- Blog
- Custom Skin Quality
- August 21, 2024
อยากผิวเด็กต้องฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์
หมอปอร์เช่
นพ. สราวุธ เหล่ากิจรุ่งโรจน์
แพทย์ผู้ก่อตั้ง DSK Clinic
สารบัญ
คุณหมอขอสรุป ฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์ ได้อย่างไร?
|
Biostimulator นวัตกรรมการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อผิวแน่น เต่งตึง เรียบเนียน กระชับ เหมือนผิวเด็ก หมดกังวลเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ใครสามารถฉีดได้บ้าง ช่วยเรื่องอะไร ทำให้ผิวเด็กได้อย่างไร ใครอยากผิวอ่อนเยาว์ห้ามพลาดบทความนี้
Biostimulator คืออะไร
Biostimulator หรือเรียกอีกอย่างว่า Collagen Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแล้วจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อชดเชยคอลลาเจนที่ลดน้อยลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลังจากฉีดแล้วผิวจะดูแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี สุขภาพผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
Biostimulator มีการทำงานอย่างไร
หลักการทำงานของ Biostimulator คือสารเติมเต็มนี้จะประกอบไปด้วยอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) ซึ่งผลิตมาจากโมเลกุลของพืชที่ผ่านการหมักทางชีวภาพจนเกิดเป็นสารประกอบในรูปแบบพอลิเมอร์ที่มีลักษณะโครงสร้างเข้ากับผิวหนังมนุษย์ เมื่อฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวจะกระตุ้นคอลลาเจนโดยทำงานร่วมกับเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้า กระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างเส้นใยคอลลาเจน (fibroblast) สร้างคอลลาเจน อิลาสติน และไฮยารูโรนิค ทำให้เกิดการสะสมรวมตัวกันของเส้นใยคอลลาเจนใหม่ จึงช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงได้ในระยะยาวนั่นเอง
Biostimulator มีกี่ยี่ห้อ
ในปัจจุบัน Biostimulator มีอยู่ด้วยกันหลากหลายยี่ห้อมากครับ แต่ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งในไทย อเมริกา และเกาหลี อีกทั้งยังสามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้มากที่สุด จะมีหลักๆ ด้วยกันอยู่ 2 ยี่ห้อ ดังนี้
Sculptra
Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสาร PLLA (Poly-L-Lactic acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยดูยกกระชับมากขึ้น ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
Radiesse
Radiesse เป็นสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ที่มีองค์ประกอบของ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งจะเข้าไปกระตุ้นชั้นใต้ผิวหนังให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมา เห็นผลลัพธ์คล้ายการฉีดฟิลเลอร์ ผิวหน้ากระชับ ยืดหยุ่นได้ดี รวมถึงใบหน้าจะดูมีมิติมากขึ้นด้วย
Sculptra VS Radiesse เปรียบเทียบการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
Sculptra กับ Radiesse ต่างก็เป็น Biostimulator ชั้นนำที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ให้ผลดีในการกระตุ้นคอลลาเจนและชะลอวัย แต่มีความแตกต่างในแง่ของส่วนประกอบ
โดย Sculptra ทำจาก Poly-L-Lactic Acid จะออกฤทธิ์ผ่านการอักเสบนิดๆ ในระดับเซลล์เพื่อกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว จากนั้นจะส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่เพิ่มขึ้นมา ในขณะที่ Radiesse ทำจาก Calcium hydroxyapatite ซึ่งคล้ายกับกระดูกของคนเราตามธรรมชาติ จึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เซลล์ Fibroblast โดยตรง
นอกจากนี้ทั้งสองยังต่างกันในเรื่องของระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ โดย Sculptra จะอยู่ได้นานกว่า 24 เดือน แต่ Radiesse อยู่ได้ประมาณ 12-15 เดือน
เปรียบเทียบ Biostimulator แต่ละประเภท
นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น Biostimulator ยังมีอยู่อีกหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันไป ในเรื่องของส่วนประกอบ คุณสมบัติ และการแก้ไขปัญหาผิว
- Aesthefil มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Carboxymethyl Cellulose (CMC) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย กระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่มากนัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ผิวหนังจะกระชับและเรียบเนียนสม่ำเสมอมากขึ้น
- Lenisna มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Hyaluronic acid (HA) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่มาก แต่ HA จะช่วยทำให้ผิวฟูและคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนัง
- Juvelook มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Hyaluronic acid (HA) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย แต่กระตุ้นคอลลาเจนได้น้อย Juvelook จะมีอนุภาคของ PDLLA อยู่เจือจางมากที่สุด เพื่อให้เหมาะกับการนำมาฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น บริเวณรอบดวงตา
- Sculptra มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PLLA (Poly-L-lactic acid) เมื่อฉีดจะกระตุ้นคอลลาเจนได้ยาวนาน แต่ต้องอาศัยเทคนิคที่แม่นยำและชำนาญ
Biostimulator หรือเครื่องยกกระชับ Ulthera / Thermage ดีกว่า?
Biotimulator, Ulthera และ Thermage ต่างก็สามารถช่วยยกกระชับผิวและสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ โดย Biotimulator เป็นหัตถการที่เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวชั้นด้านบนให้แน่น เฟิร์ม กระชับ ด้วยการสร้างคอลลาเจนใหม่เป็นหลัก ส่วน Thermage เหมาะกับผิวชั้นด้านบนเช่นกัน โดยจะช่วยให้คอลลาเจนเดิมหดตัว เหมาะกับผิวที่มีคอลลาเจนเดิมเยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอยากเน้นยกกระชับผิวหนังที่ชั้น SMAS เครื่อง Ulthera จะเหมาะสมกว่า
Biostimulator เหมาะกับใคร
การกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนโดยการฉีด Biostimulator เป็นการกระตุ้นใต้ชั้นผิวหนังอย่างเป็นธรรมชาติ และให้ผลในระยะยาว จึงเหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวดังนี้ครับ
- ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- มีริ้วรอยแห่งวัย ทำให้หน้าดูมีอายุ
- มีความเสื่อมสภาพของผิว เป็นผู้ที่อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ที่ต้องการป้องกันผิวให้คงความอ่อนเยาว์เอาไว้
- ผู้ที่ต้องการทำหัตถการแล้วให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน เพราะ Biostimulator ให้ผลยาวนานมากถึง 2 ปี
Biostimulator ไม่เหมาะกับใคร
Biostimulator ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนอาจมีข้อจำกัดบางประการ ทำให้ไม่เหมาะกับในบางกรณี หากต้องการฉีดจริงๆ ควรปรึกษาหมอก่อนจะทำการฉีด หรือควรรักษาให้หายดีก่อน โดย Biostimulator จะไม่เหมาะกับกลุ่มคนเหล่านี้
- ผู้ที่ใช้ยากลุ่ม NSAID ยากดภูมิคุ้มกัน หรือ corticosteroids เป็นระยะเวลานาน
- มีปัญหาสุขภาพจิต
- มีโรคทางระบบประสาทสัมผัสในการรับรู้ไม่ดี โรคเบาหวาน โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเริม โรคลมชัก
- เคยแพ้สารบางชนิดอย่างรุนแรง รวมถึงเคยแพ้ยาชา
- มีการอักเสบที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการฉีด
- กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- มีภาวะเลือดออกผิดปกติหรือใช้ยาที่ส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำ ห้อเลือด หรือมีเลือดออกได้
- ผู้ที่ใจร้อน อยากเห็นผลในทันที เนื่องจาก Collagen Biostimulator คือการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ จึงต้องให้เวลาร่างกายในการสร้างสักเล็กน้อย
ข้อดีของการฉีด Biostimulator
นวัตกรรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน Biostimulator มีข้อดีหลายอย่างที่จะช่วยให้สุขภาพผิวของเราแข็งแรงขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 1 สูงสุดถึง 150%
- ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 3 สูงสุดถึง 130%
- ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นใยอิลาสตินมากขึ้น ทำให้ผิวยืดหยุ่นดี ลดเลือนริ้วรอย
- กระตุ้นการทำงานของ Proteoglycan ซึ่งจะทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
- กระตุ้นการทำงานของ Angiogenesis ที่ช่วยสร้างเส้นเลือดในการหล่อเลี้ยงผิว ทำให้เลือดสูบฉีดดี สารอาหารต่างๆ สามารถลำเลียงได้อย่างทั่วถึง ทำให้ผิวดูแดงอมชมพู ดูสดใส มีเลือดฝาด
ข้อจำกัดของการฉีด Biostimulator
Biostimulator มีข้อดีต่อผิวมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะเข้ารับการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีนี้ครับ
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Biostimulator เช่น Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) หรือ Non-pyrogenic mannitol
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE) หรือ ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ Biostimulator ชนิดรุนแรง
- ห้ามใช้ในกรณีที่เคยฉีดแล้วผิวหนังตำแหน่งบริเวณที่ทำเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ
ฉีด Biostimulator อยู่ได้นานไหม
หลังจากการฉีด Biostimulator จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนช่วง 1-2 เดือนหลังฉีด หากฉีดเพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์อาจอยู่ได้แค่ 2-4 เดือนครับ จึงแนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง ในช่วงแรกๆ เพื่อให้ผิวค่อยๆ ใช้เวลาปรับตัว แล้วผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลย
การเตรียมตัวก่อนฉีด Biostimulator
การฉีด Biostimulator คล้ายกับการทำหัตถการอื่นๆ ที่ควรมีการเตรียมตัวอย่างถูกวิธีสักหน่อย เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยมีการเตรียมตัวดังนี้
- งดทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า ก่อนมาฉีด 2-4 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1-3 วันก่อนฉีด
- งดทานยาและวิตามินต่างๆ ที่ส่งผลต่อการละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดออกได้ง่าย อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดรอยช้ำได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อประโยชน์ในการให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่
การดูแลตัวเองหลังฉีด Biostimulator
การเตรียมตัวก่อนฉีดเป็นเรื่องที่สำคัญแล้ว ทว่าการดูแลตัวเองหลังฉีดก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลย หากอยากให้การฉีด Biostimulator เป็นไปได้ด้วยดี ควรดูแลตัวเองดังนี้
- หลังจากฉีด 12 ชั่วโมงแรก ให้หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง รวมถึงครีมบำรุงผิวต่างๆ
- หากมีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถนวดเบาๆ ได้
- หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
- พบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อประเมินผลการรักษา
ทำไมต้องทำ Biostimulator และยกกระชับที่ DSK Clinic
เพราะการทำ Biostimulator ที่ DSK Clinic เราใส่ใจความแตกต่างของปัญหาที่คนไข้แต่ละรายต้องการแก้ไข เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เลเซอร์ และการปรับรูปหน้า ที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียด มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือต่างๆ จึงสามารถ “ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล” เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุด เทคนิคที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมและผลลัพธ์ที่เหนือกว่าจากเทคนิคที่แตกต่าง
รีวิวการฉีด Biostimulator ที่ DSK Clinic
* ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสําหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
* ได้รับความยินยอมจากคนไข้ให้ใช้ภาพแล้ว
Facebook: https://www.facebook.com/dsk.clinic/
Instagram: https://www.instagram.com/dsk.clinic/
YouTube: https://www.youtube.com/@dskclinic
TikTok: https://www.tiktok.com/@dskclinic
สรุป
Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่เมื่อฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิวหนังแล้วจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ป้องกันความเสื่อมสภาพของผิว เหมาะมากกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานและเป็นการฟื้นฟูผิวจากภายใน ที่ DSK Clinic เรามีบริการฉีด Biostimulator ที่ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ทำให้สามารถวางแผน ประเมินปัญหาของคนไข้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ออกมาสวยเข้ากับปัญหาแต่ละเคส
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Biostimulator (FAQ)
ได้รู้จัก Biostimulator กันไปแล้วว่าคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ผู้ที่สนใจอยากจะฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีนี้อาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง หมอจึงได้รวบรวมคำถามที่มีคนไข้มาถามหมออยู่บ่อยครั้งมาตอบให้กระจ่างกัน
เลือก Biostimulator แบบไหนดี
ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอ แล้วให้หมอเป็นผู้วินิจฉัยเลือก Biostimulator ที่เหมาะสมกับปัญหา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฉีด Biostimulator เจ็บไหม
ขณะฉีดจะรู้สึกแสบหน่วงเล็กน้อย แต่จะมีการใช้ยาชาร่วมด้วย ทำให้ลดความรู้สึกเจ็บไปได้มาก
ฉีด Biostimulator พร้อมทำหัตถการอื่นได้หรือไม่
สามารถทำได้ โดยทำพร้อมกันหรือเว้นระยะเวลาก่อนหรือหลังฉีด Biostimulator ประมาณ 1 เดือน
บทความที่เกี่ยวข้อง
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เติมเต็มริ้วรอย ชนิดพิเศษ
- เทียบให้ชัด! Sculptra VS Filler ตัวช่วยเติมเต็มใบหน้า เลือกตัวไหนดี?
- Sculptra VS Radiesse เทียบคนละหมัด ตัวท็อปหน้าเด็ก 2 ค่ายดัง
- Sculptra ดีจริงไหม ฉีดที่ไหนดี รวมเรื่องต้องรู้ก่อนฉีด ฉบับอัพเดท 2024
- Radiesse VS HA Filler ฉีดตัวไหน เหมาะกับใคร ควรรู้อะไรก่อนฉีด
- อัพเดท 2024 รักษาหลุมสิว ด้วยเทคนิคล่าสุด ตามงานวิจัยฉบับหมอสกิน