- Blog
- Custom Scar Planning
- July 16, 2023
รักษาหลุมสิวให้หายขาดด้วยแผน Custom Scar
คุณหมอขอสรุป รักษาหลุมสิว-แผลเป็นจากสิว ด้วยแผน Custom Scar ที่ DSK Clinic ดียังไง ?
– Custom Scar Planning คือการรักษาแบบ “เฉพาะบุคคล” เพราะหลุมสิวแต่ละประเภทนั้นต้องถูกรักษาด้วยวิธีที่ต่างกันออกไป การเลเซอร์เพียงอย่างเดียว “ไม่สามารถรักษาหลุมสิวให้หายขาดได้”หมอต้องเล่าให้ฟังก่อนนะครับว่า หลุมสิวนั้นมีหลายประเภท เพราะฉะนั้นการรักษาก็จะต่างกันไปด้วย ซึ่งในการรักษาหลุมสิวแต่ละวิธีก็จะเหมาะกับหลุมสิวที่ต่างกัน การปรับใช้ให้เหมาะกับคนไข้จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นธรรมชาติ และช่วยให้มีสุขภาพผิวที่แข็งแรงกว่าการเลือกใช้การรักษาแบบเดิมๆ – การเลือกทำเลเซอร์โดยขาดการวิเคราะห์และวางแผน ตามประเภทหลุมสิว มักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การรักษาหลุมสิวไม่หายสักที สิ้นเปลืองค่ารักษา แม้จะรักษามายาวนานหลายปี และเป็นปัญหาหลักที่หมอพบในคนไข้ที่เคยรักษาหลุมสิวในไทย – นอกจากนั้นปัจจัยที่ทำให้การรักษาหลุมสิวไม่ประสบความสำเร็จคือการตั้งค่าเครื่องมือที่ทำแบบไม่เฉพาะเจาะจงบุคคล และชนิดเครื่องมือ หากเป็นเครื่องที่เป็นเทคโนโลยีเก่า อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีพอ (ต้องมีทั้งตัวเครื่องที่ประสิทธิภาพดีประกอบกับเทคนิคของคุณหมอที่ดี) และคนไข้ส่วนมากมักได้ทำเลเซอร์ โดยไม่ได้ใช้เทคนิคที่เอาไว้จัดการหลุมสิวเฉพาะประเภท เช่น การตัดพังผืด ทำให้แม้ทำเลเซอร์หลุมสิวแล้ว หลุมสิวก็ยังไม่ดีขึ้น ในขณะที่คนไข้บางคน แม้จะได้รับการรักษาโดยเทคนิคเฉพาะกับหลุมสิว เช่น การตัดพังผืด แต่หากตัดไม่ดีพอ ก็อาจทำให้หลุมสิวไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรเช่นกัน – หลายครั้งคนไข้มักเลือกรักษาด้วยตนเอง หรือเลือกตามกระแสการตลาด ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ตอบโจทย์ความคาดหวัง เพราะเลือกการรักษาที่ไม่ตรงกับปัญหาหลุมสิวของตัวเองจริงๆ ดังนั้น การเข้ารับบริการ Custom Scar Planning กับ DSK จะช่วยออกแบบการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะสม การันตีผลลัพธ์ที่ดีได้เลยครับ |
หลุมสิวคืออะไร มีประเภทใดบ้าง ?
หลุมสิว เป็นกลุ่มหนึ่งของแผลเป็นจากสิว เกิดจากสลายของเนื้อเยื่อหลังการอักเสบของสิว ที่อาจจะเกิดหลังสิวหายตามปกติ หรือเกิดจากการดูแลสิวผิดวิธี ส่งผลให้ผิวหน้ากลายเป็นหลุมหลุมสิว ซึ่งหลุมสิวอาจเป็นแค่หลุมวงเล็กๆ ผิวไม่เรียบเนียน ไปจนถึงหลุมลึกแบบเห็นได้ชัดเจนก็ได้
โดยกระบวนการเกิดหลุมสิว คือ การที่เนื้อเยื่อตรงที่เคยเป็นหัวสิวอักเสบนั้นยุบลงจนกลายเป็นแผลเป็นจากสิว เพราะสิวที่อักเสบมีทั้งเชื้อแบคทีเรีย และหนองอยู่ ก่อให้เกิดเอนไซม์ที่ทำให้คอลลาเจน และเนื้อเยื่อโดยรอบถูกทำลาย กล่าวคือ ถ้าสิวอักเสบเม็ดเล็กก็จะทิ้งแผลเป็นขนาดเล็ก ส่วนถ้าเม็ดใหญ่ที่ลงลึกถึงผิวหนังชั้นในก็จะเกิดเป็นหลุมลึก และพังผืดตามมา มักพบได้บ่อยบริเวณหน้าแก้ม คาง หรือจมูก ส่วนใหญ่มักเป็นสิวเม็ดใหญ่ เช่น สิวหัวช้าง หรือสิวอุดตัน การใช้ Skincare เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการรักษา
โดยหลุมสิวและแผลเป็นรูปแบบต่างๆ สามารถจำแนกออกได้ 5 ประเภท ดังนี้
Ice Pick Scar
หลุมสิวแบบ Ice Pick Scar เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นหลุมลึกและปากหลุมแคบ ถือเป็นหลุมสิวที่มีความรุนแรงระดับสูงสุด และต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน เพื่อให้รอยหลุมตื้นขึ้น
วิธีการรักษา
หลุมสิวประเภทนี้ หากทำการรักษาด้วยการใช้ทรีตเมนต์ (Treatment) ยา หรือสกินแคร์ ถือว่ายังไม่เพียงพอ แต่ควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น ซึ่งหมออาจแนะนำให้ทำเลเซอร์ที่ใช้รักษาหลุมสิวได้ เช่น Potenza, Infini, Picosecond Laser ร่วมกับ การใช้เทคนิคกระตุ้นฐานหลุม TCA CROSS Technique
Boxcar Scar
หลุมสิวแบบ Baxcar Scar คือ หลุมสิวที่มีลักษณะเป็นบ่อ มีขนาดกว้าง ขอบหลุมสิวชัดเจน มีความลึกประมาณ 3 – 5 มิลลิเมตร ถือเป็นหลุมสิวที่รักษายากระดับปานกลาง โดยสาเหตุของหลุมสิวประเภทนี้ เกิดจากการเป็นสิวอักเสบในชั้นผิวหนัง และคนที่เป็นโรคอีสุกอีใส
วิธีการรักษา
หลุมประเภทนี้การรักษาหลักคือการใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ (Radio Frequency; RF) ที่กระตุ้นการสร้างใหม่ของคอลลาเจน เช่น Potenza , Infini หรือ Picosecond Laser โดย Potenza และ Infini จะได้เปรียบเรื่องการกระตุ้นฐานหลุม ส่วน Picosecond Laser จะได้เรื่องการเกลี่ย ความละเอียดด้านบน และเกลี่ยขอบหลุม ทำให้หลายครั้งเราอาจต้องใช้สองเลเซอร์ร่วมกัน
Rolling Scar
หลุมสิวแบบ Rolling Scar มีฐานกว้าง ขอบหลุมสิวไม่ชัด มีลักษณะคล้ายคลื่น มักมีผังผืดใต้หลุม การรักษาด้วยการทำเลเซอร์อย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ แนะนำให้ตัดผังผืดร่วมด้วย
วิธีการรักษา
มีความเข้าใจที่ผิดว่าการใช้วิตามินเอชนิดทาสามารถช่วยรักษาหลุมสิวได้ แต่ที่จริงแล้วยาทาทุกชนิดไม่สามารถช่วยรักษาหลุมสิวได้เลย การรักษาหลักคือการใช้คลื่นวิทยุที่เข้มข้นและลงได้ลึกเช่น Potenza และ Infini กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ร่วมกับการตัดผังผืดด้วยเทคนิค Fibrous Scar Planning เพราะหลุมกลุ่มนี้มักมีผังผืดที่เหมือนรากยึดไว้ใต้หลุม หากไม่มีการตัดผังผืด ก็ยากที่หลุมสิวจะตื้นขึ้น
ภายหลังการตัดผังผืดอาจมีการใช้กลุ่ม Cross-Linked Hyaluronic acid ในเทคนิคที่จำเพาะเพื่อลดการเกิดผังผืดใหม่ หรือใช้กลุ่ม Biostimulator เช่น Sculptra เพื่อกระตุ้นการเกิดคอลลาเจนใหม่ให้ดีขึ้น (Sculptra จะเข้าไทย มิ.ย. 66 และ DSK เป็นคลินิกกลุ่มแรกที่ผ่านการรับรองและให้บริการได้)
Hypertrophic Scar
แผลเป็นแบบ Hypertrophic Scar มักพบได้บ่อยบริเวณหน้าอก แผ่นหลัง และใบหน้าได้เช่นกัน โดยมักมีลักษณะเป็นรอยแผลแบบนูน เหนือผิวปกติ และมีสีที่คล้ำกว่าสีผิวปกติ อาจเป็นสีดำหรือสีแดง ขนาดของแผลเป็นที่จะคงที่ ไม่เติบโตขยายใหญ่ไปจากขนาดเดิม ซึ่งหากขนาดคงที่จะเรียกว่า Hypertrophic scar หากมีการขยายขนาดขึ้น จะเรียกว่า Keloid scar ซึ่งรักษายากกว่า
แผลเป็นนูนทั้งสองชนิด อาจเกิดจากการเป็นแผล หรือการเป็นสิวได้เช่นกัน ซึ่งแนวโน้มการเกิดแผลเป็นนูนง่ายหรือยากในแต่ละคนมีความแตกต่างกัน โดยมักมีสาเหตุจากการผ่าตัดเย็บแผล ที่ทำให้เกิดคอลลาเจนส่วนเกินขึ้นได้
วิธีการรักษา
Hypertrophic Scar ส่วนมากต้องทำการรักษา โดยการรักษามีตั้งแต่การใช้ยาฉีด และเลเซอร์ ขึ้นกับลักษณะแผล หากมีรอยแผลเป็นชนิดนี้ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อวางแผนและแนวทางการรักษาอย่างเป็นขั้นตอน
Keloid Scar
หลุมสิวแบบ Keloid Scar นั้น มักพบได้บ่อยบริเวณ หัวไหล่ ใบหู และติ่งหู มีลักษณะเป็นเม็ดนูน หรือก้อน ยืดหยุ่นได้ มักมีสีแดงแข็ง และในบางเคสอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งแผลเป็นชนิดนี้สามารถขยายใหญ่ขึ้นได้ เหมือนเนื้องอกแผลเป็นประเภทหนึ่ง มีขอบเขตมากกว่าต้นกำเนิดของแผลเดิม
โดยสาเหตุหลัก เกิดจากการที่แผลเป็นมีการสร้างคอลลาเจนมากเกินกว่าปกติ ซึ่งตัว Keloid จะมีความคล้ายคลึงกับ Hypertrophic แต่ Keloid สามารถขยายขนาดได้ เหมือนเนื้องอกแผลเป็นประเภทหนึ่ง มีขอบเขตมากกว่าต้นกำเนิดของแผลเดิม ทำให้รักษาได้ยากมากกว่า
วิธีการรักษา
วิธีการรักษา Keloid Scar ขึ้นอยู่กับลักษณะของแผล โดยสามารถทำได้โดยการผ่าตัด เลเซอร์ หรือฉีดยา ซึ่งการรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดขึ้นซ้ำได้อีกด้วย
การรักษาแบบ Custom Scar Planning คืออะไร ?
Custom Scar Planning คือ เทคนิคการออกแบบการรักษาหลุมสิวเฉพาะบุคคล เป็นเทคนิคที่เกิดจากการรวมงานวิจัยเรื่องหลุมสิวทั่วโลก เพื่อให้สามารถนำเอาเทคนิคที่ดีเหล่านั้นมาออกแบบให้เหมาะกับปัญหาผิวหน้าของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมและดีที่สุด กล่าวคือ แม้ว่าจะมีการใช้อุปกรณ์เครื่องมือการรักษาเหมือนกัน แต่จะมีการวิเคราะห์ และวางแผนอย่างละเอียดให้เข้ากับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล
โดย Custom Scar Planning ประกอบไปด้วย 4 เทคนิคหลัก ดังนี้
- Custom Analyse คือ การวิเคราะห์ปัญหา และวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อตรวจสอบว่าหลุมสิวของแต่ละบุคคลว่าเป็นแบบไหน เนื่องจากหลุมสิวมีหลายประเภท และในแต่ละประเภทก็มีการรักษาที่แตกต่างกัน รวมถึงยังมีการวิเคราะห์ระดับความรุนแรง หรือความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่มีผลต่อการรักษาหลุมสิวหรือไม่ เช่น อาจมีโรคผิวหนังอื่นๆ ฝ้า และจุดด่างดำ เพราะทุกรายละเอียดมีผลต่อการวางแผนรักษาด้วยการทำเลเซอร์
- Custom Laser ขั้นตอนนี้ คือ การเลือกเลเซอร์ให้เหมาะสมกับประเภทของหลุมสิว หรือลักษณะหลุมสิว ซึ่งเลเซอร์แต่ละตัวก็ให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของหลุมสิวด้วย ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบเพื่อให้ได้เลเซอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาหลุมสิวที่เกิดขึ้น
- Custom Specific Scar Procedure เป็นขั้นตอนที่ต้องเลือกเทคนิคหรือหัตถการที่เฉพาะเจาะจงกับประเภทหลุมสิวนั้นๆ เพื่อให้การรักษาหลุมสิวแต่ละประเภทได้ผลสูงสุด
- Custom Technique คือ การปรับเทคนิคตามหน้างาน โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล การใช้เลเซอร์ตัวเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจออกมาไม่เหมือนกัน การตั้งค่าเลเซอร์จึงสำคัญมาก และเลเซอร์ไม่ใช่ทั้งหมดของการรักษาหลุมสิว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต้องทำการวิเคราะห์ และรักษาตามประเภทของหลุมสิวด้วย
ขั้นตอนในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว กับ DSK
ขั้นตอนในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวของ DSK จะใช้การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหา และสาเหตุของแต่ละบุคคล เพื่อดูประเภทของปัญหา ระดับความรุนแรง สภาพผิวหนัง หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจมีผลต่อการรักษา นอกจากนี้ หมออาจดูความต้องการในการรักษาของผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วย
ต่อมา หมอจะทำการวางแผนรักษาตามข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ และวินิจฉัย ซึ่งเริ่มตั้งแต่ลำดับขั้นตอนก่อนรักษา การเตรียมตัว ระยะห่างในการรักษา ขั้นตอนการรักษา เทคนิคที่ใช้ การตั้งค่าพลังงาน หรือหากมีการรักษาแบบอื่นๆ ที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น ไปจนถึงหลังการรักษา และการดูแลตัวเอง
ก่อนมาถึงขั้นตอนการรักษา ซึ่งเป็นการนำเอาแผนทั้งหมดมาใช้จริง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยอาศัยเครื่องมือที่มีมาตรฐานระดับ USFDA หลายเครื่อง ตัวยาหลากหลายชนิด เพื่อให้เหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ซึ่งแม้จะใช้เครื่องมือเดียวกัน ยาชนิดเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกัน คือ เทคนิคและวิธีการในการรักษา เพราะปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความละเอียด และความแม่นยำในการออกแบบเทคนิคเฉพาะบุคคลจึงเป็นมาตรฐานสำคัญ
การรักษาหลุมสิว-แผลเป็นจากสิว สามารถทำได้อย่างไรบ้าง ?
การรักษาหลุมสิวหรือแผลเป็นจากสิวนั้นไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว เพราะหลุมสิวนั้นมีหลายประเภทมาก การรักษาจึงปรับเปลี่ยนไปตามประเภทของหลุมสิวหรือแผลเป็นนั้นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งสามารถทำการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลย
1. การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์
การรักษาด้วยเลเซอร์ ถือเป็นวิธีที่เหมาะกับหลุมสิวทุกประเภท และเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเห็นผลลัพธ์ได้ดีและรวดเร็ว โดยเลเซอร์มีทั้งชนิดลอกผิว และไม่ลอกผิว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่จะทำการแนะนำให้เหมาะสมกับลักษณะหลุมสิวในแต่ละเคส
หลักการของเลเซอร์ และคลื่นวิทยุในการรักษาหลุมสิว คือ กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ถาวร โดยเลเซอร์แต่ละประเภทจะต่างกันที่การลงลึกที่ต่างกัน ระดับของแผลที่ต่างกัน
ในความเห็นของหมอ “เลเซอร์เป็นการรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด” เพราะสามารถกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื้ัอใหม่ถาวรได้ โดยเรียงลำดับตามความสามารถในการรักษาหลุมสิว ดีที่สุดคือ Potenza ตามมาด้วย Infini และ Picosecond Laser ในกรณีหลุมสิวไม่มาก
ไม่ว่าจะเป็นหลุมประเภทไหน โดยปกติก็จะต้องใช้เลเซอร์เป็นพื้นฐาน เพราะต้องการสร้างคอลลาเจนใหม่ อาจมีความแตกต่างในเรื่องเลเซอร์ที่เลือกใช้ หลุมสิวแต่ละประเภท รวมถึงการตั้งค่าเครื่องให้เหมาะกับสภาพปัญหา แม้หลุมแต่ละประเภทจะต้องการการรักษาที่จำเพาะเจาะจง แต่เลเซอร์ยังเป็นสิ่งที่หลุมสิวทุกประเภทต้องการ
การรักษาหลุมสิวโดยไม่ใช้เลเซอร์ เช่น การตัดผังผืดอย่างเดียว แต่ไม่ทำเลเซอร์ จึงไม่ใช่สิ่งที่หมอแนะนำ เพราะทำให้ขาดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
โดยเครื่องเลเซอร์มีหลายแบบที่นิยมใช้กัน ยกตัวอย่างเช่น
- Pico Laser คือ การยิงเลเซอร์เข้าไปทำลายเซลล์ส่วนที่เราไม่ต้องการ เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
- Potenza คือ การรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุ ในโหมด Bipolar (หรือ Fractional RF) ที่พลังงานลงถึงผิวชั้นตื้น แต่พลังงานเข้มข้นมากเพียงพอในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างถาวรเพื่อพยุงหลุมสิวให้ตื้นขึ้น รูขุมขนก็ดูเล็กลงด้วย
- Infini คือ การรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุแบบ Fractional RF มีเข็มที่ลงถึงผิวชั้นตื้นและปล่อยพลังงานได้ตรงจุด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนถาวร พยุงหลุมสิวให้ตื้นขึ้น
- e-Matrix, Venus Viva คือ Fractional RF รุ่นเก่า ที่ปล่อยพลังงานลงผิวชั้นตื้นได้ แต่ได้ผลไม่ชัดเจนในหลุมสิวที่เป็นมานาน หรือหลุมสิวที่ลึก
- eCO2, ActiveFx, Fraxel Repair เป็นชื่อเรียกการรักษากลุ่ม Fractional CO2 Laser ที่ใช้เลเซอร์ยิงโดยตรงไปบนผิว หวังผลกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว แต่พลังงานที่ค่อนข้างสูงกระทบบนผิวชั้นบนจึงมีโอกาสเกิดรอยดำสูงมาก
แม้การรักษาหลุมสิวด้วยการทำเลเซอร์หลุมสิวราคาจะสูงเมื่อเทียบกับสกินแคร์ แต่สามารถคาดหวังผลได้จริง และเป็นการรักษาที่เห็นผลลัพธ์ในระยะยาว
ข้อดี
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลัดเซลล์ผิวเก่า และสร้างเซลล์ผิวใหม่
- ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้น
- ลดปัญหารูขุมขนกว้าง
- เห็นผลลัพธ์ได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ข้อเสีย
- มีผลข้างเคียง อาจเกิดเป็นผิวตกสะเก็ด ผิวแห้ง หรือผิวลอก
- ใช้เวลาพักฟื้นผิวค่อนข้างนาน แต่เลเซอร์บางตัวก็อาจใช้เวลาไม่นาน
- ต้องเลี่ยงโดนแสงแดด เพราะอาจทำให้ผิวหมองคล้ำ และเป็นรอยได้ง่าย
2. การเซาะพังผืดใต้หลุมสิว
การเซาะพังผืดหรือ การเลาะพังผืด (Subcision) คือ การใช้เข็มลักษณะพิเศษที่สามารถสอดลงไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อทำการเลาะ เซาะ หรือตัดพังผืดใต้ผิวหนังออก เหมาะกับผู้ที่เกิดปัญหาหลุมสิวมานานแล้ว มักเป็นหลุมสิวประเภท Rolling scar และ Box scar โดยการรักษาแบบนี้จะทำแบบเว้นระยะในการทำแต่ละครั้ง 3 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้มีช่วงการสร้างคอลลาเจนมาเติมเต็มในช่องว่างที่ตัดพังผืดออก
ข้อดี
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
- สามารถทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวได้ เพื่อให้เห็นผลเร็วขึ้น และลดโอกาสการเกิดพังผืดใหม่
ข้อเสีย
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการบวม เขียว หรือช้ำได้
- ควรทำร่วมกับเลเซอร์ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเนื้อเยื่อใหม่ร่วมด้วย
- การตัดผังผืดมีหลายเทคนิค บางเทคนิคที่ใช้ในปัจจุบันไม่ได้ผล
3. การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
การฉีดฟิลเลอร์ (Fillers Injection) คือการนำสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) มาฉีดเพื่อเติมหลุมสิวให้ผิวดูเติมขึ้น ถือเป็นการแก้ปัญหาหลุมสิวฉบับเร่งด่วน นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวอิ่มน้ำ และดูชุ่มชื้นขึ้น
ข้อดี
- สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำเสร็จ
- ไม่ทิ้งรอยแผล
- ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
ข้อเสีย
- ต้องใช้หมอที่มีความชำนาญในด้านนี้ เพราะเคสที่มีปัญหาหลุมสิวแบบมีพังผืดนั้น หมอต้องให้เข็มเซาะพังผืดควบคู่ไปกับการฉีดฟิลเลอร์
- การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวอย่างเดียวจะได้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ทาง DSK เราจึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวก็ต่อเมื่อมีการตัดผังผืดด้วยเทคนิค Fibrous Scar Surgery และต้องการมีการกระตุ้นเนื้อเยื่อใหม่ถาวรด้วยเลเซอร์ หรือคลื่นวิทยุเท่านั้น จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ถาวร และระยะยาว
4. การใช้เข็ม Skin Needling (หรือ DermaPen)
การใช้เข็ม Skin Needling คือ การรักษาโดยการใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากแตะลงบนผิว เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ สร้างคอลลาเจน และอิลาสตินของผิวใหม่ ทำให้ผิวซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังจะทำการแทงเข็มลึกลงไปเล็กน้อย เพื่อให้เกิดผลที่ผิวหนังในชั้นลึกลงไป โดยจะลึกประมาณ 1.5 – 2 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับหลุมสิวว่าลึกมากแค่ไหน โดยวิธีนี้ เป็นวิธีที่ ทีมแพทย์ DSk ไม่แนะนำ เพราะได้ผลน้อยมาก หวังผลคล้ายเลเซอร์คือกระตุ้นเนื้อเยื่อใหม่ และเนื่องจากไม่มีการใช้พลังงานร่วมด้วยทำให้ผลลัพธ์น้อยกว่าเลเซอร์มาก
ข้อดี
- ราคาถูก เครื่องมือราคาไม่แพง
- อาศัยเครื่องมือน้อย
ข้อเสีย
- ได้ผลน้อยมาก หรือไม่ได้ผลเลย หมอจึงไม่แนะนำ
- มีผลข้างเคียง เช่น หน้าบวม แดง และตกสะเก็ด
- ใช้เวลาในการพักฟื้น แต่อาจใช้เวลาสั้นกว่าการทำเลเซอร์
- เสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายมาก หากทำในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน
5. การใช้ RF
การใช้ RF หรือการใช้คลื่นวิทยุ มีลักษณะคล้ายๆ กับการใช้เลเซอร์ คือการปล่อยพลังงานให้เกิดความร้อนที่ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้สร้างคอลลาจนที่ผิวชั้นล่าง ซึ่งในส่วนเครื่อง Fractional RF ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละแบบ เช่น
- eMatrix เป็นแบบปล่อยพลังงานจากผิวชั้นบน ไม่มีการใช้เข็มเพื่อส่งพลังงานไปยังชั้นลึก พลังงานจะแผ่จากผิวชั้นบนสุดลงด้านล่าง พลังงานเน้นลงด้านบนเป็นส่วนมาก แต่อาจลงลึกได้ไม่มากพอ ประสิทธิภาพการกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวชั้นลึกไม่ดีนัก ถือเป็นเครื่องยุคเก่าแล้ว
- Venus Viva เป็นแบบปล่อยพลังงานผ่านเข็มเล็กๆ เข็มสั้น 0.5 มิลลิเมตร ปรับความลึกไม่ได้ ซึ่งให้ผลลัพธ์ไม่ได้ต่างจาก eMatrix มากนัก
- Fractora เป็นเครื่องที่มีเข็ม แต่ปรับความลึกของเข็มไม่ได้ ประสิทธิภาพลงลึกได้ดีกว่า eMatrix และ Venus Viva และจำกัดความลึกประมาณ 1 มิลลิเมตร ใต้ผิว ทำให้ได้ผลดีไม่เท่ากับกลุ่มเครื่องที่ปรับความลึกได้ และเนื่องจากไม่มีฉนวนป้องกันผิว ทำให้เกิดสะเก็ดที่ผิวชั้นบนค่อนข้างเยอะ
- Infini เป็นแบบที่สามารถปรับความลึกของเข็มได้ และมีฉนวนหุ้มด้านบน ทำให้ผิวด้านบนไม่เสียหาย มี Downtime ที่ต่ำ โอกาสเกิดรอยดำน้อยกว่า เข็มปรับให้ลงลึกได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับผิวของคนไข้ที่มีความหนาแตกต่างกัน หมอจะวิเคราะห์โครงสร้างผิวเพื่อปรับระดับความลึก และค่าพลังงานที่เหมาะสมในการกระตุ้นชั้นคอลลาเจน
- Potenza รูปแบบเดียวกับ Infini นอกจากการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อรักษาหลุมสิวแล้ว ยังเหนือกว่าที่สามารถปรับโหมดการส่งพลังงานได้สองรูปแบบ โดยรูปแบบ Monopolar ที่แผ่พลังงานทางกว้าง และลงชั้นลึกขึ้น ทำให้เกิดการยกกระชับ และสลายไขมันใต้ชั้นผิวได้ ได้ทั้งการรักษาหลุมสิว รูขุมขน ริ้วรอย และยกกระชับผิวได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ยังมีความทันสมัยที่เครื่องสามารถรับรู้ความต้านทานของผิว ทำให้ปล่อยพลังงานได้แม่นยำกว่า
ข้อดี
- แนะนำ Potenza และ Infini มากที่สุดในปัจจุบัน สำหรับรักษาเรื่องหลุมสิว
- บางรุ่นสามารถกำหนดค่าพลังงานได้ หรือกำหนดความยาวเข็มได้ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น
ข้อเสีย
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น หน้าบวม หรือหน้าแดง
- ต้องใช้เวลาพักฟื้นผิวหน้า แต่เมื่อเทียบกับการรักษาแบบอื่น ถือว่าใช้เวลาสั้นกว่ามาก
6. การกินวิตามินรักษาสิว
วิธีกินวิตามินเพื่อรักษาหลุมสิวเป็นเพียงความเชื่อที่ว่าวิตามินจะช่วยรักษาเซลล์จากภายใน แต่ที่แท้จริงแล้ว หลุมสิวเป็นลักษณะที่เกิดขึ้นทางกายภาพบนผิวหนัง วิตามินไม่สามารถเข้าไปช่วยซ่อมแซม หรือเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้
ข้อดี
- ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บ
- ราคาไม่สูงมาก
- ไม่ต้องมีเวลาพักฟื้น
ข้อเสีย
- ไม่เห็นผลเลย
7. การผ่าตัดหลุมสิว
การผ่าตัดหลุมสิว (Punch Excision) เป็นวิธีการรักษาที่จะใช้เครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็ก ประมาณ 2 – 3 มิลลิเมตร ตัดบริเวณที่เป็นหลุมสิวออก แพทย์จะทำการดึงเนื้อรอบๆ ทั้ง 2 ข้างที่เป็นผิวปกติมาเย็บติดกัน วิธีนี้จะเหมาะกับหลุมสิวประเภท Ice pick scar ที่เกิดปัญหาหลุมสิวมานานแล้ว และหลุมสิวประเภท Box scar แต่ต้องมีขอบกว้างไม่เกิน 3 มิลลิเมตร เพราะถ้าหากหลุมสิวใหญ่ หลังผ่าตัดอาจทำให้เกิดแผลเป็นที่ไม่สวยงามได้ หรือหลุมสิวประเภทที่ไม่ตอบสนองกับการรักษาแบบอื่นๆ
ข้อดี
- เป็นการรักษาที่เห็นผลได้ชัดเจน เพราะมีการทำลายพังผืดที่เป็นสาเหตุของหลุม และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้หลุมถูกเติมเต็มขึ้น
ข้อเสีย
- ใช้เวลาในการพักฟื้น และต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
- หลังจาก 2 สัปดาห์ ต้องกลับไปตัดไหมที่เย็บแผล ซึ่งทำให้เกิดเป็นรอยเส้นตรง และต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน รอยเส้นตรงถึงจะดีขึ้น แต่หมอจะเลือกทำเฉพาะเคสเท่านั้น
- หลังผ่าตัดต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 2 สัปดาห์ มิเช่นนั้นอาจใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่ค่อยสะดวก ไม่เหมาะกับคนที่ต้องใช้งานผิวหน้าเร่งด่วน
- ห้ามโดนน้ำอย่างน้อย 3 วัน หลังผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองได้
8. การรักษาหลุมสิวด้วยการกรอหน้า
การรักษาหลุมสิวด้วยการกรอหน้า (Dermabrasian) เป็นวิธีการรักษาหลุมสิวด้วยการผลัดเซลล์ผิว โดยการใช้เกล็ดอัญมณีขนาดเล็ก เพื่อสร้างบาดแผลเล็กๆ และให้ร่างกายกระตุ้นคอลลาเจนขึ้น มักใช้กับหลุมสิวประเภท Rolling Scar หรือ Box Scar ถือเป็นวิธีการรักษาที่ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญในการกรอผิวหน้าส่วนที่เป็นแผลเป็นออก เพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะทำให้ลดรอยสิวหลุมสิว และแผลเป็นได้ รวมถึงลดจุดด่างดำ ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น โดยผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ และโดยทั่วไปจะทำต่อเนื่อง 8 – 10 ครั้ง ขึ้นอยู่กับผิวหน้าของแต่ละเคส อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นวิธียุคเก่า ปัจจุบันไม่แนะนำแล้ว เพราะได้ผลน้อยมาก หมอขอแนะนำการให้รักษาด้วยการใช้เลเซอร์ หรือคลื่นวิทยุแทน
ข้อดี
- ไม่ค่อยเกิดความรู้สึกเจ็บ
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวหน้า
- ทำให้หน้าไม่หมองคล้ำ
ข้อเสีย
- ได้ผลน้อยมาก จนถึงไมไ่ด้ผลเลย
- อาจมีผลข้างเคียง เช่น มีการระคายเคืองผิว หรือรอยแดงได้
- ต้องเลี่ยงแสงแดด เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำได้
10. การใช้กรดลอกผิว
การใช้กรดลอกผิว (Chemical Peeling) คือ การทำให้เซลล์ผิวหน้าหลุดลอกออกมา โดยใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดที่มีความเข้มข้นต่างกัน โดยแบ่งชั้นผิวออกได้เป็น 3 ระดับ
- ชั้นหนังกำพร้า สารที่ใช้ เช่น Glycolic Acid, Lactic Acid, Salicylic Acid ในความเข้มข้นต่ำ เป็นต้น โดยจะใช้ในระดับเปอร์เซ็นต์ที่ต่างกัน
- ชั้นหนังแท้ชั้นตื้น สารที่ใช้ เช่น Trichloroacetic acid (TCA) ในความเข้มข้นต่ำ เป็นต้น
- ชั้นหนังแท้ชั้นลึก สารที่ใช้ เช่น Phenol และ TCA ในความเข้มข้นที่สูงขึ้น เป็นต้น
ข้อดี
- เหมาะกับการลอกในชั้นหนังกำพร้า ปัญหาตื้นๆ เช่นรอยดำตื้นๆ
- ปัจจุบันจะใช้เฉพาะจุด และใช้กับหลุมสิวบางประเภทเท่านั้น เช่น TCA CROSS Technique และไม่มีการใช้ทั่วหน้าเพื่อรักษาหลุมสิว
ข้อเสีย
- การลอกในชั้นหนังแท้ ไม่แนะนำในคนไทย เพราะโอกาสเกิดรอยดำ และแผลเป็นหลักทำสูง ยกเว้นการใช้เทคนิค TCA CROSS ในหลุมบางประเภท
- อาจเกิดผลข้างเถียงได้ เช่น ผิวแดง คันแสบ หรือระคายเคืองในช่วงแรกจากการกัดกร่อน
- การใช้กรดลอกผิว อาจทำให้เสี่ยงส่งผลเสียต่อหัวใจ ไต หรือตับได้ หากไม่ได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาแผลเป็นจากสิว
Hypertrophic Scar กับ Keloid Scar ต่างกันอย่างไร ?
Hypertrophic กับ Keolid scar คือ แผลเป็นที่เกิดจากการที่มีการผลิตคอลลาเจนมากกว่าปกติเหมือนกัน โดย Hypertrophic มีขอบเขตการเติบโตจะอยู่แค่ขนาดของแผล ไม่สามารถขยายขึ้นอีกเมื่อถึงจุดหนึ่ง แต่ Keloid หากไม่ได้รับการรักษา แผลจะหนาขึ้น สามารถขยายและเติบโตได้อีกจากขนาดเดิม และทำให้ยากต่อการรักษา
ไขข้อสงสัย หลุมสิวหายเองได้ไหม ?
ถ้าถามว่าหลุมสิวหายเองได้ไหม หมอต้องบอกเลยว่าหลุมสิวไม่หายเอง และไม่สามารถรักษาได้ด้วย Skin Care หากไม่ได้รับการรักษา หลุมสิวหรือแผลเป็นจะอยู่ไปตลอด
ระยะเวลาในการรักษาด้วยโปรแกรม Custom Scar นานไหม ?
ระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของแต่ละเคส และแต่ละสภาพผิว โดยปกติการรักษาหลุมสิวต้องใช้เวลาค่อนข้างนานอยู่แล้ว ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นเลยตั้งแต่แรกนั้นย่อมดีกว่า
หลังการรักษาแล้วจะกลับมาเป็นหลุมสิวอีกหรือไม่ ?
หลุมสิวที่ดีขึ้นแล้วจะดีขึ้นเลย แต่ควรป้องกันสิวใหม่ตามแพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวใหม่ โดยปกติแพทย์ที่ DSK จะแนะนำการรักษาหลุมสิว การป้องกันหลุมสิวใหม่ และป้องกันการเกิดสิวใหม่ไปพร้อมกัน เพราะไม่ต้องการให้คนไข้กลับมามีหลุมสิวใหม่
รักษาหลุมสิวที่ไหนดี อยากรักษาต้องรู้อะไรบ้าง ?
จะเห็นได้ว่าปัญหาหลุมสิวเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนสูงมาก เพราะฉะนั้นในการรักษาหลุมสิวจึงเป็นการรักษาที่ต้องอาศัยขั้นตอนต่างๆ ด้วยความละเอียดรอบคอบ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะรักษาที่ไหนก็ได้ เพราะการรักษาหลุมสิวจำเป็นต้องรักษากับคลินิกรักษาหลุมสิวที่มีความเฉพาะทางหรือมีความเชี่ยวชาญในการรักษาหลุมสิวโดยเฉพาะคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญในด้านหลุมสิวต้องมีการเตรียมเครื่องมือ เตรียมบุคลากร เตรียมแพทย์ที่นอกจากมีความเชี่ยวชาญในด้านหลุมสิวแล้ว ยังมีความสนใจในการรักษาหลุมสิวด้วย
สำหรับที่ DSK Clinic แพทย์ทุกคนในทีมมีความเชี่ยวชาญในการรักษาหลุมสิวโดยเฉพาะ มีความละเอียดและใส่ใจในการรักษา มีเครื่องมือ และเลเซอร์ที่ดีเพียงพอ มีเทคนิคพิเศษอย่าง Custom Scar Planning ที่มาช่วยออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคลได้ สามารถให้คำปรึกษา และมีการอัปเดตการรักษาหลุมสิว เพื่อให้เป็นการรักษาที่ดีที่สุด กับผู้ที่ประสบปัญหาหลุมสิวทุกคน
สรุป
หลุมสิวเป็นปัญหาที่ใครหลายๆ คนอาจจะได้พบเจอ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากเพราะมีความซับซ้อน มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ซึ่งก่อนจะได้รับการรักษาหลุมสิว จะต้องมีการแยกประเภทหลุมสิวก่อน เพื่อเลือกใช้วิธีการรักษาหลุมสิวที่เหมาะกับกับหลุมสิวประเภทนั้น เพราะหลายคนที่รักษาหลุมสิวมานานแต่ไม่ได้ผล อาจเกิดจากการรักษาผิดวิธี หรือการเลือกคลินิกรักษาหลุมสิวที่ไม่ได้มาตรฐาน
การรักษาหลุมสิวสามารถทำได้หลายรูปแบบตามที่ได้ยกตัวอย่างไปในบทความ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันเพราะฉะนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาหลุมสิวของตัวเอง โดยการทำ Custom Scar Planning ของ DSK นั้น จะช่วยออกแบบการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี เลือกสิ่งที่ดีและเหมาะสม เพราะสิ่งที่เหมาะสมของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เทคโนโลยีที่ดีที่สุดต้องมี แต่มีอย่างเดียวอาจไม่พอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั้นเอง