- April 4, 2024
Radiesse VS HA Filler ฉีดตัวไหน เหมาะกับใคร ควรรู้อะไรก่อนฉีด
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป Radiesse VS HA Filler ฉีดตัวไหนดีกว่ากัน?
– Radiesse เป็นฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้เติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยบนใบหน้าโดยสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ หรือเป็น Biostimulator ก็ได้ – HA Filler เป็นฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่สังเคราะห์ที่เลียนแบบสาร Hyaluronic Acid ที่มีในร่างกายอยู่แล้วแต่จะสลายไปเมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้า – Radiesse VS HA Filler จะเน้นการใช้งานในบริเวณที่แตกต่างกัน โดย Radiesse จะสามารถใช้ในบริเวณที่ร่องลึกอย่างร่องน้ำหมากได้ดี คอ และมือได้ ในขณะที่ HA Filler จะเหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเต็มมากกว่า ให้วอลลุ่มที่สูงกว่า – Radiesse จะให้ผลลัพธ์อยู่นานถึง 18 เดือน ส่วน HA Filler จะให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน – Radiesse จะมีราคาอยู่ที่ 36000/1 กล่อง(1.5 cc) ในขณะที่ HA Filler จะอยู่ที่ 10000 – 30000 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด จำนวน CC ที่ต้องใช้ |
เทียบกันให้ชัดสารสองตัวช่วยเติมเต็มร่องลึก บอกลาริ้วรอย Radiesse VS HA Filler ฉีดตัวไหนดีกว่ากัน เลือกฉีดอะไรให้เหมาะกับตัวเอง พร้อมเทียบข้อดี-ข้อเสียให้ได้เห็นกันไปเลย
Radiesse คืออะไร?
หากถามว่า RADIESSE คืออะไร ? พูดง่ายๆ ก็จะเป็นฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้เติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟู เต่งตึง โดย Radiesse จะเป็นสารเติมเต็มแบบ Dermal Filler ที่มีสารประกอบหลักๆ มาจากธรรมชาติ โดย Radiesse จะทำงานด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนโดยตรง จับกับ Fibroblast และกระตุ้นให้สร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งจะต่างจากยาใกล้เคียงอย่าง Sculptra ที่จะกระตุ้นคอลลาเจนผ่านกระบวนการอักเสบในระดับเซลล์ กระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ส่งสัญญาณไปยังเซลล์เพื่อสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
Radiesse เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีที่มีปัญหาผิวแก่ก่อนวัย ผิวไม่กระชับ
- ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าเริ่มสูญเสียคอลลาเจน อีลาสติน ผิวไม่ดี ขาดการบำรุง
- ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีผิวหนังขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ
- ผู้ที่มีร่องลึกต่างๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณ หลังมือ คอ และเนินอก
- ผู้ที่มีต้องการแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน มีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าขรุขระ
HA Filler คืออะไร?
HA Filler หรือ Hyaluronic Acid Filler คือ สารฟิลเลอร์สังเคราะห์ที่เลียนแบบสาร Hyaluronic Acid ที่มีในร่างกายอยู่แล้วแต่จะสลายไปเมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูผุดผ่อง เต่งตึงมีน้ำมีนวลขึ้นมาได้HA Filler เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการลดและแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า เช่น หน้าผาก รอบดวงตา ร่องลึกมุมปาก
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปรับแต่งรูปหน้า เช่น เติมริมฝีปาก ร่องแก้ม
- ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวหน้าให้กลับมาคงความอ่อนเยาว์ สดใส เปล่งปลั่ง
เทียบ Radiesse VS HA Filler ผลลัพธ์ที่ได้ต่างกันไหม?
การฉีด Radiesse สามารถฉีดได้ทั้งแบบฟิลเลอร์ คือเน้นการเติมเต็ม หรือฉีดแบบกระตุ้นคอลลาเจนก็ได้ โดยจะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นไป เนื่องจาก Radiesse มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน หากมีการฉีดแบบ Biostimulator จะแสดงผลลัพธ์ชัดเจนที่ 1-3 เดือน หลังจากที่ฉีดไปแล้ว ในขณะที่ HA Filler จะแสดงผลได้ทันทีสามารถเห็นความแตกต่างหลังฉีดได้ชัดเจน แต่ต้องอาศัยระยะเวลาราวๆ 2 สัปดาห์ในการให้ Filler คงรูปหลังฉีด การฉีเฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานราวๆ 10-12 เดือนจะสลายตัวไปตามธรรมชาติ
เทียบ Radiesse VS HA Filler ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
Radiesse และ HA Filler ต่างก็เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมทั้งนั้น แต่ทั้งสองตัวก็จะมีจุดโดดเด่นที่แตกต่างกันทำให้อาจจะเหมาะกับบางจุดเป็นพิเศษมากกว่า
Radiesse ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
Radiesse จะช่วยในการลดริ้วรอยได้ดี แก้ร่องที่ลึกได้มากกว่าฟิลเลอร์ โดยนอกจากใบหน้าแล้วก็ยังมีที่คอและหลังฝ่ามือที่สามารถทำได้ดีเช่นกัน โดยจุดที่ Radiesse ทำงานได้อย่างโดดเด่นก็จะมี ดังนี้
- ร่องแก้ม ช่วยแก้ปัญหาการยุบตัวในบริเวณใต้ตาหรือร่องแก้ม
- ร่องน้ำหมาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย รอยพับของใบหน้า ร่องลึกต่างๆ ที่พบได้ในบริเวณนี้
- รอยมุมปาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ยกกระชับแก้มและมุมปากให้ดูเยาว์วัย ที่มักเกิดบริเวณมุมปาก
- ริ้วรอยบนลำคอ ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความเต่งตึง
- เติมเต็มหลังมือ ช่วยทำให้ผิวหนังที่หลังมือซึ่งเป็นอวัยวะที่จะแสดงถึงอายุมากที่สุด ดูกระชับเนียนใสได้
HA Filler ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
HA Filler จะช่วยในการเติมเต็มร่องต่างๆ ที่ยังไม่ลึกมาก โดยจะเห็นผลบนใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น
- ร่องแก้ม เติมเต็มร่องลึก ให้ใบหน้าดูเรียบเนียน
- ร่องน้ำหมาก เติมเต็มร่องลึก ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
- รอยมุมปาก เติมเต็มรอยยิ้ม ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส
- ริมฝีปาก เติมให้อวบอิ่ม ช่วยให้ริมฝีปากดูมีเสน่ห์
- ใต้ตา เติมเต็มรอยคล้ำ รอยเหี่ยวย่น ช่วยให้ใต้ตาดูสดใส
- หน้าผาก เติมเต็มรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้หน้าผากเรียบเนียน
โดยสรุปแล้ว Radiesse จะมีความหนืดมากกว่า HA Filler จึงเหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มีร่องลึกมากๆ เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก โดยที่ Radiesse ไม่ได้แค่เติมเต็มร่องลึก แต่ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่ต้องการยกกระชับได้เป็นอย่างดี
Radiesse VS HA Filler เหมาะกับใคร
Radiesse จะเหมาะกับคนต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
- ผิวหน้าหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก
- ผู้ที่ต้องการระยะยาว
- ต้องการบำรุงผิวหน้าให้กลับมาคงความอ่อนเยาว์ สดใส เปล่งปลั่ง
HA Filler จะเหมาะกับคนต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าอย่างรวดเร็ว
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
เทียบราคา Radiesse VS HA Filler ตัวไหนคุ้มกว่ากัน
โดยทั่วไปราคาของ Radiesse จะอยู่ที่ 36,000 บาท ซึ่งถึงแม้ Radiesse จะมีราคาสูงแต่ก็มีความคุ้มค่า เพราะตัวสารสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี ถ้าดูแลอย่างถูกวิธี ส่วน HA Filler ก็จะมีราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ 10,000 – 30,000 บาท แต่ก็จะมีอายุของผลลัพธ์ที่ต่ำกว่าจนอาจจะต้องมาเติมบ่อยกว่า
ซึ่งราคาที่แตกต่างกันก็จะมาจากปัจจัยโดยละเอียด ดังนี้
ข้อเปรียบเทียบ | Radiesse | Filler (HA) |
---|---|---|
องค์ประกอบของยา | Calcium hydroxylapatite(CaHA) | Hyaluronic Acid (HA) |
ความปลอดภัย | ผ่านการรับรองจาก EU US FDA และ อย. ในประเทศไทย | ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ในประเทศไทย (*บางยี่ห้อเท่านั้น) |
ระยะเวลาที่สารออกฤทธิ์ | 12-18 เดือน * หากดูแลดี อยู่ได้นานกว่านั้น | 10-12 เดือน |
การทำงานของสาร | สามารถฉีดได้ทั้งแบบฟิลเลอร์ คือเน้นการเติมเต็ม หรือ ฉีดแบบกระตุ้นคอลลาเจนก็ได้ | เติมเต็มใต้ชั้นผิวหนัง โดยมีเนื้อของสารเติมเต็มหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบนุ่มและแบบแข็งเพื่อทดแทนจุดฉีดแบบต่างๆ |
เหมาะกับใคร | อายุ 20 ปีขึ้นไป ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ต้องการกระตุ้นคอลลาเจน มีปัญหาริ้วรอยลึก *จุดเด่นคือฉีดเติมเต็มริ้วรอยที่คอ และ หลังมือได้ | อายุ 20 ปีขึ้นไป ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที เน้นการปรับรูปหน้า เติมร่องตื้น ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวกักเก็บน้ำ |
ผลลัพธ์หลังทำ | ค่อยๆ เห็นผล ผิวเต่งตึง ผิวเรียบเนียน ราว 1- 3 เดือนจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน | เห็นผลทันทีหลังฉีด เติมเต็มร่องลึก ปรับโครงสร้างหน้า |
ราคา *ปริมาณที่ใช้ อาจแตกต่างตามปัญหาและการประเมินของแพทย์ | ฿36,000 /ขวด (1.5 CC ) | ฿10,000 – ฿30,000 / ( 1 CC ) |
ฉีด Radiesse กับ HA Filler ที่ DSK Clinic ดีกว่าอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นยาประเภทไหน เทคนิคการฉีดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะแม้ใช้ยาแท้ แต่หากขาดความแม่นยำ วางยาผิดจุด ผิดตำแหน่ง ผิดความลึก ขาดการวิเคราะห์และเทคนิคที่ดี ก็อาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ทั้ง Sculptra, Filler และ Radiesse เป็นยาที่อาศัยความแม่นยำสูง ผลลัพธ์ขึ้นกับเทคนิคเป็นหลัก
ที่ DSK clinic เรารวบรวมและพัฒนาทีมแพทย์ที่ ชำนาญการด้านยกกระชับ ฟิลเลอร์ และการปรับรูปหน้า อย่างต่อเนื่อง เราออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล รักษาแบบตรงจุด ผสานเทคนิคการวิเคราะห์ปัญหา และการวางแผนการรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้เรายังมีประสบการณ์ระดับประเทศ รางวัลอันดับ 1 คลินิกที่มีประสบการณ์ฉีด Sculptra สูงสุด และ 1 ใน 10 คลินิกที่มีประสบการณ์ฉีดแบรนด์ฟิลเลอร์ชั้นนำสูงสุด
วิเคราะห์ใบหน้า
วิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียด ฉีดอย่างแม่นยำ เลือกยาเหมาะสม ออกแบบเทคนิคฉีดแม่นยำ กระดูกชั้นลึก ชั้นกลาง และชั้นตื้นตามสาเหตุ เพื่อความเป็นธรรมชาติ
เทคนิคเฉพาะ
เทคนิค ABI Technique เฉพาะ DSK เน้นข้าใจสาเหตุของปัญหาลึกถึงระดับกายวิภาค เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ดูดีอย่างธรรมชาติ โดยใช้ยาน้อยกว่า แต่ผลออกมาสวยที่สุด
Advance CMS
เทคนิค Advance CMS (Custom Multi-Direction Simulation)เทคนิคเฉพาะที่ DSK ฉีดแบบปล่อยยา กระตุ้นหลายทิศทาง แก้ปัญหาเฉพาะบุคคล ปรับเทคนิคตามปัญหา
นอกจากนี้เรายังมีประสบการณ์ระดับประเทศ ทีมแพทย์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญได้รับการไว้วางใจขจากคนไข้ ได้รับ รางวัลอันดับ 1 คลินิกที่มีประสบการณ์ฉีด Sculptra สูงสุด และ 1 ใน 10 คลินิกที่มีประสบการณ์ฉีดแบรนด์ฟิลเลอร์ชั้นนำสูงสุด เป็นเพียงไม่กี่คลินิกผ่านการพัฒนาเทคนิคการฉีดอย่างเข้มข้นทั้งจาก Global และ Asia Pacific Trainer จึงเป็นการรวมเทคนิคจากทั่วโลกประยุกต์เข้ากับเทคนิคของทีมแพทย์ DSK เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
รีวิว Radiesse
รีวิว HA Filler
สรุป
Radiesse VS HA Filler ต่างก็เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการเติมเต็มร่องลึก และริ้วรอย แต่ทั้งสองแบบก็มีความแตกต่างในเรื่องต่างๆ กันไป เช่น เรื่องราคา จุดที่เหมาะต่อการใช้งาน อายุการคงอยู่ และรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับความต้องการ และคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยว่าตัวไหนจะเหมาะสมกับปัญหาที่ผู้ใช้บริการพบเจอมากกว่ากัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Radiesse VS Filler (FAQ)
ต่อไปนี้ก็จะเป็นคำถามที่พบได้บ่อยๆ เกี่ยวกับ Radiesse VS HA Filler ซึ่งเราก็รวบรวมคำตอบเอาไว้ให้แล้วดังนี้
ทำไม HA Filler จึงแก้ไขได้ง่ายกว่า
HA Filler ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และหากจำเป็นแพทย์ก็จะสามารถฉีดเร่งสลาย HA Filler ได้ด้วย จึงทำให้สามารถปรับรูปทรงได้ง่าย
Radiesse ไม่ต้องเสียเงินฉีดบ่อยจริงหรือไม่
Radiesse จะสามารถให้ผลคงอยู่ได้อย่างยาวนาน 1 – 2 ปี หากดูแลได้อย่างเหมาะสม จึงเป็นเรื่องจริงที่ไม่ต้องมาฉีดบ่อยก็ได้
Radiesse ฉีดแล้วเห็นผลทันทีหรือไม่
Radiesse จะเห็นผลลัพธ์ทันทีภายใน 1 – 4 สัปดาห์แรกหลังฉีด แต่ผลลัพธ์ค่อยๆ เห็นผลดีขึ้นเรื่อยจนถึงช่วง 6 – 24 เดือน ที่จะเกิดผลได้เต็มที่
Radiesse VS Filler อะไรเจ็บกว่ากัน
ความเจ็บปวดนั้นใกล้เคียงกัน
ฉีด Radiesse แล้วห้ามโดนความร้อนเหมือนฉีด Filler หรือไม่
ไม่จำเป็นต้องเลี่ยงความร้อนหลังฉีด Radiesse เนื่องจาก Radiesse ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แทนที่จะเป็นการเติมช่องว่าง เหมือน HA Filler จึงไม่มีความเสี่ยงที่จะละลายจนเสียรูป
บทความที่เกี่ยวข้อง
- RADIESSE® (เรเดียสซ์) สารฉีดกระตุ้นการสร้างเส้นใยผิวใหม่ ช่วยให้ผิวสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ ได้ยาวนานด้วยเทคนิคเฉพาะ ที่ DSK Clinic เท่านั้น
- ฉีดฟิลเลอร์ คือ? มีแบบไหนบ้าง? เลือกคลินิกอย่างไรให้เห็นผลธรรมชาติ
- Sculptra VS Radiesse เทียบคนละหมัด ตัวท็อปหน้าเด็ก 2 ค่ายดัง
- Ulthera vs Thermage vs Filler vs Botox อยากใบหน้ายกกระชับทำตัวไหนดี?
- ฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย ยี่ห้อไหนดีที่สุด มีรุ่นอะไรบ้าง