวให้กระชับมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการลดปัญหาริ้วรอย กระชับรูขุนขน ปรับร่องแก้มให้ตื้นขึ้น
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหนังตาตก เปลือกตาตก คิ้วตก หรือมุมปากตก
- ผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้ชัด รูปหน้าเล็กลง และดูวีเชฟมากขึ้น
- ผู้ที่ปัญหาเหนียงหรือไขมันใต้คางเยอะ
- ผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดปัญหาหย่อนคล้อยตามวัย
ข้อดีและข้อจำกัดของการทำ Oligio
สำหรับใครที่ลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำ Oligio ดีไหม แนะนำให้ลองพิจารณาข้อดีและข้อจำกัดของการทำ Oligio ดังนี้
ข้อดีของการทำ Oligo
- Oligio เป็นนวัตกรรมที่มีความปลอดภัยกับผิว อีกทั้งขณะทำยังไม่รู้สึกแสบผิวเนื่องจากที่หัวยิงของเครื่อง Oligio มีระบบทำความเย็นอัจฉริยะและระบบสั่น
- ก่อนทำเตรียมตัวน้อย ไม่จำเป็นต้องงดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือยาที่รับประทานเป็นประจำเหมือนหัตถการประเภทอื่น
- หลังทำยังสามารถทาครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวได้ตามปกติด้วย
- การทำ Oligio ใช้เวลาประมาณ 20–30 นาที ซึ่งน้อยกว่าหัตถการยกกระชับประเภทอื่น
- เห็นผลลัพธ์ประมาณ 20% ทันทีหลังทำ
- ไม่มีปัญหาผิวแห้งตามในภายหลัง เพราะไม่จำเป็นต้องทายาชาก่อนทำ
ข้อจำกัดในการทำ Oligio
- ผลลัพธ์หลังทำ Oligio อยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงต้องทำซ้ำหากต้องการให้ผลลัพธ์ต่อเนื่อง
- ไม่เหมาะกับกลุ่มผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ และคนที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ แต่ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องโรคผิวหนัง เริม ผิวอักเสบ หรือติดเชื้อ จำเป็นต้องรักษาให้หายก่อน
ผลลัพธ์หลังทำ Oligio อยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์ของการทำ Oligio จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี เนื่องจาก Oligio จะส่งพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว จึงทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน ทั้งนี้ ระยะความคงทนของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิวเดิม การดูแลตัวเอง และปัจจัยภายนอกอื่นๆ ร่วมด้วย
เปรียบเทียบ Oligio ประสิทธิภาพกับหัตถการอื่น
อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าปัจจุบันมีเทคโนโลยียกกระชับผิวมากมายให้เลือก แต่การทำ Oligio จะแตกต่างจากหัตถการอื่น ดังต่อไปนี้
Oligio VS. Thermage
Thermage เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่ใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ Monopolar RF เช่นเดียวกับ Oligio แต่อย่างไรก็ตาม Oligio กับ Thermage มีความแตกต่างกันดังนี้
- Thermage มีค่าพลังงานที่สูงกว่า ทำให้เกิดอุณหภูมิใต้ผิวที่สูงกว่า ทำให้สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า อย่างไรก็ตามขึ้นกับกดารปรัยบตั้งค่าพลังงานของแพทย์
- Thermage หลังเปิดหัวทิปต้องทำให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง แต่โดยทั่วไปใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ทำให้ไม่สามารถแบ่งหัวทิปได้ ต้องทำให้ครบตามจำนวนต่อ 1 หัวเช่น 900 shot ส่วนนวัตกรรม Oligio ไม่มีข้อจำกันเรื่องเวลา ปล่อยจำนวนช็อตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ปกติจะใช้เวลาในการรักษาไม่เกิน 30 นาที รวมถึงเลือกจำนวนช็อตตามปัญหาและงบประมาณได้
- Thermage ต้องทายาชาก่อนทำ ซึ่งระหว่างทำจะมีความรู้สึกอุ่นและเจ็บเล็กน้อย แต่ Oligio ไม่ต้องทายาชา เพราะทั้งสองเครื่องมีระบบทำความเย็น จึงสบายผิวมากขึ้นขณะทำ
โดยสรุป Oligio และ Thermage ใช้พลังงานเดียวกันแตกต่างที่ความแรง และความลึกของพลังงาน โดย Thermage มีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่ก็มีพร้อม ราคาที่สูงกว่า ในขณะที่ Olgio ราคาถูกกว่า อาจต้องทำบ่อยกว่า หรือเหมาะกับคนปัญหาน้อยกว่า
Oligio VS. Ulthera
Ulthera เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ ซึ่งมีความแตกต่างจาก Oligio ดังนี้
- คลื่นพลังงานของ Ulthera ลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ส่วน Oligio จะลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวเท่านั้น
- อุณหภูมิความร้อนแตกต่างกัน โดย Ulthera คลื่นความร้อนที่ 60–70 องศาเซลเซียส ส่วน Oligio มีความร้อนที่ 40 องศาเซลเซียสเท่านั้น
- Ulthera เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อยกกระชับผิวที่ชั้น SMAS จึงเน้นหน้ายก ขณะที่ Oligio ช่วยเรื่องยกหดกระชับของผิวและลดไขมัน
โดยสรุปทั้งสองเครื่องลงพลังงานคนละชั้นกัน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือกหัตถการที่เหมาะสม
Oligio VS. Ultraformer
Ultraformer หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจง (High Intensity Focus Ultrasound) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5–1 มิลลิเมตร โดย Oligio กับ Ultraformer มีความแตกต่างกันดังนี้
- Ultraformer ส่งคลื่นพลังงานอัลตราซาวนด์ลงลึกไปถึงชั้นหนังถึงชั้น SMAS แต่ขาดความแม่นยำ เพราะไม่ได้ระบบมองเห็นเหมือน Ulthera ทำให้ประสิทธิภาพ อาจไม่แน่นอน แต่ Oligio จะเน้นการลงพลังงานที่ หนังแท้ และไขมัน จึงไม่ต้องการระบบสแกนและมองเห็น
- Ultraformer ในขณะทำมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เพราะพลังงานตรงลึกถึงชั้นหลังแท้ แต่ Oligio จะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะมีระบบทำความเย็นและระบบสั้นทำให้รู้สึกสบายมากกว่า
หากเปรียบเทียบในกลุ่มเครื่องยกกระชับงบประหยัด Oligio เป็นเครื่องที่น่าลงทุนมากกว่า Ultraformer ในงบประมาณที่ไม่แตกต่างกัน
Oligio VS. Hifu
HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิว ตัวอย่างของ HIFU คือ Ultraformer ซึ่งเป็นแบรนด์นึงของ HIFU ด้วยการส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ดังนั้น การเปรียบเทียบ Oligio และ HIFU จึงเหมือนกันการเทียบกับ Ultraformer ในหัวข้อด้านบน
Oligio VS. Volnewmer
Volnewmer เป็นนวัตกรรมยกกระชับที่คล้ายกับ Oligio ตรงที่ใช้คลื่นพลังงานวิทยุ Monopolar RF และให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่มีข้อแตกต่างกันคือ Volnewmer มีระบบทำความเย็นที่ 14 องศา ส่วน Oligio มีระบบทำความเย็นที่ 5 องศา การมีระบบทำความเย็นที่ดีกว่าทำให้สามารถปรับพลังงานได้สูงมากกว่า ทำให้มีประสิทธิภาพในการปล่อยพลังงานได้สูงกว่า เพราะผิวมีระบบป้องกันที่ดีกว่า
ทำ Oligio ร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่
นวัตกรรม Oligio สามารถทำร่วมกับหัตถการเสริมความงามอื่นๆ ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดยหากเป็นการทำพร้อมในครั้งเดียวกันแพทย์จะทำ Oligio ก่อนการฉีด Filler Botox หรือตัวยาชนิดอื่นๆ หากเป็นการทำแยกครั้งกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์อีกครั้ง เพราะตัวยาหรือเครื่องแต่ละเครื่องอาจมีคำแนะนำที่ต่างกันออกไป
การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio มีอะไรบ้าง
- ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการเสริมความงามบริเวณที่ทำ Oligio อย่างน้อย 2 อาทิตย์
- ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวหรือส่งผลให้ผิวบางลง
การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio มีอะไรบ้าง
หลังทำ Oligio สามารถแต่งหน้าทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย โดยส่วนใหญ่จะมีเพียงอาการผิวอมชมพูเท่านั้น ซึ่งเป็นอาการที่สามารถหายเองภายใน 1 ชั่วโมง
Oligio คลินิกไหนก็เหมือนกัน จริงไหม?
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนดู Oligio ที่มีราคาถูกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเป็นนวัตกรรมกระชับผิวที่ปลอดภัยและมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย แต่ในความจริงแล้วควรพิจารณาจากคุณสมบัติของคลินิก โดยควรเลือกคลินิกที่ได้รับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ดำเนินโดยแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
ติดตามโปรโมชั่นอื่นๆที่นี่ dskclinic.com/promotion
ทำ Oligio ที่ DSK Clinic ดีกว่าที่อื่นอย่างไร
คนที่สนใจทำ Oligio แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกทำกับคลินิกไหนดี เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ที่ DSK Clinic ได้ เพราะนอกจากจะเป็นคลินิกที่ได้รับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มาพร้อมเครื่องมือแท้ที่ได้รับรองมาตรฐานในระดับสากล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญแล้ว ทาง DSK Clinic ยังแตกต่างจากคลินิกทั่วไปตรงที่ใช้วิธีการรักษาเฉพาะบุคคล โดยก่อนดำเนินการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ DSK Clinic จะพิจารณาความหย่อนคล้อยหรือปัญหาอื่น ๆ ของผู้ทำ Oligio แต่ละคน เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและตรงกับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษามากที่สุด ซึ่งขั้นตอนของการรักษาที่ DSK Clinic ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
Custom Analysis
ขั้นตอนการวิเคราะห์ผิวของผู้เข้ารับบริการ เพื่อนำไปวางแผนการรักษาโดยพิจารณาระดับการหย่อนคล้อย สาเหตุของความหย่อนคล้อยว่าเกิดจากผิวชั้นใด รวมถึงปัญหาผิวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างตรงจุดและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการของมากที่สุด
Custom Planing
ขั้นตอนการวางแผนการรักษาความหย่อนคล้อยและปัญหาผิวจากผลการวิเคราะห์ในขั้นตอนแรก ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญมากเพราะแก้ปัญหาผิวมีความซับซ้อนไม่ต่างจากการรักษาโรคอื่นๆ
แพทย์จะเลือกเครื่องมือการรักษาทื่เหมาะกับสาเหตุจริง เพื่อให้คนไข้ได้รับการรักษาที่เหมาะกับปัญหาตัวเอง โดย DSK Clinic เป็นคลินิกที่มีเครื่องมือครบระดับ Gold Standard ทั้ง Ulthera, Thermage, Oligio, Potenza, Sculptra, Radiesse, และ Filler ทำให้แพทย์มีเครื่องมือครบในการ Customize แผนการรักษาได้อย่างดีที่สุด
Custom Technique
ขั้นตอนการรักษาจริง ซึ่งนอกจากการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลตามเทคนิคของ DSK Clinic แล้ว ยังต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์และบุคลากรด้วย เพราะถึงจะใช้เครื่องมือเดียวกัน แต่แพทย์ขาดความชำนาญอาจได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างได้
ที่ DSK เราให้ความสำคัญสูงสุดกับการคัดเลือกทีมแพทย์ผิวหนัง ที่ผ่านการศึกษาทั้งปริญญาโทด้านผิวหนัง วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง รวมถึงการศึกษาต่อด้านเลเซอร์ และการปรับรุปหน้าทั้งจากในและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังคัดเลือกแพทย์ผ่านการทดสอบฝีมือจริง ไม่ใช่เพียงวุฒิบัตรทางการศึกษาเท่านั้น
นอกเหนือจากเรื่องความเชี่ยวชาญและฝีมือ DSK ยังคัดเลือกแพทย์ที่มีแนวคิดและหัวใจความเป็นแพทย์ ต้องการรักษาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจริง ตามหลักการแพทย์อีกด้วย
ราคาโปรแกรม Oligio
โปรแกรม Oligio 300 Shots ราคา 15,000 บาท
*เฉพาะสาขาปิ่นเกล้า
Facebook: https://www.facebook.com/dsk.clinic/
Instagram: https://www.instagram.com/dsk.clinic/
YouTube: https://www.youtube.com/@dskclinic
TikTok: https://www.tiktok.com/@dskclinic
Oligio เป็นหนึ่งในนวัตกรรมยกกระชับผิวน่าสนใจ เพราะช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งยกกระชับผิว ลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว กระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เรียบเนียน และลดโอกาสเกิดความสูญเสียคอลลาเจนเมื่ออายุมากขึ้น รวมทั้งยังแตกต่างจากหัตถการอื่นตรงที่ใช้เวลาทำน้อยกว่า มีระบบทำความเย็นและระบบสั้น ทำให้รู้สึกสบายขณะทำ ปลอดภัยด้วยไม่มีการทายาชาหรือวางยาสลบ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาและวิเคราะห์ว่าปัญหาของคนไข้เหมาะกับ Oligio หรือไม่ หรือเหมาะกับเครื่องยกกระชับอื่นมากกว่า
โดยที่ DSK นอกจากเราจะรวมเครื่องยกกระชับระดับ USFDA ที่ลงพลังงานได้ถึง ชั้นผิวทุกชั้นแล้ว ที่ DSK เรายังรวมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของประเทศ ผสานกับเทคนิคเฉพาะของ DSK ในการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์การรักษาสูงสุดอีกด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Oligio (FAQ)
สำหรับคนที่ยังมีคำถามเกี่ยวกับการทำ Oligio เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยและคำตอบสั้นๆ ไปดูกันเลย
ทำ Oligio เจ็บไหม
ไม่เจ็บ เพราะเครื่อง Oligio มีระบบทำความเย็นและระบบสั่น ทำให้รู้สึกสบายผิวขณะทำ
Oligio อยู่ได้นานแค่ไหน
ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับอายุ การดูแลตัวเอง สภาพผิวเดิม และปัจจัยภายนอก
ต้องทำ Oligio บ่อยแค่ไหน
ปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง
หลังทำ Oligio ทาครีมได้ไหม
สามารถทาครีมบำรุงได้ตามปกติ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เทียบให้ชัด! Ulthera VS Thermage ตัวช่วยยกกระชับ ทำตัวไหนดี
- เจาะลึก Potenza เลเซอร์ทางเลือกใหม่ ยกกระชับปรับผิวเนียน
- คัมภีร์ เปรียบเทียบ Ulthera กับ เครื่องยกกระชับ 5 ตัวท็อป
- เจาะลึก ทำไมต้องยกกระชับที่ SMAS รู้ก่อนตัดสินใจเลือกเทคโนโลยี
- เจาะลึก Thermage คืออะไร ยกกระชับหน้า ดีหรือไม่? เครื่องไหนดีที่สุด