- October 29, 2025
เปิด 8 สาเหตุ ทำไมฉีดโปรแกรม Sculptra แล้วไม่เห็นผลตามที่คาดหวัง
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
เคยไหม? ฉีดโปรแกรม Sculptra แล้วไม่เห็นผล ทั้งที่คนอื่นทำแล้วดูอิ่มฟู ผิวแน่นขึ้นอย่างชัดเจน หลายคนอาจรู้สึกสงสัยว่าปัญหามาจากตัวยา เทคนิคการฉีดโปรแกรม Sculptra ของแพทย์ หรือสภาพผิวของตัวเองกันแน่ ความจริงแล้วมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของโปรแกรม Sculptra ซึ่งถ้าการเข้าใจสาเหตุต่าง ๆ จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดและตรงใจมากขึ้น มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้
ไขข้อสงสัย 8 สาเหตุ ทำไมฉีดโปรแกรม Sculptra แล้วไม่เห็นผล?

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมหลายคนฉีดโปรแกรม Sculptra แล้วไม่เห็นผล ทั้งที่คนอื่นทำแล้วผิวดูฟู กระชับขึ้นชัดเจน ความจริงแล้วมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์และเวลาในการเห็นการเปลี่ยนแปลง มาหาคำตอบกันได้เลย
1. ปัญหาไม่เหมาะกับโปรแกรม Sculptra
โปรแกรม Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ไม่ใช่โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ทันที หากปัญหาผิวของคนไข้ไม่เหมาะกับหัตถการ เช่น
- ผิวหย่อนคล้อยรุนแรงหรือร่องลึกมากเกินไป การฉีดอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าผลลัพธ์ของโปรแกรม Sculptra ไม่ชัดเจน
- ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากผิวชั้น SMAS ไม่ใช่ชั้นหนังแท้ที่โปรแกรม Sculptra ทำงานได้ดี อาจเหมาะกับโปรแกรม Ulthera มากกว่า
- คนไข้มีปัญหาเชิงโครงสร้างที่โปรแกรม Sculptra ไม่สามารถรักษาได้ เช่น หากคนไข้มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก อาจเหมาะกับโปรแกรม Filler มากกว่า
2. ปัญหาฉีดผิดชั้นผิว
การฉีดโปรแกรม Sculptra ต้องอยู่ในชั้นผิวที่เหมาะสม หากฉีดตื้นเกินไป อาจเกิดผิวไม่เรียบหรือเป็นก้อน แต่ถ้าฉีดลึกเกินไป พลังในการกระตุ้นคอลลาเจนก็อาจไม่เพียงพอ การฉีดโปรแกรม Sculptra ผิดชั้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เห็นผลลัพธ์ช้าหรือไม่ชัด โดยเฉพาะในชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปล่อยตัวยา Sculptra ลงไป เนื่องจากในชั้นนี้มีเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่ผลิตคอลลาเจนหนาแน่นที่สุด การฉีดลงชั้นนี้อย่างแม่นยำจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้เต็มที่ นำมาสู่ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ฟูและเรียบเนียนที่สุด
3. เทคนิคและการวางแผนการฉีดไม่ดี
การฉีดโปรแกรม Sculptra ให้ดีต้องมีการวาง Vector ในการฉีด และการวางแผนพื้นที่ให้เหมาะสมกับปัญหา คล้ายกับการวาดแผนที่ เพราะการใช้ยาควรถูกวางใน Area ที่ต้องการและเหมาะสม ไม่ใช่การวางทั่วหน้าเท่ากัน แต่แพทย์ที่เข้าใจจะพิจารณาจากทิศทางความหย่อนคล้อย การหายไปของปริมาตรผิว คุณภาพผิว ก่อนจะกำหนดแผนในการฉีดและปริมาณต่อจุดให้เหมาะสม ดังนั้นไม่ใช่การฉีดยาแท้จะให้ผลลัพธ์เหมือนกัน
4. ขั้นตอนการผสมและเตรียมยา
โปรแกรม Sculptra ต้องอาศัยการผสมและเตรียมยาอย่างถูกต้องตามมาตรฐานของผู้ผลิต เพราะหากแพทย์ละเลยขั้นตอนนี้ หรือให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์เป็นผู้เตรียมยา ยาอาจไม่กระจายตัวดีและไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลลัพธ์ช้าหรือไม่สม่ำเสมอ
5. ปริมาณยาไม่เพียงพอกับปัญหา
แต่ละตำแหน่งบนใบหน้าและแต่ละปัญหาผิวมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องใช้ปริมาณ Sculptra ที่เหมาะสม เพราะการฉีดน้อยเกินไปจะทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือเห็นผลช้า การประเมินปัญหาผิวอย่างละเอียด การวิเคราะห์ชั้นผิว และการวางแผนปริมาณอย่างแม่นยำโดยแพทย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้เห็นผลชัดเจน แต่ยังทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ ปรับรูปหน้าได้สมดุล และลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงหรือความไม่สม่ำเสมอของผิว
6. คุณภาพของผลิตภัณฑ์
การใช้ยา Sculptra ปลอม หรือผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพต่ำ ไม่เพียงทำให้ผลลัพธ์หลังการฉีดโปรแกรม Sculptra ไม่ชัดเจน แต่ยังเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น การอักเสบหรือการเกิดก้อนใต้ผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แท้และมีคุณภาพร่วมกับเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์หลังทำหัตถกาาร เพราะบางคลินิกมีการใช้ยาที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการเจือจางยาก่อนการฉีด ดังนั้นก่อนทำการฉีดโปรแกรม Sculptra ควรแสกนกล่องตั้งแต่แรก และขั้นตอนการผสมยา เพื่อความมั่นใจของผลลัพธ์หลังการรักษา
7. ความคาดหวังไม่ตรงกับผลลัพธ์
หลายคนคาดหวังผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด แต่โปรแกรม Sculptra เห็นผลช้า ต้องใช้เวลา 1-3 เดือนในการสร้างคอลลาเจนใหม่ การให้คำแนะนำคนไข้และปรับความคาดหวังโดยแพทย์จะช่วยให้คนไข้เข้าใจว่าผลลัพธ์เป็นไปตามธรรมชาติ แม้ว่าปัจจุบันจะมี Marketing Product ทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกว่าอยากทำโปรแกรมฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Sculptra แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการทำโปรแกรม Sculptra เพราะในการรักษาต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัญหาจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อวางแผนการรักษาให้กับคนไข้อย่างละเอียด
8. ความแตกต่างทางพันธุกรรม
เพราะแต่ละคนมีความสามารถในการสร้างคอลลาเจนต่างกัน ผลลัพธ์จึงแตกต่างกันไป แม้ใช้เทคนิคหรือปริมาณยาเดียวกัน การที่บางคนฉีดโปรแกรม Sculptra แล้วไม่เห็นผล ส่วนหนึ่งมาจากความแตกต่างทางพันธุกรรมและลักษณะผิวเฉพาะตัว ความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการประเมินปัญหา ปรับแผนการรักษา และเลือกปริมาณยาให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ฟูและกระชับขึ้น
ฉีดโปรแกรม Sculptra คุ้มค่าไหม?

หลังจากรู้กันแล้วว่าทำไมฉีดโปรแกรม Sculptra แล้วไม่เห็นผล หลายคนอาจสงสัยต่อว่าโปรแกรม Sculptra คุ้มค่าไหม เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์หรือหัตถการอื่น ๆ คำตอบคือ คุ้มค่าหากเลือกใช้กับคนไข้ที่เหมาะสม เพราะการฉีดโปรแกรม Sculptra ไม่ได้แค่เติมเต็มใบหน้า แต่เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายใน ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่าการฉีดสารเติมเต็มทั่วไป โดยจุดเด่นที่ทำให้ Sculptra คุ้มค่ามีดังนี้
- เพิ่มความอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ : โปรแกรม Sculptra ช่วยคืนความฟูให้กับใบหน้าโดยไม่ดูแข็งหรือบวม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ หน้าดูโทรม หรือเริ่มมีการยุบตัวของชั้นไขมันใต้ผิว เมื่อคอลลาเจนถูกสร้างขึ้น ผิวจะค่อย ๆ ดูเต็มขึ้นอย่างกลมกลืน
- ฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม : ผลลัพธ์ของโปรแกรม Sculptra ไม่ได้มีแค่ความฟู แต่ยังช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นจากการกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติคุณภาพผิว
- คืนความเด้งและความยืดหยุ่นของผิว : เมื่อผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายในหลังจากฉีดโปรแกรม Sculptra คนไข้จะรู้สึกได้ถึงความแน่นและเด้งของผิว ผิวที่เคยหย่อนคล้อยจะค่อย ๆ ตึงขึ้น ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องพึ่งการแต่งหน้า
ทำไมต้องฉีดโปรแกรม Sculptra ที่ DSK Clinic ?
การฉีดโปรแกรม Sculptra ไม่ได้ให้ผลลัพธ์เหมือนกันทุกคน แม้จะใช้ “ยาแท้” เหมือนกันก็ตาม เพราะผลลัพธ์ของโปรแกรม Sculptra นั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความแม่นยำ และเทคนิคเฉพาะของแพทย์ในการวิเคราะห์และวางแผนการฉีด เพื่อให้พลังของการกระตุ้นคอลลาเจนทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

ที่ DSK Clinic ทุกขั้นตอนของการฉีดโปรแกรม Sculptra ดำเนินการโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการยกกระชับและฟื้นฟูผิว ซึ่งคุณหมอปอร์เช่ (นพ.สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์) Founder and Medical director จาก DSK Clinic ได้รับการคัดเลือกเป็น Rising Star จากโครงการประกวดแพทย์ผู้ฝึกสอนโปรแกรม Sculptra ในงาน GTGT 2025 (Gain Thaialnd Got Trainer) โดย Galderma Thailand ที่การันตีความสามารถระดับประเทศ นอกจากนี้ แพทย์จาก DSK ยังใช้เทคนิคเฉพาะที่ชื่อว่า Advance CMS (Custom Multi-direction Stimulation) ซึ่งเป็นเทคนิคการฉีดแบบปล่อยยาหลายทิศทาง ช่วยกระจายตัวยาอย่างทั่วถึง ปรับตามสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล ทั้งในด้านการยกกระชับ การย้อนวัย และการฟื้นฟูผิวจากหลุมสิว
แพทย์ที่ DSK ผ่านการเทรนจาก Global และ Asia Pacific Trainer ของโปรแกรม Sculptra

แม้แพทย์ทุกคนที่ฉีดโปรแกรม Sculptra จะควรผ่านการเทรนขั้นพื้นฐาน แต่จะมีแพทย์บางคนเท่านั้นที่จะมีประสบการณ์การเรียนรู้เทคนิคแบบ Advance จากแพทย์ชื่อดังระดับโลก แพทย์ที่ DSK แต่ละท่านจะมีเทคนิคของตัวเอง ซึ่งการเรียนรู้ที่มากขึ้นจะทำให้แพทย์สามารถดึงศักยภาพตัวยามาใช้ได้มากขึ้น โดยทีมแพทย์ DSK ผ่านการเทรนจากแพทย์ ทั้งจากทวีปอเมริกา (Dr. Luis Avelar) ทวีปเอเชีย (Dr. Jeff Huang) และทวีปยุโรป (Dr. Christoph Martschin) ทำให้ DSK เป็นผู้นำด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้า รวมไปถึงการฉีดโปรแกรม Sculptra
สรุป ทำไมบางคนถึงฉีด Sculptra แล้วไม่เห็นผล
สำหรับใครที่ยังลังเลว่าโปรแกรม Sculptra คุ้มไหม ต้องบอกเลยว่า “คุ้ม” หากทำโดยแพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินได้อย่างแม่นยำว่า คุณเหมาะกับการทำ Sculptra จริงหรือควรเลือกหัตถการอื่น พร้อมวางแผนปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการเห็นผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม Sculptra ที่ชัดเจนและยาวนาน คือเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องและการดูแลหลังทำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ คนไข้ต้องเข้าใจด้วยว่าโปรแกรม Sculptra เห็นผลช้า ซึ่งจะเห็นผลชัดในช่วง 2–3 เดือนหลังฉีด เนื่องจากเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว แต่เมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ผิวจะค่อย ๆ ฟู แน่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่ช่วย ฟื้นฟูผิวให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง





