- August 22, 2024
เจาะลึก ทุกวิธี”ยกกระชับใบหน้า”ฉบับเข้าใจง่าย แก้ไขอย่างไรให้ตรงจุด
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป ยกกระชับใบหน้า ทำได้อย่างไร?
– ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเกิดจากแสงแดด มลภาวะ ความเครียด อายุ และการสูญเสียคอลลาเจนใต้ผิว ทั้งในชั้น Dermis และ SMAS รวมไปถึงการสลายของชั้นไขมัน และการทรุดของกระดูก – ผิวหย่อนคล้อยมีด้วยกัน 4 ระดับ คือ ชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้น SMAS ชั้นไขมัน และชั้นกระดูก – ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้น SMAS จะทำให้เกิดการหย่อนคล้อยเนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจน – ชั้นไขมัน และชั้นกระดูก เกิดการสลายตัวและยุบตัวขึ้นได้ เนื่องจากอายุที่มากขึ้น – Ulthrea ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความถี่สูงเพื่อกระตุ้นชั้นผิวหนังลึก (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ลึกกว่าผิวหนังทั่วไป เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว – เครื่องอื่นๆ อย่าง HIFU หรือ Ultraformer ไม่ได้แรงน้อยกว่า หรือไปไม่ถึงชั้น SMAS แต่ Ulthera สามารถสแกนเห็นชั้นผิวได้ จึงไม่ใช่การสุ่มยิ่งไปที่ผิวซึ่งอาจโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง การยิงจึงเป็นการยิงที่โฟกัสและแม่นยำ |
สัญญาณเตือนของผิวเมื่ออายุมากขึ้นก็คงหนีไม่พ้นปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และอีกปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยากก็คือปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ซึ่งก็มีหลายสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราเกิดความหย่อนคล้อยได้ บทความนี้จึงได้รวบรวมวิธียกกระชับใบหน้า ที่รักษาได้อย่างตรงจุด รวดเร็ว เห็นผลจริงอย่างน่าพึงพอใจ แถมยังปลอดภัยอีกด้วย
ผิวหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร
อย่างที่เรารู้กันดีว่าปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยมักเกิดขึ้นตามอายุที่มากขึ้น แต่ปัญหาผิวแก่ก่อนวัยก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะปัจจัยหรือสาเหตุของการเกิดผิวหนังหย่อนคล้อย เหี่ยว ไม่กระชับเต่งตึง มีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด มลภาวะ การละเลยการดูแลผิว ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ สาเหตุเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสุขภาพผิว มาดูกันว่าการเกิดผิวหนังหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร และสามารถแก้ไขโดยการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีใดบ้าง
- คอลลาเจนชั้นหนังแท้ คอลลาเจน (Collagen) ใต้ผิวหนัง ทำหน้าที่เสริมความยืดหยุ่นผิว บำรุงและเติมคอลลาเจนที่สูญเสียไป ลดอาการอักเสบ ปรับสมดุลความชุ่มชื้นผิว และป้องกันการเสื่อมสภาพของผิว คอลลาเจนบริเวณชั้น Dermis หรือชั้นหนังแท้ จะช่วยเรื่องความกระชับหน้า ความเรียบเนียน และความแน่นของผิว สำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้น Dermis จะใช้เครื่อง Sculptra, Radiesse, Potenza และ Thermage เพราะเด่นในเรื่องการยกกระชับหน้าด้านบนมากกว่า ส่งผลให้ผิวฟู แน่น ดูอ่อนเยาว์
- คอลลาเจนชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) เป็นชั้นที่อยู่ใต้กว่าชั้น Dermis วางตัวอยู่เหนือกล้ามเนื้อ ช่วยในเรื่อง Lifting หรือการยกกระชับใบหน้า ในการศัลยกรรมใบหน้านั้นก็จะผ่าตัดกันในชั้นนี้ เพื่อยกหน้า กระชับผิวไม่ให้หย่อนคล้อย เพราะเมื่อชั้น SMAS เกิดการหดตัว สร้างใหม่ ใบหน้าก็จะยกขึ้นนั่นเอง เครื่องมือที่สามารถใช้กับชั้น SMAS ได้มีตัวเดียวนั่นก็คือ Ulthera เพราะผิวหน้าแต่ละคนแตกต่างกัน ตำแหน่งชั้น SMAS ก็ไม่เหมือนกัน แม้จะมีโครงหน้า หรือรูปหน้าคล้ายกันก็ตาม Ulthera จึงเป็นเครื่องมือหัตถการที่โฟกัสการยิงไปที่ชั้น SMAS โดยตรง และเป็นตัวเดียวที่เข้าถึงชั้น SMAS ได้
- ไขมันสลายทำให้ผิวยุบตัว อายุที่มากขึ้น ไขมันในชั้นผิวก็เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ไขมันในบางบริเวณบนใบหน้าก็เกิดการสลายตัว เช่น บริเวณข้างแก้ม ใต้ตา ทำให้แก้มตอบ ตาลึก สำหรับปัญหาหน้าหย่อนคล้อยจากไขมันสลายทำให้ผิวยุบตัวนั้นสามารถแก้ไขได้ 2 วิธี คือ การเติมฟิลเลอร์ และ Sculptra ที่เป็นหนึ่งในยาในยากลุ่ม Biostimulator เหมาะกับชั้นไขมันตื้นๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากตัวของเราเอง ช่วยกระชับหน้า ผิวแลดูอ่อนเยาว์ แตกต่างจากฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็ม แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องอายุผิว หรือความเด้ง ยืดหยุ่น เต่งตึงของผิว
- กระดูกยุบตัวทำให้ ผิวขาดเสาที่เป็นจุดยึด เมื่ออายุมากขึ้นนอกจากการสูญเสียคอลลาเจนให้ผิวแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้ก็คือ กระดูกยุบตัว ผิวขาดเสาที่เป็นจุดยึด ชั้นกระดูกกร่อนลง เมื่อเสาไม่แข็งแรง หรือทลายลงก็ทำให้โครงสร้างด้านบนพังลงมาได้ เกิดร่อง รอยพับต่างๆ บนใบหน้า ขมับยุบ ร่องใต้ตา ร่องแก้มลึก ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการใช้สารเติมเต็ม HA หรือฟิลเลอร์ โดยการเติมที่ชั้นกระดูก เพื่อเติมเต็มชั้นกระดูกที่เสียไป ให้ความเป็นธรรมชาติ
รวม 8 วิธียกกระชับใบหน้า เห็นผลจริง
การแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวยุบ ไม่กระชับ มีร่องรอย และรอยพับต่างๆ มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปัญหาผิว อายุ และปัจจัยรายล้อมต่างๆ การรักษาจึงต้องพิจารณาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคส ซึ่งวิธีการยกกระชับใบหน้า ที่เห็นผลจริง และปลอดภัย มีด้วยกัน 8 วิธี ดังต่อไปนี้
1. Sculptra และ Radiesse
Sculptra และ Radiesse เป็น Biostimulator ทั้งคู่ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวจริงๆ เมื่ออายุมากผิวก็จะบาง และมีความยืดหยุ่นน้อยลง หลายๆ คนอาจคิดว่าการฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์เป็นการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว จริงๆ แล้วเป็นเหมือนการทดแทนคอลลาเจนในผิวมากกว่า แต่ไม่ได้เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจน ไม่เหมือนกับตัวยากลุ่ม Biostimulator ที่เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ของคอลลาเจน
Sculptra และ Radiesse เหมือนกันตรงที่กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ หรือคอลลาเจนนั่นเอง Sculptra มีองค์ประกอบคือ Polylactic Acid (PLLA) ส่วน Radiesse นั้น มีองค์ประกอบคล้ายกระดูกของเราตามธรรมชาติ คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) โดยส่วนประกอบเหล่านี้เมื่อเข้าไปในร่างกายจะช่วยกระตุ้น คอลลาเจน อิลาสติน และไฮยา ทำให้ผิวเติมเต็ม ยืดหยุ่น เรียบเนียน กระชับหน้า
ข้อดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผิวตามธรรมชาติ
- ลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก
- ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
- ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
- ปลอดภัย
- สามารถย่อยสลายได้หมด ไม่ตกค้างในผิว
ข้อจำกัด
- ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
- ไม่เหมาะกับผู้มีภาวะเลือดออกง่าย
2. Potenza & Thermage, Oligio, Morpheus
Potenza, Thermage FLX, Oligio และ Morpheus เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนผิวในชั้น Dermis เหมาะกับคนที่คอลลาเจนด้านบนหายเยอะ ผิวยืดย้วย ไม่แน่นกระชับ แต่เครื่องมือแต่ละตัวก็มีความสามารถในการยกกระชับที่แตกต่างกัน เหมาะกับปัญหาผิวที่ไม่เหมือนกัน แต่ Potenza จะดีที่สุดในกลุ่มนี้ เพราะมีพลังงานทั้ง 2 แบบคือ Monopolar แบบ Thermage ซึ่งเน้นพลังงานที่ลงกว้างเด่นเรื่องยกกระชับ และ Bipolar แบบ Morpheus, Sylfirmx หรือ Infini ที่พลังงานลงแคบ โดดเด่นในเรื่องความเรียบเนียนของผิว
Potenza สามารถปรับระดับความลึกได้ ว่าจะสลายไขมันบริเวณไหน และไม่สลายบริเวณไหน ทำให้สามารถ Customize ได้ดีที่สุด และมีหัวยิง 4 แบบ ประกอบไปด้วย Single Insulated Needles, Insulated Needles, Fusion Tip, Tiger tip ทำให้สามารถ Customize การปรับลดพลังงานได้ตามปัญหา
สำหรับ Oligio กับ Thermage พลังงานคล้ายกันคือพลังงานเครื่องวิทยุ Monopolar RF ซึ่งเน้นพลังงานที่ลงกว้างเด่นเรื่องยกกระชับหน้า แต่ Oligio จะเบากว่า พลังงานน้อยกว่า แต่ก็มีราคาย่อมเยากว่า ส่วน Morpheus 8 คือ เทคโนโลยีการกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency) จะคล้าย Potenza แต่ด้อยกว่าในเรื่องประสิทธิภาพเพราะมีการปล่อยพลังงานแบบเดียวคือ Bipolar
ข้อดี
- ยกกระชับใบหน้า
- คืนความยืดหยุ่นให้ผิว
- สะดวกรวดเร็ว ใช้เวลาทำไม่นาน
- ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
- ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- สามารถกระชับชั้นผิวหนังได้ด้วย
ข้อจำกัด
- อาจเกิดอาการผิวแดงหลังทำ แต่สามารถหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง
- ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ระดับสูง
3. Ulthera
Ulthera SPT ถือเป็นเครื่องเดียวในโลกที่สามารถยิงลงลึกถึงชั้น SMAS ได้จริงและแม่นยำ เนื่องจากเครื่อง Ulthera นั้นมีระบบสแกนทำให้สามารถมองเห็นชั้นผิวใต้ผิวหนังได้ มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องยกผิว เก็บกรอบหน้า หน้ายก แต่ถ้าจะให้ผิวกระชับ หน้าแน่น ในส่วนชั้นผิวด้านบนอย่าง Dermis จะสู้ Sculptra Radiesse หรือกลุ่ม คลื่นวิทยุเช่น Potenza, Thermage กับ Oligio ไม่ได้เลยต้องดูตามการวินิจฉัยของแพทย์
ซึ่งความที่ Ulthera ไม่ใช่ระบบออโต้ จึงต้องอาศัยฝีมือ และประสบการณ์ของแพทย์ในการล็อกเป้าให้โดนบริเวณที่ต้องการยกกระชับหน้า ดังนั้น นอกจากเรื่องเครื่องแท้ ก็ยังต้องเลือกคลินิกที่มีเทคนิคการยิงที่ดี ซึ่ง DSK ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ คุณหมอทุกคนที่ DSK ผ่านการ Certified by Ulthera และยังมีมาตรฐานของ DSK ในการเล็งให้โดน SMAS 100% และจำกัดการรับเคสวันละไม่เกิน 2 เคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อดี
- แก้ไขปัญหาของแต่ละเคสได้อย่างเจาะจง
- ยกกระชับหน้าได้ลึกถึงชั้น SMAS
- มีความแม่นยำสูงผ่าน Real-Time visualization
- เห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกทันทีหลังทำ
ข้อจำกัด
- อาจมีอาการเจ็บเพราะคลื่นมีพลังงานสูง
- อาจมีความบวมหรือระบมได้ประมาณ 1-2สัปดาห์
4. Ultraformer & HIFU
Ultraformer และ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นเครื่องมือหัตถการที่มีพลังงานคล้าย Ulthera คือมีการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ แต่ไม่มีระบบสแกน หรือมองเห็นชั้นผิวด้านในเหมือนกับ Ulthera การยิงจึงเป็นการยิงแบบสุ่ม ซึ่งอาจจะโดนหรือไม่โดนผิวในชั้น SMAS จึงเป็นเครื่องที่ DSK ไม่แนะนำเพราะอาจเสียเงินโดยไม่ได้ผลสูงตามความต้องการ
ดังนั้น จึงแนะนำให้ทำกลุ่ม Ulthera Potenza หรือ Sculptra จะดีกว่า แต่ Ultraformer และ HIFU ก็ยังเหมาะกับคนที่มีงบน้อยและอยากรักษาคอลลาเจนในชั้นผิวให้ยังดูมีความอ่อนเยาว์อยู่
ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
- มีความปลอดภัยสูง
- สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ยกกระชับหน้า
- ลดเหนียง กรอบหน้าชัดขึ้น
ข้อจำกัด
- ไม่แม่นยำเพราะไม่มีการสแกนใต้ผิว ดังนั้นอาจยิงไม่โดน SMAS ทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
- ปัญหาผิวแสบแดง จุดด่างดำ ตุ่มน้ำ ริ้วรอย ที่จากความไม่ชำนาญของแพทย์ และเครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน
- อาการเจ็บ บวมแดง ซึ่งสามารถหายเองได้
- ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาระบบไหลเวียนโลหิต โรคหัวใจ ความดัน
5. Botox
Botox (Botulinum toxin) เป็นสารที่สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Clostridium botulinum มีหน้าที่ลดริ้วรอยทำงานโดยการยับยั้งการส่งสัญญาณจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อได้รับการฉีด Botox จะไม่สามารถหดตัวได้ ส่งผลให้ริ้วรอยลดลง โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยที่หน้าผาก ริ้วรอยระหว่างคิ้ว และริ้วรอยรอบดวงตา เป็นต้น ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติในการยกกระชับหน้าโดยตรง แต่สามารถช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและตึงขึ้นได้
บางเคสที่มีกล้ามเนื้อ Platysma แข็งแรง และรั้งหน้าให้ตกลง เราสามารถฉีดคลายกล้ามเนื้อนี้ที่กรอบหน้าทำให้หน้ายกได้ ขึ้นกับเทคนิคแพทย์ และโบบางยี่ห้อ เช่น Dysport สามารถฉีดกระชับกรอบหน้าได้ แต่ให้ใช้เป็นการรักษาเสริม เพราะควรกระตุ้นคอลลาเจนด้วยการรักษาอื่นๆ ประกอบเป็นการรักษาหลัก เป็นต้น
ข้อดี
- ยกกระชับใบหน้า ในกรณีที่มีการหย่อนคล้อยไม่มาก
- ช่วยปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย
- ไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
ข้อจำกัด
- ไม่ควรใช้เป็นวิธีหลักในการยกกระชับ เพราะไม่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้มาก
- การฉีด Botox ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากการฉีดที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใบหน้าไม่สมมาตร เป็นต้น
6. Filler
Filler คือสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิคแอซิด (HA) ที่มีหน้าที่เข้าไปเติมเต็มส่วนที่ต้องการเพื่อทดแทนส่วนที่สูญเสียไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหากระดูกทรุดทำให้หน้าตอบ ใต้ตาลึก ขมับยุบ ผิวหน้าดูแก่ กระดูกก็เปรียบเสมือนเสาที่มีหน้าที่เป็นโครงสร้างค้ำจุน เช่น หากเราอยากกางเต็นท์ให้ตึง เราต้องขึงเสาให้ตึง เสาต้องแข็งแรง ถ้าเสาล้ม แม้ผิวหนังหรือผ้าใบจะตึงขนาดไหน มันก็จะยุบพังลงมา ในคนที่มีกระดูกทรุดควร Support ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อยกยกกระชับใบหน้าขึ้น แต่เทคนิคนี้ต้องอาศัยเทคนิคชั้นสูง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ DSK ใช้เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติ ไม่ใช่การฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคทั่วไป
ข้อดี
- เติมเต็มผิว ปรับรูปหน้า ยกกระชับหน้า และเติมเต็มร่องริ้วรอยต่างๆ
- ไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน เพียง 2-3 ชั่วโมง หรือบางราย 2-3 วัน
- สามารถฉีดเพื่อสลายได้ หรือสามารถเติมตามความต้องการได้เช่นเดียวกัน
- มีความปลอดภัยสูง
ข้อจำกัด
- อาศัยความชำนาญสูงในการสร้างผลลัพธ์ที่ดูสวยและธรรมชาติ
- ควรทำร่วมกับหัตถการที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
7. ผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้า คือ การตัดหนังส่วนเกินออก เป็นการผ่าตัดที่ช่วยให้หน้าดูตึงขึ้น ให้โครงสร้างกล้ามเนื้อไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แต่ไม่ได้กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน การผ่าตัดดึงหน้าอาจช่วยให้หน้าดูตึงขึ้นได้ แต่ไม่ได้ทำให้ผิวดูเด็กลง เนื่องจากผิวไม่ได้เฟิร์มขึ้นจากการผลิตคอลลาเจนของผิว โดยปกติจะแนะนำให้ทำในผู้ที่มีหนังส่วนเกินเยอะจนต้องตัดออก
อย่างไรก็ตาม ควรทำหัตถการกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจนร่วมด้วยเพื่อให้ผิวที่เหลืออยู่มีความเฟิร์ม และยืดหยุ่น การทำหัตถการกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจนอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยลดความจำเป็น และชะลอเวลาที่ต้องทำการดึงหน้าออกไปได้
ข้อดี
- สามารถยกกระชับ ได้โดยการตัดหนังส่วนเกิน จึงเหมาะกับคนที่มีผิวหย่อน หรือหนังส่วนเกินมาก
- ให้ผลลัพธ์ยาวนานหลายปี
- ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ข้อจำกัด
- ไม่ได้ทำให้ผิวเดิมยืดหยุ่น หรือมีคอลลาเจนมากขึ้น
- ควรรักษารวมกับหัตถการกลุ่มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ด้วย เพื่อสร้างความอ่อนเยาว์ของผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่น และชะลอเวลาในการดึงหน้าครั้งถัดไป
- ใช้เวลาพักฟื้นนาน
- ค่าใช้จ่ายสูง
8. ร้อยไหม
การร้อยไหม (Thread Lift) เป็นการดึงรั้งไขมันผ่านเงี่ยงของไหม ใช้เส้นไหมพิเศษในการยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อยและปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า เส้นไหมที่ร้อยเข้าไปยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ไหมจะสลายไป เหลือเพียงคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาล้อมรอบไหม ทำให้ผิวดูเฟิร์ม ยกกระชับหน้า หน้าเด็ก และผิวยืดหยุ่นขึ้น
ข้อดี
- เหมาะกับการยกไขมัน
ข้อจำกัด
- สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้น้อย และได้แค่บางบริเวณ จึงไม่ได้ทำให้ผิวหนังหดตัวจริง แต่ใช้การยกด้วยเงี่ยงของไหมเป็นหลัก
- ควรทำการร้อยไหมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
- อาจการติดเชื้อหรือการเกิดพังผืดใต้ผิวหนังหากร้อยถี่เกินไป
- อาจเกิดคลื่นไหม
เปรียบเทียบ Ulthera กับหัตถการอื่น
หัตถการในการช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยมีด้วยกันหลายแบบ ซึ่งจะมาเปรียบเทียบการทำงานของ Ulthera และหัตถการอื่นๆ ว่าแตกต่างกันอย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจ
Ulthera VS Thermage
มาดูการเปรียบเทียบระหว่าง Ulthera VS Thermage กันเป็นอย่างแรก ซึ่ง Ulthera จะทำงานโดยใช้วิธีการปล่อยคลื่น อัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ชนิดที่มีคลื่นความถี่สูงเน้นการยก SMAS เป็นหลัก เน้นการยกกรอบหน้าชัด ส่วน Thermage ทำงานโดยใช้ความร้อนจากการปล่อยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ความถี่สูง ลงตื้นกว่า และเน้นการกระตุ้นชั้น Dermis ให้ผิวเน้นบนแน่นเฟิร์ม
Ulthera VS HIFU
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงในการส่งพลังงานลงไปในชั้นผิว มีต้นแบบมาจาก Ulthera ส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ลดเหนียง กรอบหน้าชัด Ulthera สามารถส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS เช่นเดียวกับ HIFU แต่มีความแม่นยำสูงเนื่องจากการใช้ภาพแสดงผลแบบเรียลไทม์ จึงสามารถเล็ง และมองเห็น SMAS ได้จริง แต่ HIFU จะเป็นการสุ่มยิง โดยมองไม่เห็น จึงอาจจะไม่เห็นผล และเสียเงินฟรีได้
Ulthera VS Oligio
Oligio เป็นเครื่องมือยกกระชับหน้าที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopalar RF ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนัง โดยใช้พลังงานความร้อนในการทำงาน ส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวที่ตื้นกว่า Ulthera โดยไม่ได้ลงไปถึงชั้น SMAS จึงเหมาะสำหรับการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยที่ผิวหนังชั้นบนหรือชั้น Dermis และราคาต่ำกว่า Ulthera มีความคล้ายคลึง Thermage และมีการสะสมพลังงานน้อยกว่า ได้ผลน้อยกว่า แต่ราคาก็ถูกกว่าเช่นกัน ถือเป็นหัตถการทางเลือกสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด
ทำไมต้องยกกระชับใบหน้า ที่ DSK Clinic
ที่ DSK Clinic เรามุ่งมั่นใน รวมทีมแพทย์ที่มีฝีมือ และ มีการวิเคราะห์ เลือกใช้เครื่องมือที่ดีที่สุด และเหมาะสม ให้กับคนไข้ทุกคน อย่างเฉพาะเจาะจง ไม่ได้ขายตามเมนู เนื่องจากปัญหาผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน การรักษาที่ดีจำเป็นต้องมีเครื่องมือหลากหลายชนิด เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับคนไข้ และปัญหาในแต่ละเคสได้ ทีมแพทย์ของเราให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างละเอียด เข้าใจถึงจุดเด่นของแต่ละเครื่องมือ และเลือกเทคนิคการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และน่าพึงพอใจที่สุด
เรามีเทคนิคพิเศษเฉพาะที่ DSK Clinic ซึ่งเป็นการ “ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล” เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการปรับการรักษาตามลักษณะของปัญหา เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม และแก้ไขได้ตรงจุด ที่นี่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เลเซอร์ และการปรับรูปหน้า ยกกระชับใบหน้า มีเครื่องมือยกกระชับหน้าที่ทันครบครัน รวมถึงเครื่องมืออย่าง Ulthera ที่สามารถยกกระชับผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก ที่สำคัญผู้ที่ยิง Ulthera ทุกคน จะต้องผ่าน Certified Trainning มาก่อน เพื่อการยิงที่ถูกต้อง แม่นยำ และปลอดภัย
รีวิวการยกกระชับใบหน้า ที่ DSK Clinic
* ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสําหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
* ได้รับความยินยอมจากคนไข้ให้ใช้ภาพแล้ว
Facebook: https://www.facebook.com/dsk.clinic/
Instagram: https://www.instagram.com/dsk.clinic/
YouTube: https://www.youtube.com/@dskclinic
TikTok: https://www.tiktok.com/@dskclinic
สรุป
การยกกระชับใบหน้าคือ กระบวนการทำให้ผิวหน้ากลับมาดูตึงกระชับ เต่งตึง และลดเลือนริ้วรอยรวมถึงความหย่อนคล้อย ปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย เช่น การสูญเสียคอลลาเจน ชั้นไขมัน หรือกระดูกทรุดตัวเมื่ออายุมากขึ้น การยกกระชับหน้า สามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่นหัตถการร้อยไหม ดึงหน้า ฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ Ulthera, HIFU, Potenza, Thermage, Oligio หรือ Morpheus โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูความอ่อนเยาว์และความสดใสของใบหน้า รวมถึงเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูมีความชัดเจนมากขึ้น
DSK Clinic เชี่ยวชาญในด้านการเลเซอร์ผิวหนัง และยกกระชับปรับรูปหน้า พร้อมให้ความสำคัญกับ “Customization” หรือการออกแบบการรักษาที่ปรับให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล โดยผ่านการวิเคราะห์ วางแผน และเลือกเทคนิคการรักษาที่เหมาะสม แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เพื่อความพึงพอใจของคนไข้และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของแต่ละบุคคล
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยกกระชับใบหน้า (FAQs)
รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการยกกระชับหน้า มาตอบไว้ที่นี่
ยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีธรรมชาติได้ไหม?
การยกกระชับโดยวิธีที่ไม่ใช่หัตถการทางการแพทย์ ไม่มีวิธีที่ได้ผล และมีหลักฐานรองรับทางวิทยาศาสตร์
ยกกระชับใบหน้า ราคาเท่าไร?
หัตถการยกกระชับใบหน้าของแต่ละคลินิกไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ บริเวณที่รักษา ปัญหาผิวของแต่ละบุคคล และโปรโมชันขณะนั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะมีดังต่อไปนี้
Morpheus8 เริ่มต้นที่ประมาณ 50,000-60,000 บาท
Ulthera เริ่มต้นที่ประมาณ 30,000-70,000 บาท
HIFU เริ่มต้นที่ประมาณ 10,000-30,000 บาท
Potenza เริ่มต้นที่ประมาณ 50,000-60,000 บาท
Thermage เริ่มต้นที่ประมาณ 30,000-80,000 บาท
Oligio เริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป
ยกกระชับใบหน้าเจ็บมากไหม?
การยกกระชับใบหน้าเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ยกกระชับใบหน้าเห็นผลนานไหม?
การยกกระชับใบหน้าเห็นผลได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับหัตถการที่ทำ อายุของผู้ที่ทำ และการดูแลตนเองหลังทำ โดยทั่วไปแล้วจะให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 6-24 เดือน หรือมากกว่า ขึ้นกับหัตถการที่ทำ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- Ulthera ทั่วหน้า กี่ช็อตดี? ทำเท่าไหร่ถึงเห็นผลตามงานวิจัย
- ไขข้อข้องใจ Thermage ราคาเท่าไร ทำที่ไหนดี เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ
- อัปเดต! ทำ Ulthera ที่ไหนดี ต้องเลือกที่อะไรถึงได้ผล และไม่โดนหลอก
- รีวิว Ulthera ยกกระชับดีจริงไหม ข้อมูลครบ วิเคราะห์ เจาะลึกทุกคำถาม
- Doctor Talk : คำถามเรื่องการยกกระชับใบหน้าด้วย HIFU