- Blog
- Custom Skin Quality
- July 11, 2025
Exosome vs Rejuran เทียบชัด! เลือกตัวไหนดีให้ผิวปังแบบสาวเกาหลี

หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic

สารบัญ
กระแสผิวสวยฉ่ำวาวสุขภาพดีแบบสาวเกาหลี หรือ “Glass Skin” ยังคงเป็นเป้าหมายผิวในฝันของใครหลายคน ทำให้เทรนด์งานผิวใหม่ ๆ ถูกพูดถึงอยู่เสมอ และสองชื่อที่โดดเด่นที่สุดในนาทีนี้คงหนีไม่พ้น Exosome (เอ็กโซโซม) และ Rejuran (รีจูรัน) ซึ่งต่างก็เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวระดับเซลล์ที่ให้ผลลัพธ์น่าทึ่ง
แต่หลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่าทั้งสองตัวนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร? แล้วปัญหาผิวของเราควรเลือกทำตัวไหนดี? บทความนี้ หมอจะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันแบบชัด ๆ ทุกมิติ ตั้งแต่ส่วนประกอบ หลักการทำงาน ไปจนถึงผลลัพธ์ เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผิวของคุณครับ
ทำความรู้จัก Exosome และ Rejuran สองนวัตกรรมฟื้นฟูผิวตัวท็อป
ก่อนที่เราจะไปเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด เรามาทำความรู้จักพระเอกทั้งสองตัวนี้กันก่อน ว่าแต่ละตัวคืออะไร และมีกลไกการทำงานที่ช่วยฟื้นฟูผิวของเราได้อย่างไร
Exosome คืออะไร?
Exosome (เอ็กโซโซม) คืออนุภาคขนาดนาโนที่ถูกปล่อยออกมาจากสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ทำหน้าที่เสมือน “ผู้ส่งสาร” ระหว่างเซลล์ ภายใน Exosome อัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูผิวมากกว่า 1,000 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น Growth Factors, Peptides, Amino Acids, Coenzymes และสารสำคัญอื่นๆ ที่ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมและบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก
หลักการทำงานของ Exosome ในการฟื้นฟูผิว
หัวใจสำคัญของ Exosome คือการ “สื่อสารและสั่งการเซลล์” ครับ เมื่อเรานำ Exosome เข้าสู่ผิว อนุภาคเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง โดยจะส่งสัญญาณให้เซลล์สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้น กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ลดกระบวนการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม เปรียบเสมือนการส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปซ่อมบำรุงผิวถึงระดับเซลล์เลยทีเดียว
Exosome ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?
ด้วยกลไกการฟื้นฟูที่ครอบคลุม ทำให้ Exosome สามารถจัดการปัญหาผิวได้หลากหลายมิติ ได้แก่
- ลดเลือนริ้วรอย : กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ริ้วรอยตื้น ๆ ดูจางลง ผิวดูอ่อนเยาว์
- เพิ่มความกระจ่างใส : ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวที่หมองคล้ำกลับมาสดใส ลดรอยดำและฝ้ากระ
- ลดรอยแดงและการอักเสบ : มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบของสิวและรอยแดงต่าง ๆ
- กระชับรูขุมขน : เมื่อผิวแข็งแรงและสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น รูขุมขนก็จะดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น
- ฟื้นฟูผิวแพ้ง่าย : ช่วยปรับสมดุลและสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดอาการแพ้และระคายเคือง
- รักษาปัญหาผมร่วง : สามารถใช้กับหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมได้
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Exosome?
Exosome เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม หรือมีปัญหาผิวหลายอย่างร่วมกัน เช่น
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
- ผู้ที่มีผิวอักเสบง่าย ผิวแพ้ง่าย หรือมีปัญหาสิว
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ให้กลับมาดูสุขภาพดีและแข็งแรง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มี Exosome ที่ผ่าน อย. และได้มาตรฐานในการผลิต ทำให้หมอยังไม่แนะนำให้ฉีด Exosome ในเวลานี้ครับ
Rejuran คืออะไร?
Rejuran (รีจูรัน) คือ Skin Rejuvenation Booster ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Polynucleotide (PN) หรือ PDRN ซึ่งเป็นชิ้นส่วน DNA บริสุทธิ์ที่สกัดมาจากปลาแซลมอนในธรรมชาติ โดยมีผลวิจัยรองรับว่ามีความเข้ากันได้ดีกับ DNA ของมนุษย์สูงมาก เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นหนังแท้จึงไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านจากร่างกายและมีความปลอดภัยสูงครับ
หลักการทำงานของ Rejuran เพื่อผิวแข็งแรง
หาก Exosome คือผู้ส่งสาร Rejuran ก็เปรียบเสมือน “ช่างซ่อมบำรุง” ที่เข้าไปซ่อมแซมโครงสร้างผิวโดยตรงครับ โดย Polynucleotide (PN) จะเข้าไปกระตุ้นการซ่อมแซม DNA ของเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และเป็นสารตั้งต้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น เพิ่มความหนาแน่นของชั้นผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ให้สุขภาพดีขึ้นจากภายใน
Rejuran ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?
Rejuran จะโดดเด่นในเรื่องการปรับปรุง “คุณภาพผิว” (Skin Quality) ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับปัญหาผิวเหล่านี้ครับ
- ผิวแห้งขาดน้ำ : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว มีชีวิตชีวา
- รูขุมขนกว้างและผิวไม่เรียบเนียน : ช่วยให้ผิวฟูและแน่นขึ้น รูขุมขนจึงดูกระชับ ผิวโดยรวมดูละเอียดขึ้น
- ริ้วรอยตื้นๆ (Fine Lines) : ช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้าดูจางลง
- รอยแผลเป็นจากสิว (Acne Scars) : ช่วยซ่อมแซมผิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้รอยแผลเป็นดูตื้นขึ้น
- สร้างผิวแข็งแรง ผิวกระจก (Glass Skin) : เป็นตัวที่นิยมมากในการสร้างพื้นฐานผิวให้แข็งแรง สุขภาพดี ดูโกลว์ใสเป็นประกาย
- ใช้ร่วมกับการทำเลเซอร์ : สามารถใช้ Rejuran ร่วมกับการทำ Pico Laser เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวและฟื้นฟูผิวหลังทำเลเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Rejuran?
Rejuran เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวและมีความต้องการดังนี้
- ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ต้องการผิวฉ่ำวาว
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ลดความมันบนใบหน้า
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวกระจก (Glass Skin) แบบสาวเกาหลี
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาหลุมสิวควบคู่ไปกับเลเซอร์
เปรียบเทียบชัด ๆ Exosome vs Rejuran ต่างกันอย่างไร?

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น หมอได้สรุปความแตกต่างที่สำคัญของทั้งสองตัวนี้มาให้ดูในหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้ครับ
แหล่งที่มาและส่วนประกอบหลัก
- Exosome : สกัดจากสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลหลากหลายชนิด เช่น Growth Factor, Peptide, miRNA ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร
- Rejuran : สกัดจาก DNA ปลาแซลมอน (Salmon DNA) ได้เป็นสาร Polynucleotide (PN) บริสุทธิ์ ทำหน้าที่เป็นวัตถุดิบในการซ่อมแซม
กลไกการออกฤทธิ์เด่น
- Exosome : เน้นการสื่อสารและสั่งการเซลล์ (Cell-to-Cell Communication) เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง ลดการอักเสบแบบครอบคลุม
- Rejuran : เน้นการซ่อมแซมโครงสร้างผิวโดยตรง (Structural Repair) โดยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
ปัญหาผิวที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
- Exosome : เก่งเรื่องการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ลดการอักเสบ ปรับสมดุลผิว เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหลากหลาย หรือผิวแพ้ง่ายที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
- Rejuran : เก่งเรื่องการปรับปรุงคุณภาพผิว สร้างผิวแข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้น มอบผลลัพธ์ผิวกระจกที่ชัดเจน และช่วยเรื่องความเรียบเนียน
ระยะเวลาเห็นผลและผลลัพธ์ที่คงอยู่
ทั้งสองตัวเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ในสัปดาห์แรกๆ หลังทำ แต่ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่วไปแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคลครับ
ความรู้สึกขณะทำและผลข้างเคียงที่อาจพบ
ทั้ง Exosome และ Rejuran เป็นหัตถการแบบฉีด ก่อนทำจะมีการแปะยาชาเพื่อลดความเจ็บ หลังทำอาจมีรอยเข็ม หรือตุ่มนูนเล็ก ๆ ได้ ซึ่งจะยุบหายไปเองภายใน 1-3 วัน โดย Rejuran อาจเกิดตุ่มนูนได้ชัดกว่าเล็กน้อย แต่ก็เป็นอาการปกติที่ไม่อันตรายครับ
Exosome vs Rejuran เลือกตัวไหนดีให้เหมาะกับสภาพผิวคุณ หมอ DSK Clinic ตอบให้!

หลังจากได้ทราบข้อมูลของทั้งสองตัวแล้ว คำถามสำคัญที่สุดคือ แล้วเราควรเลือกตัวไหน?
ในฐานะแพทย์ หมอต้องให้ข้อมูลตามความจริงว่า ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2568) ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ Exosome ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทำให้การควบคุมมาตรฐานแหล่งที่มา ความบริสุทธิ์ และความปลอดภัยยังไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจน
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีมาตรฐานสูงสุด ที่ DSK Clinic เราให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ผ่านการรับรองและมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับอย่างหนักแน่นครับ สำหรับงานฟื้นฟูคุณภาพผิว หมอจึงแนะนำการรักษาในกลุ่มต่อไปนี้ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมและปลอดภัยครับ
- กรณีเน้นงานผิวฉ่ำวาว เพิ่มความชุ่มชื้น : Rejuran, Profhilo หรือ Belotero Revive เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์โดยตรง ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดี
- กรณีมีปัญหาสีผิว รอยดำ รอยแดงสิว หรือผิวไม่เรียบเนียน : การใช้เลเซอร์ เช่น Redtouch Pro หรือ Pico Laser ด้วยเทคนิค Custom Pico ของ DSK จะช่วยแก้ปัญหาเม็ดสีและความเรียบเนียนได้ตรงจุด
- กรณีมีปัญหาผิวไม่เรียบเนียนที่ลึกขึ้น เช่น หลุมสิว รูขุมขนลึก : แนะนำให้ใช้ Potenza ด้วยเทคนิค Custom Potenza ซึ่งสามารถลงพลังงานได้ลึกและกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กรณีต้องการความอ่อนเยาว์และยกกระชับ : สามารถทำหัตถการเหล่านี้ร่วมกับเครื่องมือยกกระชับ เช่น Ulthera, Oligio, Thermage หรือสารกระตุ้นคอลลาเจนอย่าง Sculptra และ Radiesse เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Exosome และ Rejuran
หมอได้รวบรวมคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับสองหัตถการนี้มาตอบให้ครับ
1. ฉีด Exosome หรือ Rejuran เจ็บไหม?
ก่อนการฉีดจะมีการแปะยาชาประมาณ 45 นาที เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บครับ ระหว่างทำอาจรู้สึกเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วเป็นหัตถการที่ทนได้สบายๆ ครับ
2. ต้องฉีดกี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไปแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 2-4 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นผิวอย่างต่อเนื่องและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด อย่างไรก็ตาม จำนวนครั้งที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพผิวโดยแพทย์ครับ
3. ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
หลังจากทำครบคอร์สแล้ว ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิมและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล การกลับมาทำซ้ำทุกๆ 6 เดือนจะช่วยคงสภาพผิวที่ดีไว้ได้ครับ
4. มีผลข้างเคียงที่อันตรายหรือไม่?
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปคือรอยแดง รอยช้ำ หรือตุ่มนูนจากเข็ม ซึ่งจะหายได้เองใน 1-3 วัน สำหรับผลข้างเคียงที่รุนแรงนั้นพบได้น้อยมาก หากทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
5. Exosome หรือ Rejuran ของแท้สังเกตอย่างไร?
วิธีที่ดีที่สุดคือเลือกทำกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ โดยก่อนฉีดแพทย์ควรแกะกล่องและผสมยาให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นของแท้ที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์จากช่องทางออนไลน์มาฉีดเองเด็ดขาด
6. Exosome และ Rejuran ราคาเท่าไหร่?
ราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นและแผนการรักษาที่แพทย์ออกแบบให้เฉพาะบุคคล แนะนำให้สอบถามกับทางคลินิกที่สนใจโดยตรงเพื่อข้อมูลที่แม่นยำที่สุดครับ
สรุปบทความ
Exosome vs Rejuran ต่างก็เป็นสุดยอดนวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่น่าสนใจ โดย Exosome เปรียบเสมือนผู้สั่งการที่ช่วยฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ในขณะที่ Rejuran คือ ช่างซ่อมบำรุงที่เก่งเรื่องการปรับคุณภาพผิวให้แข็งแรง ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ DSK Clinic ให้ความสำคัญสูงสุดคือ ความปลอดภัยและมาตรฐานที่ผ่านการรับรอง ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำ Rejuran และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ผ่าน อย. ไทย เป็นหลัก เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนพื้นฐานของความปลอดภัย
ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกหัตถการที่เหมาะสมที่สุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระแส แต่ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างตรงจุด ที่ DSK Clinic เราเชื่อมั่นในการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล (Customized Treatment) ขอแนะนำให้คุณเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ของเรา เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่ใช่สำหรับคุณโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ผิวสวยปังในแบบฉบับของคุณเองครับ
