- November 23, 2023
Sculptra VS Radiesse เทียบคนละหมัด ตัวท็อปหน้าเด็ก 2 ค่ายดัง
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป Sculptra VS. Radiesse อะไรดีกว่ากัน
1. ข้อดีของ Sculptra และ Radiesse คือตัวยาเป็น Biostimulator ทั้งคู่ เมื่อฉีดเข้าร่างกาย สามารถย่อยสลายได้หมด ต่างจากฟิลเลอร์ 2. Radiesse เป็นการกระตุ้นการฉีดผิวแบบทั่วๆ ไป คือการนำมาเจือจางก่อน จะให้ผลลัพธ์ที่คล้ายๆ กับ Sculptra ซึ่งมันจะไม่ได้เติมเต็มผิวทันที โดยการฉีดจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแพทย์ผู้ประเมินอาการ ว่าเหมาะสมกับการฉีดแบบใด 3. Sculptra ที่ 1 ขวด และ Radiesse ที่ 2 หลอด จะสร้างคอลลาเจนได้พอๆ กัน แต่ Radiesse จะได้อีลาสตินที่มากกว่า 4. ที่ DKS Clinic ดีกว่ายังไง? นอกจากมาตรฐานด้านเครื่องมือ และทีมแพทย์แล้ว สิ่งที่ทำให้ DSK Clinic แตกต่างจากคลินิกอื่นๆ คือการรักษาโดยยึดหลักการ Customization หรือการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล การรักษาที่ผ่านการ “วิเคราะห์ วางแผน และเลือกเทคนิคการรักษาเพราะปัญหาผิวของทุกคนมีความแตกต่างกัน” |
สาร Sculptra และ Radiesse มีจุดร่วม คือมันเป็นยาที่กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมา คือคอลลาเจน โดยที่ยา 2 ตัวนี้พอมันสร้างคอลลาเจนขึ้นมาแล้ว มันก็จะทำให้ร่องต่างๆ บนผิวหน้า เต็มขึ้นแทนที่การฉีดฟิลเลอร์ได้ พอคอลลาเจนมากขึ้น ก็จะเกิดผิวที่เฟิร์ม และเกิดผิวที่ยืดหยุ่นมากขึ้นโดย Sculptra และ Radiesse เป็นคู่แข่งกันในต่างประเทศมาอย่างยาวนาน ซึ่ง Radiesse มาจากบริษัท Merz Aesthetics ส่วน Sculptra ก็มาจากบริษัท Galderma โดยเป็นที่รู้จักในต่างประเทศมาประมาณ 20 ปี
บทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบให้เห็นว่าทั้ง Radiesse และ Sculptra ยาทั้ง 2 ตัวนี้ แตกต่างกันอย่างไร ตัวไหนดีกว่ากัน และมีวิธีการใช้อย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
องค์ประกอบของตัวยา
ตัวยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็น Biostimulator ทั้งคู่ ฉีดเพื่อเพิ่มเนื้อ สร้างวอลลุ่มให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย เมื่อฉีดเข้าร่างกาย สามารถย่อยสลายได้หมด (Biodegradable sustain) ไม่เหมือนกับ filler ที่เมื่อสลายไปแล้วก็ยังตกค้างในร่างกายอยู่บ้าง
Radiesse คือ
RADIESSE® (เรเดียสซ์) เป็นสารฉีดบริเวณผิวหนังที่ไม่ใช่กรดไฮยาลูโรนิก ปริมาตร 1.5 ซีซี มีส่วนประกอบหลักของ CaHA (Calcium Hydroxylapatite – แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ที่สังเคราะห์ขึ้นกระจายตัวอยู่ในเจล มีส่วนประกอบของน้ำ (น้ำกลั่นสำหรับยาฉีด USP), กลีเซอริน (USP), Sodium Carboxymethylcellulose (โซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส) (USP) โดยเจลจะถูกปลดปล่อยในชั้นผิวและจะถูกเนื้อเยื่ออ่อนเจริญแทนที่ ในขณะที่ CaHA จะยังคงอยู่ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือการฟื้นฟูสภาพผิว และการเติมเต็มเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผิวหนังแบบระยะยาวที่กึ่งถาวร
Sculptra คือ
Sculptra เป็นสารกลุ่ม Biostimulator ที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นเนื้อเยื่อ Collagen , Elastin และ Hyaluronic acid ใต้ผิวหนัง โดยมีองค์ประกอบคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่มีประโยชน์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งโมเลกุล PLLA มีการกระตุ้นเซลล์ fibroblast ผ่านการทำงานของ Macrophage และ กระตุ้นให้เกิดคอลลาเจนมาล้อมรอบตัวมากขึ้นในตลอดระยะเวลา 2 ปี
การออกฤทธิ์ของสาร กลไกการกระตุ้นคอลลาเจน
Sculptra จะออกฤทธิ์ผ่านกระบวนการอักเสบในระดับเซลล์ (Subclinical inflammation) ส่งสัญญาณไปกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์เม็ดเลือดขาวจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบาสต์ (Fibroblast) เพื่อสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
ในขณะที่ Radiesse จะเข้าไปจับกับ Fibroblast โดยตรง และกระตุ้นให้ Fibroblast เริ่มสร้างเส้นใยคอลลาเจนในปริมาณที่มากขึ้น
ทั้งนี้ ยังไม่มีงานวิจัยที่บ่งชี้ชัดเจนว่า กลไลที่ต่างกันนี้ กลไกแบบไหนมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า ประเด็นในการเลือกตัวยาสองตัวนี้ จึงอยู่ที่การเลือกให้เหมาะสมกับปัญหามากกว่า
จุดที่เหมือนกันระหว่าง Sculptra VS. Radiesse
ทั้ง Sculptra และ Radiesse ทำงานโดยการฉีดลงภายใต้ผิวหนัง หลังจากนั้นก็จะเกิดกลไกกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้น เส้นใยเหล่านี้เมื่อมีมากขึ้นก็จะช่วยเติมเต็มริ้วรอย บริเวณที่ผิวมีการยุบตัวให้กลับมาเต็มขึ้น รวมถึงทำให้มีผิวหนังแน่นเฟิร์มกระชับมากขึ้น มีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น พูดง่ายๆ เหมือนเป็นการย้อนวัยผิวหนังให้เด็กลง และทำให้ผิวหนังมีความหนาตัวมากขึ้นนั่นเอง
ความแตกต่างระหว่าง Sculptra VS. Radiesse
มีหนึ่งเรื่องที่คนมักเข้าใจผิดครับว่า “Sculptra เป็นขวดที่บรรจุผง ต้องมีการผสมน้ำเกลือ ส่วน Radiesse ต้องฉีดผ่านไซริงค์แบบฟิลเลอร์เลย” ซึ่งเรื่องนี้มีทั้งข้อที่ถูกและผิด เพราะจริงๆแล้ว Radiesse สามารถฉีดได้หลายแบบ
- หวังผลการเติมเต็มทันที เราสามารถฉีดเหมือนฟิลเลอร์ได้เลย คือใช้ 1 หลอดเติมเต็มผิวบริเวณนั้นเลย ร่องต่างๆ ก็จะเต็มขึ้นทันทีจากเนื้อเจล และคงอยู่ได้นาน 3-6 เดือน หลังจากเนื้อเจลเริ่มสลาย การสร้างเส้นใยของผิวจะเริ่มมาแทนที่
- หวังผลการกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณกว้าง ใช้ Radiesse มาผสมน้ำให้เจือจาง (Diluted หรือ Hyperdiluted) ฉีดในบริเวณกว้าง หรือบริเวณที่เป็นเนื้อเยื่อบางๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในบริเวณกว้างขึ้น
พูดง่ายๆ ว่าหากเป็นการกระตุ้นการฉีดผิวแบบทั่วๆ ไป คือการนำมาเจือจางก่อน จะให้ผลลัพธ์ที่คล้ายๆ กับ Sculptra ซึ่งมันจะไม่ได้เติมเต็มผิวทันที โดยการฉีดจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแพทย์ผู้ประเมินอาการ ว่าเหมาะสมกับการฉีดแบบใด
เรื่องเข้าใจผิดระหว่าง Sculptra VS. Radiesse
หลายๆ โฆษณาบอกว่า Radiesse ฉีดเพียงครั้งเดียว แต่ Sculptra ต้องฉีดหลายครั้ง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะการฉีด Sculptra และ Radiesse ในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับความเสียหายของผิวและขึ้นอยู่กับอายุ ยิ่งคุณอายุมากคุณอาจจะต้องการการฉีดหลายครั้ง ยิ่งคุณอายุน้อยคุณอาจจะต้องการการฉีดจำนวนน้อยกว่า
สรุปง่ายๆ
- Radiesse ใช้ประมาณ 2 หลอดต่อ 1 ครั้ง และ การฉีดเริ่มที่ 1-3 ครั้ง
- Sculptra ก็เช่นเดียวกัน ใช้ตั้งแต่ 1 ถึง 2 ขวดต่อ 1 ครั้ง 1-3 ครั้งแล้วแต่อายุ
ดังนั้นการฉีด 1 หลอดต่อทุกอายุ 1 ครั้งแต่อยู่ยาวไปเลย 2 ปี นั้นไม่เป็นความจริง ขึ้นอยู่กับระดับปัญหา และระดับอายุของเราด้วย
ผลการวิจัย Sculptra VS. Radiesse ตัวไหนกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่ากัน
ขออธิบายก่อนว่าในทางวิทยาศาสตร์การที่จะเทียบประสิทธิภาพของ 2 สาร จะต้องมีการทดลองที่จะนำมาเทียบกันอย่างชัดเจน อาจจะไม่สามารถใช้งานวิจัยอัน A เทียบกับงานวิจัยอัน B ได้ เพราะวิธีทางการวิจัยก็มีการทำที่แตกต่างกัน
แต่มีงานวิจัยตัวหนึ่งที่นำ Sculptra และ Radiesse มาเทียบกันชัดๆ โดยที่ทดลองกับท้องแขนข้างนึง ฉีดด้วย Sculptra และอีกข้างนึงฉีดด้วย Radiesse หลังจากนั้นก็มีการวัดค่าต่างๆ มากมาย ปรากฏว่าได้กราฟออกมาตามนี้
จากภาพ ผลลัพธ์หลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าผิวใต้ท้องแขนฝั่งซ้ายที่ฉีด PLLA เห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องของความหย่อนที่ดี และเส้นรอบวงเล็กลง
Radiesse
Sculptra
จากกราฟจะพบว่า Sculptra และ Radiesse สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้พอๆ กัน แต่ Radiesse จะกระตุ้นอีลาสตินได้มากกว่า แต่อย่าเพิ่งเชื่องานวิจัยนี้ทันที เพราะว่า…
“รู้ไหมครับว่าเขาใช้ปริมาณยาเท่าไหร่ในการวิจัยครั้งนี้ ? ”
ผลลัพธ์ที่เราเห็นจากกราฟนี้ เขาใช้ Sculptra 1 ขวด และ Radiesse 2 หลอดต่อการฉีดท้องแขน 1 ข้างเท่ากัน ดังนั้นงานวิจัยนี้จะยังสรุปผลได้ไม่ชัดเจนว่า Sculptra และ Radiesse ในปริมาณเท่าๆกัน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ดังนั้น การทดลองนี้สรุปได้เพียงว่า Sculptra ที่ 1 ขวด และ Radiesse ที่ 2 หลอด จะสร้างคอลลาเจนได้พอๆ กัน แต่ Radiesse จะได้อีลาสติน ที่มากกว่า
และจากข้อมูลที่มีตอนนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทั้ง Sculptra และ Radiesse สามารถกระตุ้นได้ทั้งคอลลาเจน และอีลาสตินได้ดีทั้งคู่
ความยาวนานของผลลัพธ์ Sculptra VS. Radiesse
ถ้าเอาตามคำเคลมของบริษัทเลย Sculptra จะเคลมมากกว่า 24 เดือน ส่วน Radiesse จะเคลมที่ประมาณ 12-18 เดือน หรือประมาณ 1 ปีครึ่ง ทั้ง Sculptra และ Radiesse ก็มีผลงานวิจัยที่ออกมาบอก ว่าอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น เพราะว่าทั้ง 2 ตัว สามารถสร้างเนื้อเยื่อของเราขึ้นมาเองตามธรรมชาติ
ดังนั้นขึ้นอยู่กับคนๆ นั้น สร้างคอลลาเจนได้ดีไหม ในต่างประเทศทั้ง 2 ตัว ก็มีงานวิจัยว่าสามารถอยู่ได้ยาวนานมากกว่า 3 ปี ก็มีเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถดูแลตัวหลังฉีดได้มากแค่ไหน เพื่อทำให้การคงตัวของสารอยู่กับเรานานที่สุด
สามารถฉีดร่วมกันได้ไหม ทั้ง Sculptra และ Radiesse
สามารถฉีดร่วมกันได้โดยเลือกบริเวณที่ฉีดตามความเหมาะสม โดยแพทย์จะสามารถแนะนำจุดที่ฉีดร่วมกันบนใบหน้าได้ สำหรับผิวที่ย้วย มีปัญหามาก อาจจะใช้ Sculptra แต่ถ้าอยากเน้นการกระตุ้นอีลาสติน อยากให้ผิวนุ่มเหมือนเด็ก ก็อาจจะใช้ Radiesse ถ้าฉีดคนละบริเวณกัน สามารถฉีดพร้อมกันได้เลย แต่ถ้าฉีดบริเวณเดียวกันควรรออย่างน้อย 1-3 เดือน นะครับ และค่อยมาฉีด
บริเวณที่ฉีดได้ตามโปรโตคอลประเทศไทย
หมอขออนุญาตยึดโปรโตคอลของไทยมาก่อนแล้วกันนะครับ ถ้าเป็น Sculptra จะมีการฉีดด้านข้าง และหน้าแก้มครับ เช่น บริเวณขมับ กราม ขากรรไกร และหน้าแก้ม ปัจจุบัน Sculptra ในเมืองไทย ไม่แนะนำให้ฉีดร่องแก้ม และคาง แต่ในต่างประเทศก็มีงานวิจัยในร่องแก้มเช่นกัน แต่ปัจจุบันในเมืองไทยยังไม่ได้ถูกแนะนำและเป็น Standard protocal
ในขณะที่ Radiesse ในเมืองไทย สามารถฉีดบริเวณร่องแก้มได้ และก็ฉีดร่องน้ำหมากได้ ในจุดนี้ตามโปรโตคอลเมืองไทย Sculptra ยังฉีดไม่ได้นะครับ
สรุปเลือกฉีดอะไรดี ถึงจะดีที่สุดกับเรา
ยาแต่ละตัวไม่ได้มีอันไหนดีกว่าอันไหนอย่างชัดเจน แต่ละตัวก็มีข้อดี ข้อเสียของมัน เราต้องหยิบข้อดีของมันมาใช้ให้ถูกจุด ใช้ยามากใช้ยาน้อย ระยะเวลาเห็นผลที่กี่เดือน เราไม่สามารถนำตัวเลขเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรงนะครับ ขึ้นอยู่กับปัญหาที่เรามี ควรไปปรึกษาแพทย์กันก่อนแล้วค่อยเลือกนะครับว่าเรา เหมาะกับตัวไหนที่สุด
สำหรับใครที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยา 2 ตัวนี้ หรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถทักมาปรึกษากับทางคลินิกได้เลยนะครับ
รีวิว Radiesse
รีวิว Sculptra
ทำไมต้องฉีด Radiesse กับ Sculptra ที่ DSK Clinic
เพราะ DSK ไม่ได้เป็นแค่คลินิก แต่คือ DSK Filler & Lifting Excellence Center ที่มีบริการด้านยกกระชับ และปรับรูปหน้าที่ครบ ทันสมัยที่สุด มีทีมแพทย์ผิวหนังที่เข้าใจเทคโนโลยีด้านการยกกระชับจริงๆ จึงสามารถแนะนำคนไข้ได้ว่าเลือกใช้ Biostimulator ตัวไหน หรือเครื่องมือไหน ในการปรับรูปหน้า ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Sculptra หรือ Radiesse ให้คนไข้ได้รับสิ่งที่เหมาะและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
โดยเฉพาะกับ Radiesse กับ Sculptra ที่เป็นยาตัวใหม่ในไทย เราจึงเป็นผู้นำด้านการรักษาด้วยเทคนิคการฉีด ที่สามารถให้คำปรึกษา และออกแบบการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดด้วย Biostimulator ได้เป็นคลินิกแรกๆ ในประเทศไทย
- เราเป็น 1 ในไม่กี่คลินิกของประเทศไทยที่ผ่านการอบรมเทคนิคขั้นสูง (Advanced technique) จากเทรนเนอร์ระดับโลก (Dr. Luiz Avelar) และระดับเอเชีย (Dr. Jeff Huang) ที่มีประสบการณ์การใช้ Sculptra มายาวนานกว่า 20 ปี จึงได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์โดยตรง
- นอกจากนี้ทีมแพทย์ DSK Clinic เทรนเทคนิคการฉีด Radiesse แบบแอดวานซ์ จาก บริษัท Merz Aesthetics โดย DSK Clinic เป็น 1 ใน 100 คลินิกแห่งแรกของประเทศไทยที่พร้อมให้บริการ เป็นคลินิกที่ได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการจาก Merz และเป็น Certified Injector
- เทคนิค “Advance CMS (Custom multi-directional stimulation)” คือ เทคนิคฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ที่เหนือกว่าด้วยการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เทคนิคนี้มีเฉพาะที่ DSK Clinic เท่านั้น เพราะทุกปัญหาต้องการการวางแผนเพื่อผลลัพธ์สูงสุด แม้จะฉีด Sculptra หรือ Radiesse เหมือนกัน ใช่ว่าผลลัพธ์จะเหมือนกัน การฉีด Sculptra หรือ Radiesse เหมือนกันในทุกๆ จุด ไม่สามารถรักษา หรือแก้ปัญหาผิวที่มีความแตกต่างกันได้
- แพทย์เฉพาะทางผิวหนังและเลเซอร์ ทีมแพทย์ที่ DSK จบการศึกษาเฉพาะทางปริญญาโทด้านผิวหนัง และวุฒิบัตรเฉพาะทางด้านตจวิทยา รวมถึงการในศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง เลเซอร์ และการปรับรูปหน้า จากทั้งสถาบันชั้นนำระดับโลก มีความเชี่ยวชาญพิเศษทั้งด้านผิวหนัง ความงาม การยกกระชับ และเลเซอร์แบบเฉพาะทาง
- มีการติดตามผลลัพธ์ตลอดการรักษา เพื่อประโยชน์ต่อการวางแผนการรักษา เพราะผลลัพธ์ของคนไข้คือสิ่งที่เราใส่ใจที่สุด
DSK Clinic การันตีด้วยรางวัลระดับประเทศ
- รางวัล 2021 Rising Star, The Thailand Fastest Growth for Ultherapy, German Toxin & Swiss Filler คลินิกเดียวในไทย
- รางวัล 2021 The Infinite Award for Merz Swiss Filler สำหรับยอดการใช้งานฟิลเลอร์ Belotero สูงสุดอันดับ 1 ในประเทศ
- รางวัล 2021 Platinum Award for Xeomin ยอดผู้ใช้บริการโบท็อกซ์ Xeomin สูงสุดระดับประเทศจากบริษัท Merz
- รางวัลยอดผู้ใช้บริการฟิลเลอร์ Restylane สูงสุดระดับประเทศจากบริษัท Galderma
❔FAQ คำถาม Radiesse vs Sculptra ที่พบบ่อย
อายุ 20 ฉีด Sculptra หรือ Radiesse ได้ประโยชน์ไหม
อายุ 40 เลือก Sculptra หรือ Radiesse อะไรดีกว่า คุ้มค่ากว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง
- อัปเดต 2023 สรุป 10 ประเด็นต้องรู้ก่อนฉีด Sculptra ครบ จบ ไม่รู้ไม่ได้
- รักษาหลุมสิวให้หายขาดด้วยแผน Custom Scar
- อยากหน้าเด็ก ลงทุนกับอะไรดี Sculptra vs Ulthera
- RADEISSE คืออะไร ?
- Sculptra คืออะไร ?