- Blog
- Botox, Custom Filler & Lifting
- August 22, 2023
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า เสริมลุคย้อนวัยไม่พึ่งต้องมีดหมอ
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป ลิฟต์กรอบหน้าด้วยโบท็อก ที่ DSK Clinic ดียังไง ? – จุดเด่นของการฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า คือทำให้ กรอบใบหน้าชัดเจน และดูมีมิติมากขึ้น – แต่ข้อสำคัญของการฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าคือ การเลือกเคสที่เหมาะสม เพราะไม่ใช่ทุกเคสจะเหมาะกับโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า – เนื่องจากการยกกระชับยังมีวิธีอื่นๆอีกเช่น Thermage, Ulthera, Filler การเลือกเคสที่เหมาะสมจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญของการได้ผลลัพธ์ที่ดี – จุดเด่นของ DSK คือการวิเคราะห์เคส และเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับ ปัญหาแต่ละแบบ และเทคนิคการฉีดที่ต่างกันในแต่ละบุคคล – ไม่ใช่โบท็อกทุกแบรนด์จะสามารถใช้ในการฉีดลิฟต์ได้ โดยโบท็อกที่มีงานวิจัยว่า ได้ผลเรื่องการลิฟต์กรอบหน้า ยกกระชับได้แก่ Xeomin และ Dysport – ที่ DSK เราจะใช้โบท็อก Xeomin จากเยอรมนี ในการฉีดโบลิฟต์กรอบหน้า จากเยอรมนีเท่านั้นครับ เพราะตัวยามีความบริสุทธิ์สูง และเป็นยี่ห้อเดียวที่ไม่ทำให้เกิดการดื้อยา ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ออกฤทธิ์ไว และอยู่ได้นาน – จุดที่ทำให้ DSK แตกต่าง คือ CustomLift & Contour หรือโปรแกรมการยกกระชับที่ออกแบบรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาตามสาเหตุของโครงสร้างปัญหา ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด ตั้งแต่การวิเคราะห์ วางแผนการฉีด ไปจนถึงการดูแล และติดตามผล |
ทำความรู้จักเทคนิคลิฟต์กรอบหน้าด้วยโบท็อก
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า (Botox Face Lifting) คือ เทคนิคการยกกระชับกรอบของใบหน้าด้วยการฉีดโบท็อก (Botox) หรือสารที่มีชื่อว่า Botulinum toxin type A ซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดโบท็อกเกิดการคลายตัวลง และลดการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนนั้นให้น้อยลง จึงช่วยลดรอยย่นต่างๆ และทำให้ผิวกระชับขึ้นได้ โดยการโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าจะทำการฉีดลงไปในผิวหนังชั้นบนบริเวณแนวกรอบหน้า หรือเหนียงใต้คาง เพื่อทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียน มีความกระชับเต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าชัดเจน แลดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า ช่วยอะไร
การโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า แน่นอนว่าช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวหนังบริเวณรอบกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียว ได้รูปมากขึ้น ทำให้กรอบหน้ามีความคมชัดดูมีมิติมากขึ้น เวลาถ่ายรูปทำให้ดูดีขึ้น รวมไปถึงช่วยลดความหย่อนยาน หรือรอยย่นบริเวณผิวหนังใต้คาง และบริเวณลำคอ ทำให้บางครั้งจึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นการโบท็อกเหนียงนั่นเอง นอกจากนี้ อาจมีการทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าร่วมกับการโบท็อกกราม เพื่อช่วยในเรื่องของรูปหน้าให้ดูเรียวเป็น V-shape มากขึ้น และทำให้ใบหน้าดูเล็กลง
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้ามีกี่แบบ
การโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าจะมีรูปแบบในการฉีดอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน โดยทั้งสองแบบนี้จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของเทคนิค วิธีการฉีด และผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้
Dermo lift
แบบแรก คือ การฉีดโบท็อกแบบ Dermolift เป็นการฉีดโบท็อกบริเวณแนวกรอบหน้าไล่ขึ้นด้านบน คือตั้งแต่กรอบหน้าบริเวณกรามไล่ไปจนถึงบริเวณขมับ เพื่อช่วยยกกระชับผิว ทำให้รูปหน้ามีความเข้ารูป และดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
โดยแพทย์จะทำการดึงผิวหนังบริเวณใบหน้าแล้วฉีดโบท็อกลงไปบนผิวชั้นตื้น (interdermal) ส่งผลให้ใบหน้ามีความกระชับเต่งตึงขึ้นได้เร็ว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลอย่างเร่งด่วน การฉีดในชั้นตื้นหรือ intradermal เป็นเทคนิคที่อาจทำให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกได้มากขึ้น ที่ DSK เราจึงเลือกใช้ Xeomin ในการฉีด Dermolifting เพื่อลดโอกาสการดื้อยาครับ แพทย์จะแนะนำให้ฉีดประมาณ 50-100 ยูนิต ขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพผิวหน้า และปัญหาที่ต้องการแก้ไขของแต่ละคน ซึ่งการฉีดโบท็อกด้วยเทคนิคนี้ ผลลัพธ์จะออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 3 เดือน
Nefertiti lift
แบบที่สอง คือ การฉีดโบท็อกแบบ Nefertiti Lift เป็นการฉีดโบท็อกไปที่ผิวหนังกล้ามเนื้อบริเวณส่วนลำคอ หรือกล้ามเนื้อ Platysma ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อกรอบหน้าส่วนล่างที่เชื่อมกับกล้ามเนื้อคอ และบริเวณแก้มส่วนล่าง
เมื่อมีการฉีดโบท็อกเข้าไป กล้ามเนื้อผิวหนังส่วนนี้จะเกิดการคลายตัว แรงดึงจากกล้ามเนื้อลำคอส่วนล่างจะอ่อนลงจนแรงน้อยกว่าแรงดึงจากด้านบน ทำให้ผิวหนังที่มีความหย่อนคล้อยถูกยกกระชับให้มีความเต่งตึงมากขึ้น ส่งผลทำให้ใบหน้ามีความเรียวได้รูปขึ้น อีกทั้งยังทำให้ผิวบริเวณแก้ม และใต้คางลดความหย่อนคล้อยลง ช่วยลดเหนียงและช่วยลดปัญหาเรื่องมุมปากตกได้อีกด้วย
วิธีการฉีดแบบนี้แพทย์จะแนะนำให้ฉีดโบท็อกอยู่ในช่วงประมาณ 40-100 ยูนิต ซึ่งการฉีดโบท็อกด้วยเทคนิคนี้ผลลัพธ์จะออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ทำให้ไม่ต้องมีการฉีดซ้ำบ่อยๆ
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้ามีข้อดี และข้อเสียอย่างไร
การทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า นอกจากช่วยเพิ่มมิติให้กรอบหน้าแล้ว ยังมีข้อดีข้ออื่นๆ มากมาย ในขณะเดียวกันก็มีข้อเสียที่เช่นกัน ดังนั้น จึงควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า หรือทำโบท็อกเหนียงนะครับ
ข้อดี
- ช่วยทำให้กรอบหน้าคมชัด แลดูมีมิติมากขึ้น
- ช่วยยกกระชับผิวบริเวณลำคอ และเหนียง ทำให้ใบหน้าดูเรียวสวย
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน
- เป็นหัตถการที่มีความสะดวก และรวดเร็ว
- เป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัยสูง สามารถฉีดซ้ำได้ในการเว้นระยะเวลาอย่างเหมาะสม
- เป็นหัตถการที่เห็นผลค่อนข้างเร็ว
ข้อเสีย
- ไม่ควรใช้เป็นการรักษาเดี่ยว หรือทางเลือกแรงในการยกกระชับ สำหรับผิวที่เริ่มมีคอลลาเจนหย่อนคล้อย เพราะโบท็อกกระตุ้นคอลลาเจนด้อยกว่า Ulthera Thermage Potenza มาก เหมาะกับการใช้เป็นการรักษาเสริมมากกว่า
- ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกมีระยะเวลาจำกัด ไม่คงอยู่ถาวร อาจต้องมีการฉีดซ้ำเป็นระยะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ต่อเนื่อง
- หากฉีดกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หรือฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรืออาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ควรจะเป็น
ใครบ้างที่เหมาะกับโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า
สำหรับผู้ที่กำลังกังวลกับเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับใบหน้า การโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าเหมาะกับผู้ที่มีปัญหา หรือต้องการแก้ไขเกี่ยวกับใบหน้า ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาแนวกรอบหน้ามองเห็นได้ไม่ชัด ใบหน้าขาดมิติ ต้องการเพิ่มมิติให้กับใบหน้า
- ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ของผิวหนังบริเวณกรอบใบหน้า และลำคอ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณแนวกรอบหน้า เช่น แก้ม ลำคอ และเหนียงใต้คาง
- ผู้ที่มีใบหน้าค่อนข้างกลม หรือใบหน้ากว้าง ต้องการปรับรูปหน้า ให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง
- ผู้ที่ต้องการลดปัญหารูปหน้าส่วนอื่นๆ เช่น คางบุ๋ม
ฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าแตกต่างจากการฉีดโบท็อกปกติอย่างไร ควรระวังอะไร
- ไม่ใช่การใช้โบท็อกทุกแบรนด์จะได้ผลกับการลิฟต์กรอบหน้า บางแบรนด์ไม่มีงานวิจัยว่าสามารถช่วยลิฟต์กรอบหน้าได้ โดยโบท็อกที่ DSK แนะนำว่าสามารถใช้ลิฟต์กรอบหน้าได้คือ Xeomin และ Dysport
- การฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าจำเป็นต้อง มีการผสมยาด้วยวิธีการ และอัตราส่วนที่แตกต่างจากโบท็อกริ้วรอย หรือการฉีดกราม และมีวิธีการผสมที่แตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ จึงต้องมีความเชี่ยวชาญจึงจะผสมได้ถูกต้อง การผสมไม่ถูกต้องอาจทำให้ไม่ได้ผล และเสียปริมาณยาไปโดยไม่เกิดประโยชน์
- การฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน อาจต้องมีการใช้เครื่องมือเช่น Ulthera, Thermage, Potenza ร่วมกันในบางเคสจึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดี จึงอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจวิเคราะห์
การเตรียมตัวก่อน และหลังโบลิฟต์กรอบหน้า
หลังจากที่ได้ทราบถึงข้อดี และข้อเสียจากการทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า หรือโบท็อกเหนียงไปแล้ว ต่อไปมาพูดถึงการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะไปฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า ไปจนถึงวิธีการต่างๆ ในการดูแลตัวเองหลังจากทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า
การทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรจะมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า โดยต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า ดังนี้
- ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกควรงดการรับประทานอาหารเสริมจำพวกวิตามิน E น้ำมันตับปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย ฯลฯ รวมถึงยากลุ่ม NSAIDsซึ่งเป็นยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal antiinflammatory drugs) เนื่องจากอาจมีผลต่อการไหลเวียนของเลือด ความดันโลหิต และการแข็งตัวของเลือด
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า
การฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า หากอยากให้ผลลัพธ์การยกกระชับกรอบหน้าคงอยู่ยาวนาน โบท็อกไม่สลายไว ควรมีการดูแลตัวเองหลังจากการทำเช่นกัน โดยมีวิธีการดูแลตัวเอง ดังต่อไปนี้
- หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
- ไม่กด นวด หรือถูบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่ได้รับการฉีดโบท็อก อย่างน้อยประมาณ 4-6 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด เพราะอาจทำให้ตัวยาโบท็อกสลายได้
- ใช้น้ำแข็งประคบเบาๆ บริเวณที่ฉีดได้ หากมีรอยช้ำ หรือบวมแดงหลังฉีด โดยรอยนูนบริเวณที่ฉีด สามารถหายได้เองภายในประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- งดการนอนราบประมาณ 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หลังการฉีดโบท็อกประมาณ 2 สัปดาห์
ฉีดโบในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานเสี่ยงอะไรบ้าง?
สิ่งสำคัญในการฉีดโบท็อก คือ ควรเลือกฉีดกับสถานพยาบาล หรือคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีรางวัลการันตี ตัวยาโบท็อกที่ใช้ฉีดต้องเป็นของแท้ รวมถึงแพทย์ที่ทำการฉีดให้จะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ความสามารถเพียงพอ จะได้ไม่เป็นอันตรายจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย กระชับได้จริง
อันตรายจากการฉีดโบท็อกในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ ดังนี้
- เกิดการอักเสบติดเชื้อ เนื่องจากคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานมีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่สะอาดหรือไม่ได้รับการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องเพียงพอ รวมถึงคลินิกที่ไม่มีระบบปลอดเชื้อที่ดีก็เป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อได้
- อาการหนังตาตก มุมปากเบี้ยว ใบหน้าแข็งตึง ยิ้มไม่สุด อาจเกิดจากการฉีดโบท็อกในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง การใช้ปริมาณยาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่ได้มีการประเมินปริมาณโครงสร้างของปัญหา และปริมาณตัวยาอย่างเหมาะสม หรืออาจเกิดจากเทคนิคการฉีดที่ผิดจากผู้ไม่เชี่ยวชาญก็ได้
- เกิดอาการดื้อยา หากใช้โบท็อกในปริมาณที่ไม่เหมาะสม
สรุป
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า คือ เทคนิคในการยกกระชับผิวหน้าอย่างหนึ่ง โดยการฉีดโบท็อกเข้าไปที่ชั้นผิวหนังบริเวณกรอบหน้า เพื่อช่วยให้ใบหน้ามีความเต่งตึง กระชับ ลดความหย่อนคล้อย ใบหน้าแลดูเรียวมีมิติมากขึ้น รวมถึงสามารถช่วยลดเหนียง และริ้วรอยบริเวณลำคอได้
โดยมีเทคนิคการฉีด 2 ประเภทหลักๆ คือ Dermolift และ Nefertiti lift ซึ่งการฉีดโบท็อกมีข้อดี คือ ความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องมีการผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น แต่ก็ยังมีข้อสังเกต คือ การที่ผลลัพธ์หลังการฉีดไม่ได้อยู่ถาวรจึงต้องมีการฉีดซ้ำเป็นระยะ โดยการฉีด 1 ครั้ง จะอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน สำหรับการฉีดแบบ Dermolift และประมาณ 3-6 เดือนสำหรับการฉีดแบบ Nefertiti lift
สิ่งสำคัญสำหรับการฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าคือการเลือกเคสให้ถูกต้อง หากคนไข้มีผิวหนังที่หย่อนคล้อยมาก ทางเลือกที่ดีกว่าอาจควรทำ Ulthera, Thermage, Potenza เพื่อหดและกระตุ้นการสร้างใหม่ของคอลลาเจนโดยตรงมากกว่า เนื่องจากโบท็อกจะกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ได้น้อยมากเมื่อเทียบกับเครื่องมือยกกระชับ สิ่งที่โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า เด่นคือการคลายกล้ามเนื้อ Platysma ที่ฉุดรั้งใบหน้าลง จึงอาจเป็นวิธีที่เหมาะสมที่จะใช้ร่วมกับเครื่องมือยกกระชับนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า ให้ได้ผล อาศัยทั้งเทคนิคการประเมินเคส การเลือกแบรนด์โบท็อก การผสมยาที่ผสมไม่เหมือนกันการฉีดปกติ และมีการผสมที่ต่างกันในแต่ละแบรนด์ รวมถึงเทคนิคการฉีดที่ต่างกัน การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า ต้องงดรับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs รวมถึงวิตามิน E หรืออาหารเสริมบางชนิด และหลังจากฉีดแล้วควรงดการนอนราบ งดการนวด ถูบริเวณใบหน้า รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำหัตถการต่างๆ โดยเฉพาะการใช้ความร้อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพที่สุด
สิ่งที่สำคัญ คือ ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีด โดยทาง DSK Clinic มีบริการให้คำปรึกษาวิเคราะห์ เลือกเคสที่เหมาะสม และวางแผนตั้งแต่ก่อน ไปจนถึงหลังการฉีด และมีการเทคนิคการผสมยา และการฉีดเฉพาะสำหรับการลิฟต์กรอบหน้า นอกจากนี้ DSK ยังใช้โบท็อกของแท้ ยี่ห้อ Xeomin จากเยอรมนี ที่ได้มาตรฐาน มีค่าความบริสุทธิ์สูง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และการดื้อยา ทั้งยังซึมเข้าชั้นผิวได้รวดเร็ว ออกฤทธิ์เร็ว และอยู่ได้นาน
คำถามที่พบบ่อย
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้าอยู่ได้นานไหม
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำโบท็อกลิฟต์กรอบหน้าแต่ละแบบมีระยะเวลานานต่างกัน โดยสำหรับการฉีดแบบ Dermolift จะอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน และสำหรับการฉีดแบบ Nefertiti lift ประมาณ 3-6 เดือน อย่างไรก็ตามระยะเวลาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนัง และวิธีการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนด้วย
โบท็อกลิฟต์กรอบหน้า กี่วันถึงจะเห็นผล
การฉีดโบท็อกลิฟต์กรอบหน้า หลังฉีดจะเห็นผลทันทีตั้งแต่วันแรก คือ ผิวมีความกระชับขึ้นเล็กน้อย แต่กรอบหน้าจะค่อยๆ ดูคมดูชัดขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นในระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ จึงเห็นผลลัพธ์ชัดเจน คือ ผิวบริเวณกรอบหน้า และลำคอมีความกระชับ ไม่หย่อนคล้อย รูปหน้าดูเรียวขึ้น